เห็นข่าวรักษาการนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตรใช้เวลา “พักยาว” ต่อเนื่องที่เชียงใหม่หลายวันไปไหว้พระบรมธาตุศรีจอมทองแล้วนึกถึงพี่ชายอดีตนายกฯ ขึ้นมาทันที เพราะเมื่อปี 2549 ตอนที่การเมืองฮึ่มๆ หลังยุบสภาในครั้งนั้น พ.ต.ท.ทักษิณก็เดินสายไหว้พระเมืองเหนือแบบนี้มาก่อนแล้วแต่ก็ช่วยไม่ให้ตกจากอำนาจแต่ประการใด
เนื่องจากครั้งนั้นเมื่อพ.ต.ท.ทักษิณไหว้พระเชียงใหม่เสร็จกลับเข้ากรุงเทพฯ แม้จะมีเลือกตั้งแต่ก็ได้แค่มีเพราะฝ่ายค้านบอยคอต ที่สุดศาลกำหนดให้การเลือกตั้ง 2 เมษายน 2549 เป็นโมฆะต้องออกพระราชกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติมกำหนดวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไปรอบใหม่เป็น 15 ตุลาคม 2549 แต่ไม่ทันเลือกเพราะถูกรัฐประหารเสียก่อน
อาการของทักษิณเมื่อปี 2549 นี่ค่อนข้างสับสนอลหม่านไปไม่เป็นคล้ายกับน้องสาวรักษาการนายกฯ เป็นอยู่ตอนนี้แหละครับ กระบวนท่าทุกอย่างถูกงัดมาไม่ว่าจะระดมคนมาเชียร์เป็นแสนๆ จนล้นสนามหลวงแล้วก็ลาพักยาวให้ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รักษาการแทน กองเชียร์ลูกน้องทั้งหลายก็ทำไปกันคนละทางล้วนแต่ช่วยบ่มให้อุณหภูมิร้อนขึ้น ตู้เย็นสั่งป่าไม้เอาปืนมาซ้อมที่เขาใหญ่ประกาศว่าสามารถเอาป่าไม้ไปรักษาสถานที่ราชการได้ ลิ่วล้อท้องถิ่นแถวเชียงใหม่ยกพวกไปไล่ทุบประชาธิปัตย์ที่หอศิลป์ม.ช.ทั้งๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวกับม็อบพันธมิตร แล้วก็มีรายการจ้างพรรคเล็กลงแข่งในพื้นที่ภาคใต้ที่ตอนนี้พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูรฯ ถูกคดีตายเดี่ยวรับแทนทั้งพรรค ฯลฯ
รักษาการยิ่งลักษณ์มาเชียงใหม่แล้วก็เปลี่ยนกำหนดการไม่ยอมลงกรุงเทพฯอยู่สามสี่วัน มีกำหนดการพิเศษแทรกขึ้นมาเหมือนอยากจะให้พักผ่อนใจร่มๆ เกณฑ์ชาวเสื้อมาให้กำลังใจสู้ๆ ขนาดตั้งเต๊นท์คนเสื้อแดงอารักขานายกปูอยู่ที่ปากทางเข้าสนามกอล์ฟกรีนวัลเล่ย์บ้านพัก เผื่อเข้าออกจะได้เห็นรู้สึกอุ่นใจ แล้วก็จัดกำหนดการแบบชิลชิลอาทินั่งรถไฟฉึกฉักไปขุนตานจากนั้นก็นั่งรถม้าลั้ลลาในเวียงลำปางฆ่าเวลาไปวันๆ
จนกระทั่งวันสุดท้ายส่งนักข่าวติดตามจากส่วนกลางกลับไปก่อนตัวเองจะไปไหว้พระธาตุจอมทองกับขึ้นดอยอินทนนท์ ซึ่งก็ได้ทราบกันแล้วว่ากำหนดการไหว้พระธาตุศรีจอมทองเป็นไปโดยราบรื่น แต่การขึ้นดอยอินทนนท์มีเหตุอันไม่คาดฝันเพราะมีรถตกดอยขวางทางไม่สามารถขึ้นไปไหว้ได้ตามกำหนด
