xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อสะพานมิตรภาพ 4 “เชียงของ-ห้วยทราย” กลายเป็นอุปสรรค

เผยแพร่:   โดย: กิตตินันท์ นาคทอง

สะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 (เชียงของ-ห้วยทราย) ระหว่างนั่งรถโดยสารข้ามจากฝั่งไทยไปยังฝั่งลาว ปัจจุบันเป็นเส้นทางสายหลักเข้าสู่เมืองห้วยทราย แทนการนั่งเรือที่ท่าเรือบั๊ค ข้ามแม่น้ำโขงเดิม
ผมได้มีโอกาสไปเยือนแขวงบ่อแก้ว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งถือว่าเป็นการไปเมืองนอกครั้งแรกในชีวิต (ฮา) จากเดิมที่ผมจะเที่ยวหยุดอยู่แค่เชียงใหม่ แต่เมื่อผมคิดว่าน่าจะไปเที่ยวไกลกว่านี้ อีกทั้งสะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 เปิดแล้ว จึงตัดสินใจข้ามประเทศไปยังเพื่อนบ้านเสียเลย แล้วขากลับค่อยนั่งเครื่องบินจากเชียงรายเข้ากรุงเทพฯ

การเดินทางจากเชียงใหม่ไปแขวงบ่อแก้วใช่ว่าจะราบรื่น ด้วยความที่รถเมล์เขียว (กรีนบัส) ของบริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง ที่นั่งมักจะเต็มเร็ว ผมไปถึงสถานีขนส่งอาเขตตอน 9 โมงเช้า แต่ได้ตั๋วรถเมล์ตอน 11 โมงเช้า ก็ต้องคอยลุ้นกันว่าจะไปถึงสถานีขนส่งเชียงรายได้ทันหรือไม่ เพราะจากเชียงใหม่ใช้เวลาเดินทางไปถึงเชียงรายประมาณ 3 ชั่วโมง

นับว่าโชคดีที่ผมไปถึงสถานีขนส่งผู้โดยสารเชียงราย (ตะเคียนคู่) ตอนบ่ายสองโมงเศษ จึงจองตั๋วโดยสารไปแขวงบ่อแก้วได้ทัน ที่นี่มีรถประจำทางปรับอากาศไปแขวงบ่อแก้ววันละ 3-4 เที่ยว ทำการเดินรถโดย บขส. ร่วมกับบริษัท เพ็ดอาลูนขนส่งผู้โดยสาร จำกัด (PLS) ของ สปป.ลาว ผมได้เที่ยวรถตอน 16.30 น. ซึ่งถือเป็นเที่ยวสุดท้ายจากที่นี่

พอถึงเวลากลายเป็นว่าผมกลายเป็นผู้โดยสารเพียงคนเดียวบนรถทัวร์คันนี้ คนขับก็บอกกับผมว่ารถเมล์จากเชียงใหม่ไปหลวงพระบางยังมาไม่ถึงเลย อันที่จริงผมไปถึงเชียงรายตอนบ่ายสองโมงเศษ น่าจะได้เที่ยวรถเร็วที่สุดตอนบ่ายสามโมง แต่ดูท่าทางผลตอบรับไม่ดีเท่าที่ควร เลยลดจำนวนเที่ยวลง เหลือเที่ยวสุดท้ายสี่โมงครึ่ง

เราใช้เวลาเดินทางด้วยความรวดเร็วประมาณ 2 ชั่วโมง ไปถึงด่านพรมแดนเชียงของเวลาประมาณ 18.30 น. จัดการเขียนบัตรขาออก-บัตรขาเข้าฝั่งไทย ให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองประทับตราในหนังสือเดินทาง จากนั้นนั่งรถเมล์คันเดิมข้ามสะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 ไปยังฝั่งประเทศลาว เขียนบัตรขาเข้าและบัตรขาออกของลาว ประทับตราอีกครั้ง

ระหว่างรถข้ามสะพาน คนขับรถเมล์บอกว่า ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารบ่อแก้วห่างจากเมืองห้วยทรายราว 5 กิโลเมตร ที่นั่นไม่มีรถไปต่อ แนะนำให้ผมลงที่หน้าทางเข้าด่านพรมแดนห้วยทราย จะมีรถสี่ล้อเล็กจอดอยู่ ผมลงจากรถ บอกคนขับรถสี่ล้อเล็กให้ไปส่งที่โรงแรมห้วยทรายริเวอร์ไซด์ ผมถามราคาเท่าไหร่ เขาตอบว่า 400 บาท หรือ 1 แสนกีบ

