ในที่สุดการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ก็กลายเป็นโมฆะไป ตามที่หลายๆคนคาดการณ์กันเอาไว้ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 6 ต่อ 3 ให้การเลือกตั้ง ส.ส. 2 ก.พ. 2557 ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ถือว่าเป็นโมฆะ
การเลือกตั้งครั้งนี้เข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 108 ที่บัญญัติว่า หลังการยุบสภาแล้วการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วไปต้องกำหนดภายใน 45-60 วัน และจะต้องกระทำในวันเดียวกันทั้งประเทศ
ถ้าดูเฉพาะกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรานี้ กฎหมายมีเจตนารมณ์ให้การเลือกตั้งทั่วประเทศดำเนินไปได้ในวันเดียวกันทั่วประเทศเพื่อให้การเลือกตั้งดำเนินไปโดยสุจริตยุติธรรม การเลือกตั้งวันที่ 2 กพ.ก็ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เห็นได้ชัดๆอยู่แล้ว
ก่อนหน้านี้นักกฎหมายหลายท่านได้ออกมาแสดงความคิดเห็นให้รัฐบาลและกกต.เลื่อนกำหนดการเลือกตั้งออกไปก่อนเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ทางการเมือง บางท่านก็เห็นว่าควรจะปฏิรูปประเทศเพื่อแก้ปัญหาวิกฤติทางการเมืองเสียก่อน แล้วจึงจัดการเลือกตั้ง แต่รัฐบาลไม่ฟังเสียงและกกต.กำหนดการเลือกตั้งจนโมฆะตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญจนได้
ทำไมรัฐบาลจึงดึงดันจะต้องเลือกตั้งให้ได้ทั้งๆที่เห็นอยู่แล้วว่าจะต้องมีปัญหาและส่อว่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เพียงกรณีนี้เท่านั้น ก่อนหน้านี้รัฐบาลทำเรื่องผิดกฎหมายตามอำเภอใจอีกหลายเรื่อง แสดงความเหิมเกริมดื้อด้านจะทำ ทั้งๆส่อแววว่าผิดกฎหมายชัดเจน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกู้เงิน 2 ล้านล้านเพื่อใช้ในโครงการรถไฟความเร็วสูง เพื่อรัฐบาลจะได้ใช้เงินนอกระเบียบเงินงบประมาณปกติ ที่เห็นกันชัดๆว่า เพื่อนักการเมืองรัฐมนตรีและพรรคพวกในพรรครัฐบาล จะได้งาบผลประโยชน์ก้อนโต คอรัปชั่นโกงกินเมกะโปรเจ็กต์กันอย่างเบิกบาน
การออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเพื่อนักโทษชายทักษิณ การออกกฎหมายเปลี่ยนแปลงการเลือกตั้งสว. ที่ชัดเจนว่าทำเพื่อผลประโยชน์พวกพ้องที่จะขยายอำนาจความเป็นสภาผัวเมีย ภายใต้บงการของตระกูลชินวัตร ฯลฯ
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้เสียงข้างมากจนย่ามใจในการใช้อำนาจเผด็จการรัฐสภา รัฐสภาซึ่งควรเป็นหนึ่งในเสาหลักอำนาจสำคัญในระบอบประชาธิปไตย เป็นเวทีสำคัญในการถ่วงดุลและตรวจสอบการใช้อำนาจของฝ่ายบริหาร เพื่อพิทักษ์ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ
ในระบบการเมืองไทย รัฐสภาไทยแตกต่างกับรัฐสภาในระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง แตกต่างจากรัฐสภาในประเทศอื่นที่เขาเป็นประชาธิปไตย เพราะรัฐสภาไทยเป็นที่รวมของ ส.ส. นักการเมืองที่มาจากการใช้เงินใช้อิทธิพลใช้อำนาจเพื่อให้เข้ามานั่งในสภา แล้วมั่งคั่งร่ำรวยกันอย่างรวดเร็ว จากคนที่ไม่มีอะไรเลย กลายเป็นคนรวยอู้ฟู่ในชั่วพริบตามีทรัพย์สินเงินทองเป็นหลายสิบล้านหลายร้อยล้าน คงไม่มีอาชีพไหนจะรวยเร็วได้เท่า ส.ส. ส.ว.ในประเทศไทย
