นายกรัฐมนตรี ชอง ฮง วอน แห่งเกาหลีใต้ประกาศลาออกจากตำแหน่งเพื่อรับผิดชอบกรณีเหตุเรือเฟอร์รี่ล่มได้รับการชื่นชมไปทั่ว แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของประเทศเขาเพราะก่อนหน้านี้เมื่อปี 2549 นายกรัฐมนตรี ลี เฮ ชอน เคยประกาศลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบที่มีเสียงวิจารณ์ว่าเขาไปตีกอล์ฟในระหว่างที่พนักงานการรถไฟประท้วง
เหตุเล็กเหตุน้อยเขาก็ลาออกแล้ว ถือเป็นการแสดงสำนึกแห่งความรับผิดชอบทางการเมือง (Accountability) ของผู้ที่อาสาตนเข้ามาทำงานให้ประชาชน ประเทศที่มีพัฒนาการทางการเมืองก้าวหน้าเข้มแข็งอย่างญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ที่มักจะแสดงเรื่องแบบนี้ออกมาจนกลายเป็นมาตรฐานวัฒนธรรมการเมืองที่ยกระดับขึ้นไปอีกขั้น
แม้นายกรัฐมนตรีของเกาหลีใต้มาจากการแต่งตั้งของประธานาธิบดี ซึ่งเป็นประมุขของประเทศแต่ก็ถือเป็นตำแหน่งทางการเมืองสำคัญ ระบบของเกาหลีใต้เป็นสาธารณรัฐ ประมุขคือประธานาธิบดีมาจากการเลือกตั้งโดยตรงมีวาระ 5 ปีเป็นซ้ำไม่ได้ เพราะฉะนั้นคนที่มาเป็นเลิกคิดหวังสืบอำนาจอยู่ต่อให้รากงอก ประธานาธิบดีแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและครม.ไปบริหาร หากเกิดเหตุไม่ชอบมาพากลประธานาธิบดีอาจจะสะกิดให้นายกฯลาออก หรือหากนายกฯหน้าบางก็จะโค้งขอโทษประชาชนลาออกไปเอง
เกาหลีใต้เป็นประเทศพัฒนาแล้วไม่ใช่แค่เศรษฐกิจหรือกีฬาที่สามารถสู้กับมหาอำนาจฝรั่งได้เท่านั้น แต่ในมิติการเมืองเขาก็พัฒนาก้าวไกลลิบ
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง เกาหลีแย่กว่าเรานะครับ เป็นประเทศยากจน ไม่มีอะไรเลย เกาหลีถูกขนาบด้วยมหาอำนาจจีน ญี่ปุ่น ขนาดที่เป็นคนชั้นสองในประเทศญี่ปุ่นเพราะบ้านตัวเองไม่มีอะไรให้ทำกิน ไปอยู่แบบต้องก้มหน้าเหมือนคนไทยมองพม่าเขมรตอนนี้นั่นล่ะ เสร็จจากสงครามโลกก็มาเจอสงครามภายในอีกทำให้ต้องแยกประเทศเป็นเหนือใต้ในตอนนั้นไทยยังส่งทหารไปช่วยรบ จากนั้นเกาหลีใต้ก็ปกครองแบบเผด็จการ มีรัฐประหารแบบที่คนไทยคุ้นเคยนี่แหละ
จุดเปลี่ยนของเกาหลีใต้อยู่ที่เขา “ปฏิรูปใหญ่” ประเทศเมื่อช่วงปี 2530
ใช้เวลาราว 2 ทศวรรษก็ผงาดขึ้นกลายเป็นประเทศมหาอำนาจ
หัวใจสำคัญของการปฏิรูปใหญ่ของเกาหลีคือ ปฏิรูปการเมือง การเศรษฐกิจ และโครงสร้างอำนาจ
คาถาที่เป็นหัวใจคือคำว่า “กระจาย ไม่ กระจุก” ครับ !