ได้ฟังราคาแทบช็อก เพราะผมมีเงินสดติดตัวเพียง 1 พันบาท แต่ก็ต้องยอมเพราะใกล้จะมืดแล้ว โชคดีที่ผมกดเงินสดแต่ธนบัตรใบละ 100 บาท ค่อยหยิบสะดวกใช้ขึ้นมาหน่อย อีกทั้งผมจองโรงแรมผ่านเว็บไซต์อโกด้าและชำระเงินล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว เลยไม่ซีเรียสเท่าไหร่นัก เพียงแต่ว่าจะจับจ่ายใช้สอยอะไรก็ระวังมากขึ้นเพราะต้องเผื่อเที่ยวกลับ

รถสี่ล้อเล็กนำพาผมไปยังเมืองห้วยทราย ห่างจากสะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 ไปประมาณ 10 กิโลเมตร จากจุดนั้นเราได้เห็นทางหลวงหมายเลข 3 ซึ่งก่อสร้างขึ้นมาใหม่ ไปยังแขวงหลวงน้ำทา ต่อด้วยด่านพรมแดนบ่อเต็น กับเมืองบ่อหาน ประเทศจีน ระยะทาง 225 กิโลเมตร สภาพทางลาดยางอย่างดี เหมาะกับการนั่งรถทางไกลไปเมืองจีนอย่างมาก

จากทางหลวงหมายเลข 3 รถได้เลี้ยวซ้ายเข้าไปยังถนนเส้นเล็กๆ มุ่งหน้าไปยังเมืองห้วยทราย เจอสะพานไม้สุดคลาสสิกที่รถต้องสลับกันข้าม เห็นวิถีชีวิตชาวบ้านซึ่งอยู่กันอย่างเรียบง่าย ก่อนที่จะเข้าสู่เมืองห้วยทราย ได้พบกับบรรดาร้านค้าที่ยามพลบค่ำไม่ค่อยคึกคักเท่าที่ควร ส่วนใหญ่เป็นร้านของชำ ไม่มีเซเว่นอีเลฟเว่นเหมือนอย่างในเมืองไทย

ผมสังเกตเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่ต่างค้างคืนที่นี่ เพราะจะต่อไปยังเมืองหลวงพระบางในวันรุ่งขึ้น ร้านค้า ร้านอาหารที่นั่นรับเงินไทย แต่ก็ต้องสอบถามกันก่อน ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งผมสั่งสปาเก็ตตี้แบบลาว กำชับว่าไม่เผ็ดมาก สนนราคาจานละ 4 หมื่นกีบ หรือ 160 บาทไทย เบ็ดเสร็จรวมเครื่องดื่มผมให้ไป 200 บาท ทอนมา 5 พันกีบ

ทุกวันนี้ผมยังเก็บเงินกีบเอาไว้เป็นที่ระลึก ถึงสภาพธนบัตรใบละ 2 พันกีบ 2 ใบ และ 1 พันกีบ 1 ใบจะโทรมมากก็ตาม แม้จะมีเครื่องเอทีเอ็มธนาคารบีซีอีแอลให้บริการ แต่หากใช้บัตรเดบิตจากเมืองไทยกดเงินสดจะเสียค่าธรรมเนียมหลักร้อยบาท เลยยอมที่จะจับจ่ายน้อยลง นอกจากค่าอาหารแล้วซื้อแค่เบียร์ลาวกระป๋องละ 30 บาทไปกินบนที่พักแค่นั้น

ที่โรงแรมเป็นกึ่งเกสต์เฮ้าส์ ดูดีกว่าโรงแรมอื่น ราคาตกคืนละ 1 พันบาท มีร้านอาหารริมน้ำ สิ่งอำนวยความสะดวกคล้ายกับเมืองไทย ยามเช้าที่บันไดหนีไฟจะเห็นทัศนียภาพแม่น้ำโขง ฝั่งตรงข้ามเป็นเชียงของ ในตอนเช้าจะเปิดให้ลูกค้ารับประทานอาหารเช้าตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึง 9 โมงเช้า มีให้เลือกระหว่างอาหารเช้าแบบอเมริกัน ก๋วยเตี๋ยว หรือข้าวซอย