แทนที่จะทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน รัฐสภาไทยเป็นเครื่องมือของตระกูลนักการเมืองเจ้าของพรรคผู้บงการได้ทุกอย่าง รัฐสภา เป็นเวทีรับรองนโยบายเอื้ออำนาจและผลประโยชน์ทับซ้อนให้นายใหญ่และพรรคพวก กอบโกย ร่ำรวยกันเป็นแสนล้าน ใช้เงินซื้อนักการเมืองเข้าคอก ผลาญเงินจากภาษีชาวบ้านมาหว่านโปรยประชานิยม ด้วยเงินมหาศาลจากการโกงกิน เรียกได้ว่า พวกเขามีเงินมหาศาลสามารถซื้อประเทศไทยไว้ในกำมือ
นอกจากสวาปามโกงกินกันจนพุงกางแล้ว สส.ที่กินเงินเดือนรับเบี้ยประชุม รับอภิสิทธิ์เหนือคนธรรมดาคนละเหยียบแสน สส.จำนวนมาก แสดงพฤติกรรมน่ารังเกียจ กิริยาวาจาหยาบคาย ขี้เกียจหลังยาว นั่งหลับน้ำลายยืด นั่งดูคลิปโป๊ หนีการประชุม ทุจริต เสียบบัตรแทนกันหน้าด้านๆ ทำเรื่องเลวๆสารพัดอย่างไม่มียางอาย
การเลือกตั้ง เป็นเพียงวิธีการในระบอบประชาธิปไตย การเลือกตั้งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของประชาธิปไตยเท่านั้น การเลือกตั้งที่เป็นอยู่ในการเมืองไทย นำไปสู่การใช้อำนาจในรัฐสภาไทยเป็นเผด็จการรัฐสภา หาใช่ประชาธิปไตยไม่ การเลือกตั้งแบบเดิม การได้สภาแบบเดิม ยิ่งทำให้การเมืองไทยเน่าเฟะหมักหมมเป็นมะเร็งร้ายหนักขึ้น
ผมว่าจริงๆแล้วสาระสำคัญของเรื่องนี้มันอยู่ตรงที่ว่า รัฐบาลเชื่อมั่นว่าสามารถคุมเสียงในสภาได้เบ็ดเสร็จและเด็ดขาด จนไม่มีใครกล้าสู้ หรือไม่ก็สู้ไม่ได้ ชนิดที่ว่า ยกมือบวกเท้า เสียงในสภาก็ยังคงแพ้รัฐบาลอยู่ดี
เหตุนี้ หลายฝ่ายจึงเสนอให้มีการปฏิรูปประเทศกันก่อน เพื่อหลุดออกไปจากวังวนวิกฤติการเมือง แล้วสร้างการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง การเลือกตั้งเป็นโมฆะไปแล้ว กกต.ก็คงต้องกำหนดวันเลือกตั้งกันใหม่
การเลือกตั้งที่เป็นโมฆะคราวนี้ ต้องใช้ภาษีประชาชนเป็น ค่าใช้จ่ายราว 3,800 ล้าน นับเป็นเงินไม่ใช่น้อย และไม่ควรจะปล่อยให้รัฐบาลผลาญเงินสูญเปล่าซ้ำแล้วซ้ำอีก สมควรให้รัฐบาลและนักการเมืองตัวการที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบค่าใช่จ่ายดังกล่าว
การเลือกตั้งที่เป็นโมฆะ มันสะท้อนไปถึงปัญหาหลายๆอย่างของการเมืองและสังคมไทย มันบอกเราว่าการเมืองไทยไม่ปกติ การเมืองไทยกำลังป่วยหนัก การเมืองไทยเหมือนเป็นมะเร็งร้ายที่ลุกลามจนยากจะรักษาเยียวยา การเมืองไทยต้องผ่าตัดครั้งใหญ่ ต้องคีโมฉายแสงทำลายเซลมะเร็ง ไม่งั้นคงยากจะรักษาให้มีชีวิตรอดได้
สัปดาห์หน้าสิ้นเดือนนี้ เราจะมีการเลือกตั้ง ส.ว. การเลือกตั้งที่เป็นโมฆะ ควรเป็นไฟส่องทางนำไปสู่การปฏิรูปอย่างแท้จริง และหวังว่าลุงกำนันแกนนำกปปส.จะเดินตามทันประชาชนเสียที มัวเดินช้าแบบนี้ ลุงกำนันเองนั้นแหละที่จะตกขบวน ทั้งที่ตั้งท่าเป็นผู้นำมวลชนมาหลายเดือนแล้ว