ดอยอินทนนท์นั้นเป็นดอยสูงที่สุดในประเทศตั้งชื่อตามเจ้าหลวงอินทวิชยานนท์พระบิดาของเจ้าดารารัศมี แต่เดิมเรียกดอยอ่างกาจนเจ้าดารารัศมีนำอัฐิของเจ้าหลวงอินทวิชยนนท์ขึ้นไปบรรจุกู่บนโน้นจึงเปลี่ยนชื่อเรียกใหม่มาแต่ยุคนั้น ตอนที่พ.ต.ท.ทักษิณ ยุบสภาเกิดการประท้วงในกรุงเทพก็ขึ้นดอยมาไหว้พระธาตุไหว้กู่เจ้าหลวง มีคนวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นเคล็ดต้องขึ้นเหนือเพื่อให้อยู่เหนือปัญหา แล้วขึ้นดอยอินทนนท์เพื่อจะได้อยู่จุดสูงสุดยอดของประเทศต่อ
ในครั้งนั้น พ.ต.ท.ทักษิณเดินสายไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ 4 แห่งคือ 1. พระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล-พระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ ดอยอินทนนท์ เชียงใหม่ 2.พระธาตุศรีจอมทองวิหาร อ.จอมทอง 3.วัดโรงธรรมสามัคคี อ.สันกำแพง กราบอัฐิพ่อแม่และบรรพบุรุษ 4.วัดพระธาตุหริภุญชัยมหาวิหาร อ.เมือง จ.ลำพูน
คนทั่วไปรู้จักวัดพระธาตุหริภุญชัย วัดโรงธรรมสามัคคีอันเป็นวัดที่บรรพบุรุษชินวัตรอยู่ที่นั่น และรู้จักดอยอินทนนท์ดี อย่างน้อยก็ดีกว่าวัดพระธาตุศรีจอมทอง ซึ่งเป็นวัดโบราณในพื้นที่อำเภอจอมทองทางตอนใต้ของเชียงใหม่เพราะพระธาตุแห่งนี้ไม่ได้อยู่ในเส้นทางสายหลักนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะไปสุดทางแค่ดอยอินทนนท์ไม่เลยลงใต้มาถึงพระธาตุสำคัญแห่งนี้ จะมีแต่คนท้องถิ่นอย่างพี่น้องตระกูลชินวัตรนี่เป็นต้นเกิดทุกข์ร้อนต้องวิ่งไปพึ่งพาถึงโน่น
บางตำราว่าพระธาตุศรีจอมทองมีมาแต่พุทธศตวรรษที่ 20 คือสมัยล้านนายุคเชียงใหม่รุ่งเรือง ก็ควรจะจริงล่ะเพราะสมัยโบราณไม่มีทางรถไฟ ไม่มีถนนพหลโยธินการเดินทางมาเชียงใหม่สายหลักคือเลียบหรือล่องน้ำปิงขึ้นมาจากเมืองตาก น้ำปิงเป็นน้ำเล็กๆ ที่มีเกาะแก่งหน้าไม่ใช่หน้าน้ำต้องลงเรือฉุดดึงผ่านเกาะแก่งใหญ่น้อยต่างๆ การเดินเรือแบบนี้มีมาถึงรัชกาลที่ 6 จนกระทั่งทางรถไฟสายเหนือมาถึงเมืองเชียงใหม่เมื่อ 2468 และเส้นทางเรือจากภาคกลางไปถึงเชียงใหม่ก็เป็นอันสิ้นสุดลงเมื่อมีการสร้างเขื่อนยันฮี(เขื่อนภูมิพล)เมื่อหลังสงครามโลก
จอมทองและวัดพระธาตุจอมทองเป็นหมุดหมายสำคัญของการเดินทางจากเชียงใหม่ลงภาคกลาง พ่อค้าวานิชคนอยุธยา-รัตนโกสินทร์ตอนต้นรับรู้ว่าเมื่อถึงจอมทองก็คือการบรรลุถึงเขตแควนแดนเชียงใหม่แล้ว วรรณกรรมรัตนโกสินทร์ตอนต้นอย่างขุนช้าง-ขุนแผน กล่าวตอนที่พลายงามยกทัพตีเชียงใหม่ว่ามาถึงบ้านจอมทอง นายบ้านยกลูกสาวชื่อนางลาวทองให้ ยังได้ไปถวายม่านปักที่วัดเจดีย์หลวงเมืองลำพูนกับนางลาวทอง แสดงว่าชื่อของจอมทองอันเป็นภูมิศาสตร์การเดินทางไปเชียงใหม่เป็นที่รับรู้กันมานานแล้ว และจากจอมทองก็มีทางเชื่อมไปยังเมืองลำพูนได้ง่ายเพราะมีทางน้ำแยกจากแม่ปิงเข้าไป พอมาถึงยุคปฏิรูปการปกครองสมัยรัชกาลที่ 5 จอมทองได้ยกเป็นอำเภอ ถือเป็นอำเภอใต้สุดในยุคนั้นพอเลยลงไปเข้าเมืองเถิน จังหวัดตากเริ่มเข้าเขตภาคกลางตอนล่าง