ที่นั่นมีทีวีของลาวให้ชม 5 ช่อง นอกนั้นเป็นรายการของไทย ที่น่าสังเกตคือคนที่นี่นอกจากละครหลังข่าวแล้ว มักจะชอบดูรายการข่าวสรยุทธ์ช่อง 3 ข่าวภาคค่ำช่อง 11 กับทีวีเสื้อแดงอย่างเอเชียอัปเดตอยู่เยอะมาก ซึ่งในวันนั้นมีการชุมนุมที่ถนนอุทยานพอดี แม้ที่ห้องพักจะมีช่องบลูสกายให้ดูก็ตาม (แอบน้อยใจนิดๆ ที่ไม่มีเอเอสทีวีให้ดู)

ระหว่างที่ผมบ่นเรื่องทีวีในทวิตเตอร์ก็ถึงบางอ้อ เมื่อคอลัมนิสต์ชื่อดังอย่าง แคน สาริกา บรรณาธิการบริหารเนชั่นสุดสัปดาห์ บอกกับผมผ่านทวิตเตอร์ว่า ไม่เฉพาะห้วยทราย แขวงริมโขง และเวียงจันทน์ คนส่วนใหญ่ดูทีวีจอแดงมานานแล้ว และเชียร์คนเสื้อแดง แม้แต่ลาวในสหรัฐฯ ก็หนุนคนเสื้อแดงเช่นกัน

ถึงกระนั้นเมื่ออยู่บนแผ่นดินลาว จะเปิดช่องรายการเมืองไทยก็กระไรอยู่ เลยเปิดทีวีช่องลาวสตาร์แช่ไว้ ยามเช้ามีรายการคุยข่าวยัน 10 โมงเช้า ส่วนใหญ่จะเป็นข่าวชาวบ้าน แต่เวลาสื่อสารด้วยภาษาไทยคนที่นี่ก็ฟังรู้เรื่อง ตอบกลับได้ ข้อดีของเมืองห้วยทรายซึ่งอยู่ตรงข้ามกับเมืองไทยก็ตรงนี้

เมื่อถึงเวลาเดินทางกลับ โรงแรมนี้อยู่ใกล้ท่าเรือข้ามฟาก คิดไว้แต่แรกว่าจะข้ามเรือกลับไป แต่ปรากฎว่าเมื่อไปติดต่อ ตม.ของลาว เจ้าหน้าที่บอกกับผมว่า ต้องไปสะพานนะ ความซวยจึงบังเกิดเพราะขาไปรถสี่ล้อเล็กคิด 400 บาท แต่ผมเหลือเงินติดตัวแค่ 2-3 ร้อยบาทแค่นั้น โชคดีที่ผมถามรถสี่ล้อเล็กบอกไปส่งที่สะพานเท่าไหร่ บอกว่า 200 บาทเท่านั้น

ผมนั่งรถสี่ล้อเล็กกลับจากห้วยทรายไปยังสะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 อีกครั้ง บริเวณใกล้ด่านตรวจคนเข้าเมืองผมสังเกตเห็นสถานที่ก่อสร้างเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์อยู่ที่ฝั่งริมแม่น้ำโขง แต่ยังไม่ก่อสร้าง ผมยื่นบัตรขาออกของลาวให้เจ้าหน้าที่ ก่อนนั่งรถโดยสารวิ่งเฉพาะสะพาน เสียค่าโดยสารคนละ 25 บาท แต่ต้องรอคนเต็มก่อนรถถึงจะออก

เมื่อข้ามมาฝั่งไทย ผมนั่งรถสี่ล้อเล็กเพื่อกลับไปยังท่ารถเชียงของ ที่นั่นเสียค่าโดยสารคนละ 50 บาท แต่ต้องรอผู้โดยสารให้ครบ 4 คนรถถึงจะออก รอนานประมาณครึ่งชั่วโมงสองสามีภรรยาชาวลาวขึ้นมาแล้ว จากนั้นสิบนาทีต่อมาหนุ่มชาวบ่อแก้วพาสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ บอกจะไปหาคลีนิครักษาสัตว์ที่เชียงของ รถถึงออกจากด่านพรมแดนมาได้

การไปเที่ยวลาวครั้งแรกของผม เพียงแค่ 1 วัน 1 คืน ทำให้ผมได้บทเรียนการไปเมืองนอกเพิ่มขึ้น เช่น การเตรียมความพร้อมโดยเฉพาะเรื่องเอกสารและเงิน อย่างการเขียนบัตรผ่านแดนในช่อง Occupation ด้วยความที่ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงเลยนึกไม่ออกว่าอาชีพพนักงานบริษัทคืออะไร แต่สุดท้ายกรอกไปว่า Employee ซึ่งก็ถูก เพราะหมายถึงลูกจ้าง