ปฏิรูปการเมือง – เดิมประธานาธิบดีมีอำนาจมาก ทหารเข้ามายุ่มย่าม คอรัปชั่นกันเป็นว่าเล่นเพราะอำนาจมันกระจุกอยู่ที่ประธานาธิบดี เขาดัดหลังโดยการกำหนดให้มีการเลือกประธานาธิบดีโดยตรง มีวาระเดียว 5 ปี ครบวาระแล้วไปหางานอื่นทำเป็นต่อไม่ได้ (ซึ่งไทยเราก็นำมาใช้กับส.ว.มีวาระ 6 ปีเป็นซ้ำไม่ได้ ไอ้พวกระยำสภาสูงสภาต่ำพยายามรวมหัวกันแก้กฎหมายให้เป็นซ้ำได้ว่ะ)
ตัดช่องทางควบรวมอำนาจที่คนๆ เดียว สร้างระบบกินแบ่ง ไม่ให้เกิดกินรวบ
จากนั้นก็ปฏิรูปการเอาผิดการคอรัปชั่น ใครมีอำนาจมาโกงกินเอาผิดให้หนัก เขาเลยจับอดีตประธานาธิบดีข้อหาโกงกินได้หลายคน บางคนกระโดดหน้าผาตาย บางคนต้องขอโทษประชาชน ชุนดูฮวาน โรแตวู โดนหมด เอาเป็นว่าอดีตประธานาธิบดีรุ่นก่อนแทบไม่เหลือ
เมืองเขาเอาจริงกับการโกง เมืองของเราประชาชนก้าวหน้ารักประชาธิปไตยบอกว่าโกงไม่เป็นไรขอให้ทำงานว่ะ อย่างนี้อย่าคิดให้ประเทศเราไปไหนไกลหรอก แข่งกับพม่า ลาว เขมรแถวนี้แหละ
เกาหลีใต้เอาจริงเอาจังกับการกระจายอำนาจ เขาแบ่งการปกครองท้องถิ่นหลายแบบ มีทั้งแบบจังหวัดทั้งจังหวัดเป็นเขตปกครอง (แนวคิดจังหวัดปกครองตนเองของไทยก็คล้ายกับแบบนี้) ยังมีเกาะเซจูที่เป็นเขตปกครองพิเศษ และยังมีระบบเมืองใหญ่ 6 เมืองเป็นเขตมหานครหรือ Metropolitan
ทั้งหมดให้มีการเลือกตั้งผู้บริหารโดยตรง !
ทำไมเขาเน้นเรื่องการกระจายออก?
ก็เพราะว่าอำนาจ-งบประมาณแผ่นดินทั้งหลายทั้งปวงจะได้กระจายออกไป ไม่กระจุกอยู่ที่รัฐบาลกลาง คนของเขาในท้องถิ่นจะได้ตรวจสอบผู้บริหารของเขาได้โดยตรง ถ้าประชาชนงอมืองอตีนปล่อยให้มาเฟียท้องถิ่นโกงกินไม่ทำอะไร เมืองนั้นๆ หรือจังหวัดนั้นๆ ก็เจ๊งกันเอง สมมติประชาชนโง่เลือกผู้นำไม่เข้าท่าก็ต้องรับกรรมกันไปเอง
การกระจายอำนาจเต็มพื้นที่ให้มีการเลือกตั้งผู้บริหารเต็มทั้งประเทศของเกาหลีใต้ก็เหมือนญี่ปุ่นที่มีองค์กรท้องถิ่นเต็มพื้นที่เช่นกัน ญี่ปุ่นกระจายอำนาจอย่างจริงจังตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองเพราะอเมริกันกลัวว่าหากให้รัฐบาลกลางมีอำนาจมากเดี๋ยวจะเหมือนนายพลโตโจเที่ยวก่อสงครามอีกเขาเลยกำหนดให้มีการกระจายออกไป ญี่ปุ่นเลยได้รับผลดีไปซะ ระดับการพัฒนาก้าวหน้ากว่าที่อื่น เพราะรัฐบาลกลางไม่กระจุกอำนาจที่ตัว
คาถาหัวใจของกระจายอำนาจยังข้ามไปยังภาคเศรษฐกิจด้วย