ผมคิดเอาว่าต้นตระกูลชินวัตรคือพ่อนายเชียงที่ยกครอบครัวอพยพ(หนีอะไร?)มาจากเมืองจันทบุรีเอาตอนแก่เมื่อพ.ศ. 2451 ต้องผ่านพระธาตุจอมทองนี่แหละครับ และต้องแวะบูชาองค์พระธาตุด้วยในฐานะที่เป็นหมุดหมายว่าการเดินทางอันยาวไกลได้เข้ามาสู่เขตแคว้นแดนเชียงใหม่แล้ว เพราะเมื่อ 2451 ทางรถไฟยังไม่ถึง มาเชียงใหม่สะดวกสุดคือลงสถานีปากน้ำโพแล้วก็ว่าจ้างเรือหางแมงป่องทวนน้ำขึ้นมายังไงก็ต้องผ่านจอมทองอันมีพระธาตุจอมทองเป็นสัญลักษณ์ของหมุดหมายการเดินทาง คนเก่าแก่รวมทั้งตระกูลที่อพยพมาทางแม่น้ำปิงจึงเคารพนบไหว้ถือเอาพระธาตุแห่งนี้เป็นพระธาตุสำคัญ เพราะจอมทองเป็นเมืองสำคัญแต่โบราณตั้งอยู่ปากทางล้านนาเหมือนกับปากช่องเป็นปากทางที่ราบสูง เพิ่งจะมาเป็นอำเภอห่างไกลหลุดจากเส้นทางสายหลักในยุคหลัง
การเดินทางไปสักการะพระธาตุศรีจอมทองของรักษาการนายกฯยิ่งลักษณ์ไม่ได้แปลกประหลาดอะไรเลย ในสถานการณ์แบบที่คนใกล้ชิดต้องจัดโปรแกรมเที่ยวพักสมองลั้ลลาแบบนี้ถ้าไม่ไปไหว้ต่างหากที่น่าแปลกประหลาด แล้วก็เป็นไปตามที่คนตระกูลนี้นับถือแหละครับ ไปวัดโรงธรรมสามัคคี ไปวัดพระธาตุหริภุญชัย ไปวัดพระธาตุศรีจอมทอง แล้วก็ขึ้นดอยอินทนนท์ ตามรอยที่พี่ชายเคยทำเมื่อประสบปัญหายุ่งยากทางการเมือง
ปัญหาคือรอบนี้กำหนดการขึ้นดอยอินทนนท์ของรักษาการนายกยิ่งลักษณ์ไม่เป็นไปตามกำหนด เห็นว่ามีรถตกดอยทีมงานเกรงไม่สะดวกลงมาไม่ทัน เลยคลาดกำหนดการสำคัญเสีย
แต่ก็นั่นล่ะครับบุญกรรมทำแต่งการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็เพื่อทำให้ใจของคนสงบเย็นลงมีสติสมาธิมากขึ้น สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านคงไม่บันดาลให้ขาวเป็นดำช่วยอะไรได้ทั้งหมดหรอก
ดูพ.ต.ท.ทักษิณเป็นตัวอย่างสิ ขนาดเมื่อปี 2549 เดินสายไหว้ครบทุกแห่งกลับไปกรุงเทพฯ เลือกตั้งชนะยังไปต่อไม่ได้เลยเพราะต้องเลือกใหม่แล้วก็ถูกไล่ลงจากอำนาจในอีก 6 เดือนต่อมา
“มนุษย์ย่อมเป็นไปตามกรรม” ... คำพระท่านว่าก็ชัดดีอยู่แล้วนี่ แต่สำหรับคนจิตอ่อน กำลังอยู่ในห้วงสับสนกดดันหากอยากจะเดินสายไหว้ช่วยบรรเทาสิ่งทุกข์สิ่งกังวลแล้วดันเจออุปสรรคไม่เป็นไปตามกำหนด ไอ้ที่จะคลายทุกข์มันจะยิ่งทุกข์กังวลเอาน่ะครับ แทนที่จะสบายใจต้องมานั่งกังวลว่าเกิดอุปสรรคดลบันดาลไม่ให้ขึ้นไปไหว้พระบนดอยอินทนนท์ตามหวังไว้
อดนึกไม่ได้ว่าเส้นทางของนายกปูจะซ้ำรอยพี่ชายเมื่อปี 49 หรือเปล่านี่ ? ไปไหว้พระเชียงใหม่กลับมาแต่เลือกตั้งไม่ได้ ที่จริงไม่ต้องอุตส่าห์ขึ้นดอยอินทนนท์เอาเคล็ดเอาชัยอะไรหรอกครับเพราะขนาดทักษิณยังเอาตัวไม่รอด ...