ส่วนเรื่องเงินที่จะนำไปใช้จ่ายในต่างประเทศ ได้รับคำแนะนำว่า ควรเตรียมเงินสดให้เพียงพอตลอดทริป เพราะหากรูดบัตรเครดิตไทยในต่างประเทศ จะถูกคิดอัตราแลกเปลี่ยนที่แพงกว่าแลกเงินที่เคาน์เตอร์ หรือหากกดเงินสดในต่างประเทศจะถูกคิดค่าธรรมเนียมสูงถึงหลักร้อยบาท

ส่วนเครือข่ายมือถือ ที่ห้วยทรายสัญญาณเอไอเอสและดีแทคเข้าถึง โดยเฉพาะที่พักสัญญาณประมาณ 3-4 ขีด ออกข้างนอกอินเตอร์เน็ตเหลือความเร็ว EDGE แต่ก็นึกเสียวๆ ว่าจะถูกคิดค่าบริการโรมมิ่งหรือไม่ แม้จะกด *106# ไว้แล้วก่อนหน้านี้ก็ตาม กลับเมืองไทยเช็กยอดเงินแล้วก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ อีกทั้งบนหน้าจอไม่ได้ระบุชื่อเครือข่ายอื่น

ขออนุญาตพูดถึง อ.เชียงของ จ.เชียงรายสักครั้ง หลังจากที่สะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2556 พบว่าความคาดหวังที่เมืองเชียงของจะเจริญขึ้นกลับเปลี่ยนแปลงไปอีกด้านหนึ่ง อันเนื่องมาจากสะพานแห่งนี้กลายเป็นอุปสรรคที่ทำให้บรรยากาศการค้าชายแดนซบเซาลงไป

ผมคุยกับคุณอัจฉราวดี บัวคลี่ ผู้ชำนาญการสื่อพลเมือง สำนักเครือข่ายสื่อพลเมือง องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (สสท.) หรือไทยพีบีเอส ก่อนที่ผมจะไปแขวงบ่อแก้วในวันรุ่งขึ้น เล่าให้ฟังว่าหลังเปิดสะพานไม่นาน ผลกระทบต่อบรรยากาศการท่องเที่ยวของ อ.เชียงของ เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เธอได้ยกผลสำรวจหัวข้อ “เชียงของพร้อมเป็นแหล่งท่องเที่ยวชายแดนแห่งใหม่จริงหรือ” โดยศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและพยากรณ์ทางการเกษตร (แม่โจ้โพลล์) พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 77.50 เห็นว่าหลังการเปิดสะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 จำนวนนักท่องเที่ยวได้เพิ่มขึ้น และร้อยละ 90.20 เห็นว่ามีความพร้อมที่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวชายแดนใหม่

แม้จากผลสำรวจจะพบว่าแนวโน้มด้านการท่องเที่ยวของอำเภอเชียงของจะเป็นไปในทิศทางที่ดี แต่จากการลงพื้นที่ของทีมงานศูนย์วิจัยฯ ก็พบว่ามีปัญหามากมายที่ท้าทายการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว เช่น ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านการท่องเที่ยว หรือจะเป็นปัญหาการย้ายจุดบริการประทับตราหนังสือเดินทาง พาสปอร์ตและวีซ่า

โดยเฉพาะหลังจากที่สะพานเปิดใช้งาน จุดตรวจด่านตรวจคนเข้าเมืองเชียงของ บริเวณท่าเรือบั๊คซึ่งจะข้ามไปฝั่งลาวบริเวณใกล้ที่พักถูกยกเลิก และย้ายไปอยู่ที่สะพานซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 10 กิโลเมตร แต่ชาวบ้านไม่รู้ ทำให้นักท่องเที่ยวหันข้ามไปฝั่งลาวที่นั่น ชาวบ้านที่นั่นปรับตัวไม่ทัน

อ่านประกอบ : ผลสำรวจเชียงของพร้อมเป็นแหล่งท่องเที่ยวชายแดนแห่งใหม่จริงหรือ ?