ล่าสุดกำนันสุเทพนัดรวมพลในวันที่ 29 มีนาคม ที่จะถึงนี้ ก็ได้แต่หวังว่าคราวนี้จะไม่เสียของเหมือนทุกหนที่ผ่านมา
การเลือกตั้งครั้งนี้เข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 108 ที่บัญญัติว่า หลังการยุบสภาแล้วการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วไปต้องกำหนดภายใน 45-60 วัน และจะต้องกระทำในวันเดียวกันทั้งประเทศ
ถ้าดูเฉพาะกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรานี้ กฎหมายมีเจตนารมณ์ให้การเลือกตั้งทั่วประเทศดำเนินไปได้ในวันเดียวกันทั่วประเทศเพื่อให้การเลือกตั้งดำเนินไปโดยสุจริตยุติธรรม การเลือกตั้งวันที่ 2 กพ.ก็ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เห็นได้ชัดๆอยู่แล้ว
ก่อนหน้านี้นักกฎหมายหลายท่านได้ออกมาแสดงความคิดเห็นให้รัฐบาลและกกต.เลื่อนกำหนดการเลือกตั้งออกไปก่อนเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ทางการเมือง บางท่านก็เห็นว่าควรจะปฏิรูปประเทศเพื่อแก้ปัญหาวิกฤติทางการเมืองเสียก่อน แล้วจึงจัดการเลือกตั้ง แต่รัฐบาลไม่ฟังเสียงและกกต.กำหนดการเลือกตั้งจนโมฆะตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญจนได้
ทำไมรัฐบาลจึงดึงดันจะต้องเลือกตั้งให้ได้ทั้งๆที่เห็นอยู่แล้วว่าจะต้องมีปัญหาและส่อว่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เพียงกรณีนี้เท่านั้น ก่อนหน้านี้รัฐบาลทำเรื่องผิดกฎหมายตามอำเภอใจอีกหลายเรื่อง แสดงความเหิมเกริมดื้อด้านจะทำ ทั้งๆส่อแววว่าผิดกฎหมายชัดเจน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกู้เงิน 2 ล้านล้านเพื่อใช้ในโครงการรถไฟความเร็วสูง เพื่อรัฐบาลจะได้ใช้เงินนอกระเบียบเงินงบประมาณปกติ ที่เห็นกันชัดๆว่า เพื่อนักการเมืองรัฐมนตรีและพรรคพวกในพรรครัฐบาล จะได้งาบผลประโยชน์ก้อนโต คอรัปชั่นโกงกินเมกะโปรเจ็กต์กันอย่างเบิกบาน
การออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเพื่อนักโทษชายทักษิณ การออกกฎหมายเปลี่ยนแปลงการเลือกตั้งสว. ที่ชัดเจนว่าทำเพื่อผลประโยชน์พวกพ้องที่จะขยายอำนาจความเป็นสภาผัวเมีย ภายใต้บงการของตระกูลชินวัตร ฯลฯ
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้เสียงข้างมากจนย่ามใจในการใช้อำนาจเผด็จการรัฐสภา รัฐสภาซึ่งควรเป็นหนึ่งในเสาหลักอำนาจสำคัญในระบอบประชาธิปไตย เป็นเวทีสำคัญในการถ่วงดุลและตรวจสอบการใช้อำนาจของฝ่ายบริหาร เพื่อพิทักษ์ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ
ในระบบการเมืองไทย รัฐสภาไทยแตกต่างกับรัฐสภาในระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง แตกต่างจากรัฐสภาในประเทศอื่นที่เขาเป็นประชาธิปไตย เพราะรัฐสภาไทยเป็นที่รวมของ ส.ส. นักการเมืองที่มาจากการใช้เงินใช้อิทธิพลใช้อำนาจเพื่อให้เข้ามานั่งในสภา แล้วมั่งคั่งร่ำรวยกันอย่างรวดเร็ว จากคนที่ไม่มีอะไรเลย กลายเป็นคนรวยอู้ฟู่ในชั่วพริบตามีทรัพย์สินเงินทองเป็นหลายสิบล้านหลายร้อยล้าน คงไม่มีอาชีพไหนจะรวยเร็วได้เท่า ส.ส. ส.ว.ในประเทศไทย