เอ็นดูก็เอ็นดูนะ โถ อุตส่าห์มาทั้งทีไม่ได้ขึ้นไปไหว้พระ งั้นขอแนะนำนายกปูหน่อยว่าอย่าไปวิตกกังวลอะไรที่ไม่ได้ขึ้นดอยอินท์เลย มีวิธีการแก้กรรมที่ง่ายกว่าอีกทาง...ก็แค่สู้ฝ่าฟันข้ามดอยสุเทพสาขาสองที่ดำทะมึนมะลั่กกั้กจังก้าอยู่ที่ราชดำเนินให้ได้ ถ้าข้ามดอยสุเทพลูกนี้ได้วิบากกรรมก็หมดแล้ว – อุอุ !
เนื่องจากครั้งนั้นเมื่อพ.ต.ท.ทักษิณไหว้พระเชียงใหม่เสร็จกลับเข้ากรุงเทพฯ แม้จะมีเลือกตั้งแต่ก็ได้แค่มีเพราะฝ่ายค้านบอยคอต ที่สุดศาลกำหนดให้การเลือกตั้ง 2 เมษายน 2549 เป็นโมฆะต้องออกพระราชกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติมกำหนดวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไปรอบใหม่เป็น 15 ตุลาคม 2549 แต่ไม่ทันเลือกเพราะถูกรัฐประหารเสียก่อน
อาการของทักษิณเมื่อปี 2549 นี่ค่อนข้างสับสนอลหม่านไปไม่เป็นคล้ายกับน้องสาวรักษาการนายกฯ เป็นอยู่ตอนนี้แหละครับ กระบวนท่าทุกอย่างถูกงัดมาไม่ว่าจะระดมคนมาเชียร์เป็นแสนๆ จนล้นสนามหลวงแล้วก็ลาพักยาวให้ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รักษาการแทน กองเชียร์ลูกน้องทั้งหลายก็ทำไปกันคนละทางล้วนแต่ช่วยบ่มให้อุณหภูมิร้อนขึ้น ตู้เย็นสั่งป่าไม้เอาปืนมาซ้อมที่เขาใหญ่ประกาศว่าสามารถเอาป่าไม้ไปรักษาสถานที่ราชการได้ ลิ่วล้อท้องถิ่นแถวเชียงใหม่ยกพวกไปไล่ทุบประชาธิปัตย์ที่หอศิลป์ม.ช.ทั้งๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวกับม็อบพันธมิตร แล้วก็มีรายการจ้างพรรคเล็กลงแข่งในพื้นที่ภาคใต้ที่ตอนนี้พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูรฯ ถูกคดีตายเดี่ยวรับแทนทั้งพรรค ฯลฯ
รักษาการยิ่งลักษณ์มาเชียงใหม่แล้วก็เปลี่ยนกำหนดการไม่ยอมลงกรุงเทพฯอยู่สามสี่วัน มีกำหนดการพิเศษแทรกขึ้นมาเหมือนอยากจะให้พักผ่อนใจร่มๆ เกณฑ์ชาวเสื้อมาให้กำลังใจสู้ๆ ขนาดตั้งเต๊นท์คนเสื้อแดงอารักขานายกปูอยู่ที่ปากทางเข้าสนามกอล์ฟกรีนวัลเล่ย์บ้านพัก เผื่อเข้าออกจะได้เห็นรู้สึกอุ่นใจ แล้วก็จัดกำหนดการแบบชิลชิลอาทินั่งรถไฟฉึกฉักไปขุนตานจากนั้นก็นั่งรถม้าลั้ลลาในเวียงลำปางฆ่าเวลาไปวันๆ
จนกระทั่งวันสุดท้ายส่งนักข่าวติดตามจากส่วนกลางกลับไปก่อนตัวเองจะไปไหว้พระธาตุจอมทองกับขึ้นดอยอินทนนท์ ซึ่งก็ได้ทราบกันแล้วว่ากำหนดการไหว้พระธาตุศรีจอมทองเป็นไปโดยราบรื่น แต่การขึ้นดอยอินทนนท์มีเหตุอันไม่คาดฝันเพราะมีรถตกดอยขวางทางไม่สามารถขึ้นไปไหว้ได้ตามกำหนด