ขณะที่เฟซบุ๊ก “ชมรมท่องเที่ยวอำเภอเชียงของ” เปิดเผยถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นว่า สาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายพิธีการผ่านแดนของ สปป.ลาว อย่างกะทันหัน และเป็นสิ่งที่เหนือการคาดเดาของนักวิชาการ นักวิเคราะห์ นักวิจัย ที่เข้ามาจัดการอบรมสัมมนาให้เตรียมพร้อมการรับและรุกเมื่อสะพานเปิดให้กับคนในพื้นที่

กล่าวคือทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2556 และวันรุ่งขึ้นเปิดใช้ คือวันที่ 12 ธันวาคม 2556 ตม.ลาวกำหนดให้ผู้ถือหนังสือเดินทางเข้า-ออกลาว ให้ใช้ช่องทางผ่านแดนได้ เฉพาะด่านพรมแดนที่สะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 เพียงแห่งเดียวเท่านั้น ทำให้สถานการณ์ของท่าเรือบั๊คตกอยู่ในสภาพเงียบเหงา

“เมื่อท่าเรือบั๊คไม่มีนักท่องเที่ยว นอกจากคนท้องถิ่นใช้สัญจรไปมาหาสู่กันเท่านั้น ส่งผลให้เขตบริเวณในตัวเมืองเชียงของเงียบการค้าการขาย ธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวซบเซา จากเดิมที่คาดหวังว่าหลังเปิดสะพานการค้าขายน่าจะคึกคัก กระจายได้สู่ชุมชน นี่คือสิ่งที่พวกเราผิดหวัง แต่ก็ไม่ย่อท้อ จะพยายามทำวิกฤตเป็นโอกาสให้ได้”

สอดคล้องกับคนขับรถสี่ล้อเล็กที่เข้ามาคุยกับผมระหว่างรอผู้โดยสารที่จะออกมาจากด่านตรวจคนเข้าเมืองเชียงของ บอกว่าหลังจากที่สะพานเปิดแล้วโดยส่วนตัวรู้สึกผิดหวัง เนื่องจากบรรยากาศในเมืองเชียงของซบเซาลงไปมาก แต่กต่างจากที่แม่สายซึ่งคึกคักกว่า เขาคาดหวังว่าหลังเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ปี 2558 น่าจะกลับมาดีขึ้น

แต่ถึงกระนั้น เขาเห็นว่าค่ารถสี่ล้อเล็กจากสะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 ไปยังเมืองห้วยทรายนั้นถือว่าแพงเกินไป แม้จะเข้าใจดีว่าช่วงที่ผมใช้บริการนั้นเป็นช่วงพลบค่ำก็ตาม รวมทั้งราคาสินค้า ผมเล่าให้ฟังว่าผมซื้อเบียร์ลาวกระป๋องละ 30 บาท เขาบอกว่าพอเอาเข้าจริงเบียร์ลาวที่โน่นกระป๋องหนึ่งตกอยู่ที่ 12-13 บาทเอง

โดยรวมผมเห็นว่าค่าใช้จ่ายทางฝั่งลาว โดยเฉพาะเมืองห้วยทรายซึ่งเป็นเมืองท่าและจุดต่อรถไปยังเมืองสำคัญๆ เช่น หลวงน้ำทา หลวงพระบาง เมืองหล้า เชียงรุ้ง ฯลฯ เริ่มจะกลายเป็น “ราคานักท่องเที่ยว” ทั้งๆ ที่ไม่มีโมเดิร์นเทรด ซึ่งหากเป็นเช่นนี้อาจจะกระทบกับความรู้สึกต่อนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ที่เน้นความคุ้มค่า เช่น แบ็คแพคเกอร์ (Backpacker)

ส่วนฝั่งเชียงของเอง แม้สะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 จะทำให้นักท่องเที่ยวที่ข้ามฝั่งไปลาวไม่ผ่านตัวอำเภอ แต่ยังคงเป็นศูนย์กลางทางการค้าและการบริการ เช่น รถโดยสารจะต้องจอดที่ตัวอำเภอ ก่อนที่จะต่อรถสี่ล้อเล็กไปยังด่านพรมแดน หรือการที่โมเดิร์นเทรดชื่อดังอย่างเทสโก้ โลตัส เปิดสาขาเชียงของ หรือการมีสถานพยายาล เช่น คลีนิคขึ้นป้ายภาษาลาว

สิ่งที่น่าเป็นห่วงนับต่อจากนี้ คือการที่เขตเศรษฐกิจสำคัญจะถูกโยกไปอยู่บริเวณสามแยกด่านพรมแดน ห่างจากตัวอำเภอ 5 กิโลเมตร ซึ่งพบว่ามีการก่อสร้างอาคารพาณิชย์ไว้รองรับ หากตัวอำเภอที่เป็นเมืองเก่ายังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงได้ ก็จะกลายเป็นเมืองที่ซบเซา แต่นับว่าโดยพื้นฐานที่เป็นอดีตเมืองท่ายังโชคดีกว่าเมืองอื่นๆ