สมัยเผด็จการประธานาธิบดีปักจุงฮี (2505) เกาหลีใต้เน้นอำนาจกระจุก การเมืองให้ผู้นำมีอำนาจสูงสุด การเศรษฐกิจก็ส่งเสริม “แชโบล” หรือบริษัทยักษ์ใหญ่ขึ้นมาเพราะตอนนั้นปักจุงฮีเชื่อว่าโมเดลรัฐแอบหนุนให้ยักษ์เอกชนเกิดจะเป็นทางลัดของการพัฒนา แชโบลใหญ่ๆ อย่าง ซัมซุง แดวู ฮุนได ลักกี้โกลสตาร์ จึงเกิดขึ้นมาทำไม้จิ้มฟันยันเรือรบ ทีวี ตู้เย็น รถยนต์ รับเหมาก่อสร้าง ต่อเรือ แชโบลเหมาหมด
กลายเป็นอาณาจักรยักษ์ใหญ่มหึมาเพราะรัฐบาลหนุน นึกภาพไม่ออกนึกถึง ปตท. ก็ได้ ร่ำรวยรายได้มหาศาลเกือบเท่าจีดีพีประเทศ
การปฏิรูปการเมือง และโครงสร้างอำนาจนำมาก่อน จากนั้นก็เป็นมาตรฐาน ค่านิยม วัฒนธรรมทางการเมืองและสังคมแบบใหม่ ที่ส่งเสริมความเป็นปัจเจกชน และธุรกิจรายย่อย รายย่อม ขนาดกลาง ธุรกิจแบบ Creative Economy มากขึ้น
ทุกวันนี้แชโบลกำลังเป็นเป้าโจมตีของคนเกาหลีใต้ที่มีมาตรฐานชีวิตสูงขึ้น รายได้ต่อหัวต่อคนต่อปีเกือบล้านบาทไทยเข้าไปแล้ว คนเกาหลีมองว่าแชโบลเป็นสัญลักษณ์ของช่องว่าง ความไม่เท่าเทียมเป็นธรรม ไม่ยอมให้บรรษัทยักษ์ใหญ่ใช้ความได้เปรียบอีกต่อไป
ปฏิรูปการเมือง โครงสร้างอำนาจ ค่านิยมแล้ว การปฏิรูปการกระจายอำนาจทางเศรษฐกิจก็ตามมาในที่สุด
เกาหลีใต้เป็นประเทศที่เป็นแบบอย่างของการ “ปฏิรูปใหญ่” ที่ประสบผลสำเร็จได้ภายในชั่วอายุคน
ความรับผิดชอบทางการเมืองที่นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้แสดงออกนั้น เป็นดอกผลมาจากการปฏิรูปครั้งใหญ่เมื่อ 20 กว่าปีก่อนนี้เอง.
เหตุเล็กเหตุน้อยเขาก็ลาออกแล้ว ถือเป็นการแสดงสำนึกแห่งความรับผิดชอบทางการเมือง (Accountability) ของผู้ที่อาสาตนเข้ามาทำงานให้ประชาชน ประเทศที่มีพัฒนาการทางการเมืองก้าวหน้าเข้มแข็งอย่างญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ที่มักจะแสดงเรื่องแบบนี้ออกมาจนกลายเป็นมาตรฐานวัฒนธรรมการเมืองที่ยกระดับขึ้นไปอีกขั้น
แม้นายกรัฐมนตรีของเกาหลีใต้มาจากการแต่งตั้งของประธานาธิบดี ซึ่งเป็นประมุขของประเทศแต่ก็ถือเป็นตำแหน่งทางการเมืองสำคัญ ระบบของเกาหลีใต้เป็นสาธารณรัฐ ประมุขคือประธานาธิบดีมาจากการเลือกตั้งโดยตรงมีวาระ 5 ปีเป็นซ้ำไม่ได้ เพราะฉะนั้นคนที่มาเป็นเลิกคิดหวังสืบอำนาจอยู่ต่อให้รากงอก ประธานาธิบดีแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและครม.ไปบริหาร หากเกิดเหตุไม่ชอบมาพากลประธานาธิบดีอาจจะสะกิดให้นายกฯลาออก หรือหากนายกฯหน้าบางก็จะโค้งขอโทษประชาชนลาออกไปเอง