แทนที่จะทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน รัฐสภาไทยเป็นเครื่องมือของตระกูลนักการเมืองเจ้าของพรรคผู้บงการได้ทุกอย่าง รัฐสภา เป็นเวทีรับรองนโยบายเอื้ออำนาจและผลประโยชน์ทับซ้อนให้นายใหญ่และพรรคพวก กอบโกย ร่ำรวยกันเป็นแสนล้าน ใช้เงินซื้อนักการเมืองเข้าคอก ผลาญเงินจากภาษีชาวบ้านมาหว่านโปรยประชานิยม ด้วยเงินมหาศาลจากการโกงกิน เรียกได้ว่า พวกเขามีเงินมหาศาลสามารถซื้อประเทศไทยไว้ในกำมือ
นอกจากสวาปามโกงกินกันจนพุงกางแล้ว สส.ที่กินเงินเดือนรับเบี้ยประชุม รับอภิสิทธิ์เหนือคนธรรมดาคนละเหยียบแสน สส.จำนวนมาก แสดงพฤติกรรมน่ารังเกียจ กิริยาวาจาหยาบคาย ขี้เกียจหลังยาว นั่งหลับน้ำลายยืด นั่งดูคลิปโป๊ หนีการประชุม ทุจริต เสียบบัตรแทนกันหน้าด้านๆ ทำเรื่องเลวๆสารพัดอย่างไม่มียางอาย
การเลือกตั้ง เป็นเพียงวิธีการในระบอบประชาธิปไตย การเลือกตั้งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของประชาธิปไตยเท่านั้น การเลือกตั้งที่เป็นอยู่ในการเมืองไทย นำไปสู่การใช้อำนาจในรัฐสภาไทยเป็นเผด็จการรัฐสภา หาใช่ประชาธิปไตยไม่ การเลือกตั้งแบบเดิม การได้สภาแบบเดิม ยิ่งทำให้การเมืองไทยเน่าเฟะหมักหมมเป็นมะเร็งร้ายหนักขึ้น
ผมว่าจริงๆแล้วสาระสำคัญของเรื่องนี้มันอยู่ตรงที่ว่า รัฐบาลเชื่อมั่นว่าสามารถคุมเสียงในสภาได้เบ็ดเสร็จและเด็ดขาด จนไม่มีใครกล้าสู้ หรือไม่ก็สู้ไม่ได้ ชนิดที่ว่า ยกมือบวกเท้า เสียงในสภาก็ยังคงแพ้รัฐบาลอยู่ดี
เหตุนี้ หลายฝ่ายจึงเสนอให้มีการปฏิรูปประเทศกันก่อน เพื่อหลุดออกไปจากวังวนวิกฤติการเมือง แล้วสร้างการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง การเลือกตั้งเป็นโมฆะไปแล้ว กกต.ก็คงต้องกำหนดวันเลือกตั้งกันใหม่
การเลือกตั้งที่เป็นโมฆะคราวนี้ ต้องใช้ภาษีประชาชนเป็น ค่าใช้จ่ายราว 3,800 ล้าน นับเป็นเงินไม่ใช่น้อย และไม่ควรจะปล่อยให้รัฐบาลผลาญเงินสูญเปล่าซ้ำแล้วซ้ำอีก สมควรให้รัฐบาลและนักการเมืองตัวการที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบค่าใช่จ่ายดังกล่าว
การเลือกตั้งที่เป็นโมฆะ มันสะท้อนไปถึงปัญหาหลายๆอย่างของการเมืองและสังคมไทย มันบอกเราว่าการเมืองไทยไม่ปกติ การเมืองไทยกำลังป่วยหนัก การเมืองไทยเหมือนเป็นมะเร็งร้ายที่ลุกลามจนยากจะรักษาเยียวยา การเมืองไทยต้องผ่าตัดครั้งใหญ่ ต้องคีโมฉายแสงทำลายเซลมะเร็ง ไม่งั้นคงยากจะรักษาให้มีชีวิตรอดได้
สัปดาห์หน้าสิ้นเดือนนี้ เราจะมีการเลือกตั้ง ส.ว. การเลือกตั้งที่เป็นโมฆะ ควรเป็นไฟส่องทางนำไปสู่การปฏิรูปอย่างแท้จริง และหวังว่าลุงกำนันแกนนำกปปส.จะเดินตามทันประชาชนเสียที มัวเดินช้าแบบนี้ ลุงกำนันเองนั้นแหละที่จะตกขบวน ทั้งที่ตั้งท่าเป็นผู้นำมวลชนมาหลายเดือนแล้ว
ล่าสุดกำนันสุเทพนัดรวมพลในวันที่ 29 มีนาคม ที่จะถึงนี้ ก็ได้แต่หวังว่าคราวนี้จะไม่เสียของเหมือนทุกหนที่ผ่านมา