แม้ระยะเวลา 2 วัน 1 คืนที่ผมข้ามฝั่งไปยังประเทศลาวดูเหมือนจะสั้นลงก็ตาม แต่ก็นำสิ่งที่พบเห็น และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมาเล่าสู่กันฟังแก่คุณผู้อ่าน หวังไว้ในใจว่าโอกาสหน้าอาจจะได้มาสัมผัสชีวิตของเมืองเชียงของ แล้วต่อด้วยประเทศลาวอีก โดยเฉพาะหลวงพระบาง ที่นักท่องเที่ยวหลายคนต่างแนะนำให้ผมไปสัมผัสสักครั้ง
รถโดยสารประจำทางระหว่างประเทศ สายบ่อแก้ว-เชียงของ-เชียงราย ให้บริการวันละ 3-4 เที่ยว จากสถานีขนส่งเชียงราย 2 (ตะเคียนคู่) โดยมี บขส. ของไทย ร่วมเดินรถกับบริษัท เพ็ดอาลูนขนส่งผู้โดยสาร ค่าโดยสาร 220 บาท

บรรยากาศเมืองห้วยทรายยามค่ำคืน ไม่มีสถานบันเทิง ไม่มีร้านสะดวกซื้อ มีแต่ร้านอาหาร และร้านขายของชำซึ่งมีอยู่จำนวนมาก ผู้คนใช้ชีวิตเรียบง่าย บางร้านค้ารับเงินไทยด้วย
ทัศนียภาพริมแม่น้ำโขง ถ่ายจากบันไดหนีไฟของโรงแรมห้วยทรายริเวอร์ไซด์เกสท์เฮ้าส์ ฝั่งตรงข้ามเป็น อ.เชียงของ จ.เชียงรายของไทย เห็นได้ชัดว่าบริเวณท่าเรือบั๊คเป็นไปด้วยความซบเซา หลังการเปิดสะพาน

ข้าวซอย อาหารเช้าของโรงแรมห้วยทรายริเวอร์ไซด์เกสท์เฮ้าส์ ที่นี่จะมีอาหารเช้าให้เลือกระหว่างอาหารเช้าแบบอเมริกัน ก๋วยเตี๋ยว หรือข้าวซอยแบบลาว รสชาติคล้ายก๋วยเตี๋ยวแต่มีความเปรี้ยวและมันซ่อนอยู่
วัดจอมเขามณีรัตน์ ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือเมืองห้วยทราย มีพระอุโบสถขนาดกลาง สร้างด้วยไม้สักศิลปะแบบไทใหญ่ ได้รับการปฏิสังขรณ์ใหม่โดยสมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาฯ เมื่อเสด็จประพาสเมืองห้วยทรายเมื่อปี 2537

ท่าเรือข้ามฟากไปยังเชียงของ ปัจจุบันเป็นไปอย่างซบเซา หลัง สปป.ลาวเปลี่ยนแปลงวิธีการผ่านแดนให้ไปที่สะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 เพียงแห่งเดียว ต้องเหมารถสี่ล้อเล็ก เสียค่าโดยสารไปที่พรมแดนอีก 200 บาท

ทางหลวงหมายเลข 3 จากจุดนี้ตรงไปหลวงน้ำทา สู่มณฑลยูนนาน ประเทศจีน เฉพาะส่วนที่ผ่าน สปป.ลาว มีระยะทาง 228 กิโลเมตร สภาพถนนอยู่ในระดับมาตรฐาน มีสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก (จากปกติจะเป็นสะพานไม้ รถต้องวิ่งสลับช่องจราจร)
สถานที่ก่อสร้างเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ บริเวณใกล้สะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 ป้ายโฆษณาระบุภาษาลาวที่แปลว่า ชีวิตที่ทันสมัย
เที่ยวกลับจากห้วยทราย ระหว่างข้ามสะพานแม่น้ำโขง หลังจากทำพิธีประทับตราขาออกจากฝั่งลาวเรียบร้อยแล้ว จะมีรถประจำทางวิ่งรับ-ส่งข้ามสะพานระหว่างชายแดน เมื่อประทับตราขาเข้าจากฝั่งไทยจะมีรถสี่ล้อเล็ก สรุปจากห้วยทรายไปเชียงของต้องนั่งรถกัน 3 ต่อ