เกาหลีใต้เป็นประเทศพัฒนาแล้วไม่ใช่แค่เศรษฐกิจหรือกีฬาที่สามารถสู้กับมหาอำนาจฝรั่งได้เท่านั้น แต่ในมิติการเมืองเขาก็พัฒนาก้าวไกลลิบ
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง เกาหลีแย่กว่าเรานะครับ เป็นประเทศยากจน ไม่มีอะไรเลย เกาหลีถูกขนาบด้วยมหาอำนาจจีน ญี่ปุ่น ขนาดที่เป็นคนชั้นสองในประเทศญี่ปุ่นเพราะบ้านตัวเองไม่มีอะไรให้ทำกิน ไปอยู่แบบต้องก้มหน้าเหมือนคนไทยมองพม่าเขมรตอนนี้นั่นล่ะ เสร็จจากสงครามโลกก็มาเจอสงครามภายในอีกทำให้ต้องแยกประเทศเป็นเหนือใต้ในตอนนั้นไทยยังส่งทหารไปช่วยรบ จากนั้นเกาหลีใต้ก็ปกครองแบบเผด็จการ มีรัฐประหารแบบที่คนไทยคุ้นเคยนี่แหละ
จุดเปลี่ยนของเกาหลีใต้อยู่ที่เขา “ปฏิรูปใหญ่” ประเทศเมื่อช่วงปี 2530
ใช้เวลาราว 2 ทศวรรษก็ผงาดขึ้นกลายเป็นประเทศมหาอำนาจ
หัวใจสำคัญของการปฏิรูปใหญ่ของเกาหลีคือ ปฏิรูปการเมือง การเศรษฐกิจ และโครงสร้างอำนาจ
คาถาที่เป็นหัวใจคือคำว่า “กระจาย ไม่ กระจุก” ครับ !
ปฏิรูปการเมือง – เดิมประธานาธิบดีมีอำนาจมาก ทหารเข้ามายุ่มย่าม คอรัปชั่นกันเป็นว่าเล่นเพราะอำนาจมันกระจุกอยู่ที่ประธานาธิบดี เขาดัดหลังโดยการกำหนดให้มีการเลือกประธานาธิบดีโดยตรง มีวาระเดียว 5 ปี ครบวาระแล้วไปหางานอื่นทำเป็นต่อไม่ได้ (ซึ่งไทยเราก็นำมาใช้กับส.ว.มีวาระ 6 ปีเป็นซ้ำไม่ได้ ไอ้พวกระยำสภาสูงสภาต่ำพยายามรวมหัวกันแก้กฎหมายให้เป็นซ้ำได้ว่ะ)
ตัดช่องทางควบรวมอำนาจที่คนๆ เดียว สร้างระบบกินแบ่ง ไม่ให้เกิดกินรวบ
จากนั้นก็ปฏิรูปการเอาผิดการคอรัปชั่น ใครมีอำนาจมาโกงกินเอาผิดให้หนัก เขาเลยจับอดีตประธานาธิบดีข้อหาโกงกินได้หลายคน บางคนกระโดดหน้าผาตาย บางคนต้องขอโทษประชาชน ชุนดูฮวาน โรแตวู โดนหมด เอาเป็นว่าอดีตประธานาธิบดีรุ่นก่อนแทบไม่เหลือ
เมืองเขาเอาจริงกับการโกง เมืองของเราประชาชนก้าวหน้ารักประชาธิปไตยบอกว่าโกงไม่เป็นไรขอให้ทำงานว่ะ อย่างนี้อย่าคิดให้ประเทศเราไปไหนไกลหรอก แข่งกับพม่า ลาว เขมรแถวนี้แหละ
เกาหลีใต้เอาจริงเอาจังกับการกระจายอำนาจ เขาแบ่งการปกครองท้องถิ่นหลายแบบ มีทั้งแบบจังหวัดทั้งจังหวัดเป็นเขตปกครอง (แนวคิดจังหวัดปกครองตนเองของไทยก็คล้ายกับแบบนี้) ยังมีเกาะเซจูที่เป็นเขตปกครองพิเศษ และยังมีระบบเมืองใหญ่ 6 เมืองเป็นเขตมหานครหรือ Metropolitan
ทั้งหมดให้มีการเลือกตั้งผู้บริหารโดยตรง !
ทำไมเขาเน้นเรื่องการกระจายออก?