ตัวเมืองเชียงของ ปัจจุบันเป็นไปอย่างซบเซา หลัง สปป.ลาวเปลี่ยนแปลงวิธีการผ่านแดน แต่ยังคงเป็นศูนย์กลางทางการค้าและบริการระหว่างไทยกับลาว เช่น โรงแรมที่พัก ท่ารถโดยสารประจำทางไปกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ สถานพยาบาล ร้านค้าจำหน่ายอุปกรณ์การเกษตร ฯลฯ
สิ่งหนึ่งที่บ่งบอกว่าเชียงของเจริญแล้ว คือ มีห้างสรรพสินค้าเทสโก้ โลตัส มาเปิดสาขาที่นี่ ก่อนถึงตัวเมืองเชียงของเล็กน้อย ชาวไทยและชาวลาวนิยมมาซื้อของที่นี่เพื่ออุปโภคบริโภค หรือนำไปจำหน่ายต่อในท้องถิ่น
*****************
คำแนะนำ :

- ที่ จ.เชียงราย มีรถโดยสารประจำทางไปแขวงบ่อแก้วทุกวัน แต่ต้องไปขึ้นรถที่สถานีขนส่งผู้โดยสารเชียงรายแห่งที่ 2 (ตะเคียนคู่) ห่างจากตัวเมืองประมาณ 5 กิโลเมตร ซื้อตั๋วได้ที่บูธของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ค่าโดยสาร 220 บาท และค่าล่วงเวลาด่านพรมแดนเชียงของ 5 บาท รถออกเวลา 07.00, 10.00, 15.00 และเที่ยวสุดท้าย 16.30 น. ปลายทางจะอยู่ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารบ่อแก้ว รถออกเวลา 07.30, 09.30, 16.00 และเที่ยวสุดท้าย 17.00 น.
- รถประจำทางจาก จ.เชียงราย ไป อ.เชียงของ มีรถเมล์ร้อนสายเชียงราย-เวียงเชียงรุ้ง-เชียงของ ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง 30 นาที และรถเมล์ร้อนสายเชียงราย-เทิง-เวียงแก่น-เชียงของ ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง รถออกเที่ยวสุดท้ายประมาณ 4 โมงเย็น จากเชียงรายขึ้นรถได้ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารเชียงราย (เก่า) ส่วนเที่ยวกลับจากเชียงของขึ้นรถได้ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น อีเลฟเว่น ตลาดเย็น
- ที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย มีรถโดยสารประจำทางจากกรุงเทพฯ ของ บขส. สมบัติทัวร์ สยามเฟิร์สทัวร์ โชครุ่งทวีทัวร์ และเชิดชัยทัวร์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 12 ชั่วโมง ขึ้นรถได้ที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 จาก จ.เชียงใหม่มีของ บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง (รถเมล์เขียว) วันละ 2 เที่ยว คือ รถวีไอพี ใช้เวลาเดินทาง 5 ชั่วโมง และรถ ปอ.1 ใช้เวลา 6 ชั่วโมง ขึ้นรถได้ที่สถานีขนส่งอาเขต รถจะจอดรับ-ส่งผู้โดยสารที่แม่ขะจาน วังเหนือ พะเยา ดอกคำใต้ จุน เชียงคำ เทิง ถึงเชียงของ
- ปัจจุบันพิธีการผ่านแดนของ สปป.ลาว จะดำเนินการที่สะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 เพียงแห่งเดียวเท่านั้น ไม่ได้ดำเนินการที่ท่าเรือบั๊คเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว คนที่นั่งรถโดยสารประจำทางจากกรุงเทพฯ หรือเชียงราย สามารถลงรถได้ที่สามแยกด่านพรมแดน แล้วต่อรถรับจ้างเข้าไปในด่านพรมแดนเชียงของได้ หรือหากใช้บริการรถรับจ้างมีทั้งมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ห้างเทสโก้ โลตัส เชียงของ หรือรถสามล้อเครื่องที่หน้าเซเว่น อีเลฟเว่น ตลาดเย็น แต่ราคาจะแพงกว่า