ก็เพราะว่าอำนาจ-งบประมาณแผ่นดินทั้งหลายทั้งปวงจะได้กระจายออกไป ไม่กระจุกอยู่ที่รัฐบาลกลาง คนของเขาในท้องถิ่นจะได้ตรวจสอบผู้บริหารของเขาได้โดยตรง ถ้าประชาชนงอมืองอตีนปล่อยให้มาเฟียท้องถิ่นโกงกินไม่ทำอะไร เมืองนั้นๆ หรือจังหวัดนั้นๆ ก็เจ๊งกันเอง สมมติประชาชนโง่เลือกผู้นำไม่เข้าท่าก็ต้องรับกรรมกันไปเอง
การกระจายอำนาจเต็มพื้นที่ให้มีการเลือกตั้งผู้บริหารเต็มทั้งประเทศของเกาหลีใต้ก็เหมือนญี่ปุ่นที่มีองค์กรท้องถิ่นเต็มพื้นที่เช่นกัน ญี่ปุ่นกระจายอำนาจอย่างจริงจังตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองเพราะอเมริกันกลัวว่าหากให้รัฐบาลกลางมีอำนาจมากเดี๋ยวจะเหมือนนายพลโตโจเที่ยวก่อสงครามอีกเขาเลยกำหนดให้มีการกระจายออกไป ญี่ปุ่นเลยได้รับผลดีไปซะ ระดับการพัฒนาก้าวหน้ากว่าที่อื่น เพราะรัฐบาลกลางไม่กระจุกอำนาจที่ตัว
คาถาหัวใจของกระจายอำนาจยังข้ามไปยังภาคเศรษฐกิจด้วย
สมัยเผด็จการประธานาธิบดีปักจุงฮี (2505) เกาหลีใต้เน้นอำนาจกระจุก การเมืองให้ผู้นำมีอำนาจสูงสุด การเศรษฐกิจก็ส่งเสริม “แชโบล” หรือบริษัทยักษ์ใหญ่ขึ้นมาเพราะตอนนั้นปักจุงฮีเชื่อว่าโมเดลรัฐแอบหนุนให้ยักษ์เอกชนเกิดจะเป็นทางลัดของการพัฒนา แชโบลใหญ่ๆ อย่าง ซัมซุง แดวู ฮุนได ลักกี้โกลสตาร์ จึงเกิดขึ้นมาทำไม้จิ้มฟันยันเรือรบ ทีวี ตู้เย็น รถยนต์ รับเหมาก่อสร้าง ต่อเรือ แชโบลเหมาหมด
กลายเป็นอาณาจักรยักษ์ใหญ่มหึมาเพราะรัฐบาลหนุน นึกภาพไม่ออกนึกถึง ปตท. ก็ได้ ร่ำรวยรายได้มหาศาลเกือบเท่าจีดีพีประเทศ
การปฏิรูปการเมือง และโครงสร้างอำนาจนำมาก่อน จากนั้นก็เป็นมาตรฐาน ค่านิยม วัฒนธรรมทางการเมืองและสังคมแบบใหม่ ที่ส่งเสริมความเป็นปัจเจกชน และธุรกิจรายย่อย รายย่อม ขนาดกลาง ธุรกิจแบบ Creative Economy มากขึ้น
ทุกวันนี้แชโบลกำลังเป็นเป้าโจมตีของคนเกาหลีใต้ที่มีมาตรฐานชีวิตสูงขึ้น รายได้ต่อหัวต่อคนต่อปีเกือบล้านบาทไทยเข้าไปแล้ว คนเกาหลีมองว่าแชโบลเป็นสัญลักษณ์ของช่องว่าง ความไม่เท่าเทียมเป็นธรรม ไม่ยอมให้บรรษัทยักษ์ใหญ่ใช้ความได้เปรียบอีกต่อไป
ปฏิรูปการเมือง โครงสร้างอำนาจ ค่านิยมแล้ว การปฏิรูปการกระจายอำนาจทางเศรษฐกิจก็ตามมาในที่สุด
เกาหลีใต้เป็นประเทศที่เป็นแบบอย่างของการ “ปฏิรูปใหญ่” ที่ประสบผลสำเร็จได้ภายในชั่วอายุคน
ความรับผิดชอบทางการเมืองที่นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้แสดงออกนั้น เป็นดอกผลมาจากการปฏิรูปครั้งใหญ่เมื่อ 20 กว่าปีก่อนนี้เอง.