- ด่านพรมแดนเชียงของ ตั้งอยู่ที่สะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 เปิดทำการตั้งแต่เวลา 6 โมงเช้าถึง 4 ทุ่มทุกวัน หากมีหนังสือเดินทางสามารถเขียนบัตรขาเข้า และบัตรขาออกก่อนยื่นให้เจ้าหน้าที่ประทับตราไว้เลย จากนั้นนั่งโดยสารรถประจำทางขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำโขง ค่าโดยสารคนละ 25 บาท ก่อนลงจากรถเขียนบัตรขาเข้า และบัตรขาออกยื่นให้เจ้าหน้าที่ประทับตราอีกครั้ง สามารถพำนักในประเทศลาวได้ 30 วัน ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการผ่านแดนทั้งฝั่งไทยและลาว
- ใครไม่มีหนังสือเดินทาง ให้ไปทำบัตรผ่านแดนชั่วคราว ได้ที่ศูนย์อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน บริเวณที่ว่าการอำเภอเชียงของ โดยใช้บัตรประจำตัวประชาชนเป็นหลักฐาน เสียค่าธรรมเนียม 30 บาท สามารถพำนักได้ 3 วัน 2 คืน เฉพาะพื้นที่ที่กำหนดไว้ (จะไปหลวงน้ำทาหรือหลวงพระบางไม่ได้) และเมื่อข้ามแดนไปยังฝั่งประเทศลาว ต้องเสียค่าเหยียบแผ่นดินลาว วันธรรมดา 50 บาท และวันหยุด 70 บาท
- ที่ห้วยทราย ร้านค้าที่นั่นพูดภาษาไทยได้บ้าง และรับเป็นเงินบาทไทยอยู่หลายร้าน ควรสอบถามเจ้าของร้านก่อนว่ารับเงินไทยหรือไม่ หากนึกไม่ออกว่าเงินกี่กีบเท่ากับกี่บาท ให้ลองคิดง่ายๆ คือ ทุกๆ 5,000 กีบลาว เท่ากับ 20 บาทไทย (คำว่ายี่สิบบาท ชาวลาวเรียกว่า ซาวบาท) (ณ วันที่ผมเดินทาง) ทางที่ดีก่อนเข้าประเทศลาวควรกดเงินสดเป็นธนบัตรย่อย ใบละ 20 บาท หรือ 100 บาทเพื่อสะดวกใช้ ธนบัตรที่ลาวนิยมใช้เริ่มต้นที่ 1,000 ถึง 100,000 กีบ
- สัญญาณโทรศัพท์มือถือที่ห้วยทราย หากพักอยู่ในรัศมีแถบริมแม่น้ำโขง สัญญาณเครือข่ายเอไอเอสและดีแทคใช้ได้ แต่แนะนำให้แจ้งปิดบริการข้ามแดนอัตโนมัติ หรือ อินเตอร์เนชั่นแนล โรมมิ่งก่อนให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น การเชื่อมต่อสัญญาณระหว่างเครือข่าย รับสายจากไทยนาทีละ 26 บาท โทรออกกลับไทยนาทีละ 31-32 บาท และอินเตอร์เน็ตเมกะไบต์ละ 461 บาท แนะนำให้ซื้อซิมการ์ดที่ลาวใช้งาน สอบถามชาวลาวส่วนใหญ่จะแนะนำเครือข่าย ETL
- ที่สถานีขนส่งบ่อแก้ว มีรถประจำทางเส้นทางในประเทศ หลักๆ ไปหลวงน้ำทา หลวงพระบาง นครหลวงเวียงจันทน์ วังเวียง ระหว่างประเทศมีทั้งเชียงของ เชียงรายของไทย, เมืองหล้า เชียงรุ้ง คุณหมิงของจีน เดียนเบียนฟู และฮานอยของเวียดนาม ดูรายละเอียดที่นี่
- จากห้วยทรายถ้าจะกลับมาที่เชียงของ โดยไม่ได้ไปขึ้นรถที่สถานีขนส่งบ่อแก้ว มีรถสี่ล้อเล็กจอดอยู่ละแวกท่าเรือ โปรดตกลงราคาที่คนขับก่อนใช้บริการ เมื่อถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองบ่อแก้ว หลังทำพิธีการประทับตราหนังสือเดินทางแล้ว จะมีรถประจำทางวิ่งระหว่างสะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 ค่าโดยสารคนละ 25 บาท เมื่อมาถึงฝั่งไทยหลังทำพิธีประทับตราหนังสือเดินทางอีกครั้งแล้ว มีรถสี่ล้อเล็กให้บริการ ค่าโดยสารคนละ 50 บาท รอครบ 4 คนรถจะออก หรือจะเหมาคนเดียว 200 บาท
กำลังโหลดความคิดเห็น