ดอยอินทนนท์นั้นเป็นดอยสูงที่สุดในประเทศตั้งชื่อตามเจ้าหลวงอินทวิชยานนท์พระบิดาของเจ้าดารารัศมี แต่เดิมเรียกดอยอ่างกาจนเจ้าดารารัศมีนำอัฐิของเจ้าหลวงอินทวิชยนนท์ขึ้นไปบรรจุกู่บนโน้นจึงเปลี่ยนชื่อเรียกใหม่มาแต่ยุคนั้น ตอนที่พ.ต.ท.ทักษิณ ยุบสภาเกิดการประท้วงในกรุงเทพก็ขึ้นดอยมาไหว้พระธาตุไหว้กู่เจ้าหลวง มีคนวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นเคล็ดต้องขึ้นเหนือเพื่อให้อยู่เหนือปัญหา แล้วขึ้นดอยอินทนนท์เพื่อจะได้อยู่จุดสูงสุดยอดของประเทศต่อ
ในครั้งนั้น พ.ต.ท.ทักษิณเดินสายไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ 4 แห่งคือ 1. พระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล-พระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ ดอยอินทนนท์ เชียงใหม่ 2.พระธาตุศรีจอมทองวิหาร อ.จอมทอง 3.วัดโรงธรรมสามัคคี อ.สันกำแพง กราบอัฐิพ่อแม่และบรรพบุรุษ 4.วัดพระธาตุหริภุญชัยมหาวิหาร อ.เมือง จ.ลำพูน
คนทั่วไปรู้จักวัดพระธาตุหริภุญชัย วัดโรงธรรมสามัคคีอันเป็นวัดที่บรรพบุรุษชินวัตรอยู่ที่นั่น และรู้จักดอยอินทนนท์ดี อย่างน้อยก็ดีกว่าวัดพระธาตุศรีจอมทอง ซึ่งเป็นวัดโบราณในพื้นที่อำเภอจอมทองทางตอนใต้ของเชียงใหม่เพราะพระธาตุแห่งนี้ไม่ได้อยู่ในเส้นทางสายหลักนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะไปสุดทางแค่ดอยอินทนนท์ไม่เลยลงใต้มาถึงพระธาตุสำคัญแห่งนี้ จะมีแต่คนท้องถิ่นอย่างพี่น้องตระกูลชินวัตรนี่เป็นต้นเกิดทุกข์ร้อนต้องวิ่งไปพึ่งพาถึงโน่น
บางตำราว่าพระธาตุศรีจอมทองมีมาแต่พุทธศตวรรษที่ 20 คือสมัยล้านนายุคเชียงใหม่รุ่งเรือง ก็ควรจะจริงล่ะเพราะสมัยโบราณไม่มีทางรถไฟ ไม่มีถนนพหลโยธินการเดินทางมาเชียงใหม่สายหลักคือเลียบหรือล่องน้ำปิงขึ้นมาจากเมืองตาก น้ำปิงเป็นน้ำเล็กๆ ที่มีเกาะแก่งหน้าไม่ใช่หน้าน้ำต้องลงเรือฉุดดึงผ่านเกาะแก่งใหญ่น้อยต่างๆ การเดินเรือแบบนี้มีมาถึงรัชกาลที่ 6 จนกระทั่งทางรถไฟสายเหนือมาถึงเมืองเชียงใหม่เมื่อ 2468 และเส้นทางเรือจากภาคกลางไปถึงเชียงใหม่ก็เป็นอันสิ้นสุดลงเมื่อมีการสร้างเขื่อนยันฮี(เขื่อนภูมิพล)เมื่อหลังสงครามโลก
จอมทองและวัดพระธาตุจอมทองเป็นหมุดหมายสำคัญของการเดินทางจากเชียงใหม่ลงภาคกลาง พ่อค้าวานิชคนอยุธยา-รัตนโกสินทร์ตอนต้นรับรู้ว่าเมื่อถึงจอมทองก็คือการบรรลุถึงเขตแควนแดนเชียงใหม่แล้ว วรรณกรรมรัตนโกสินทร์ตอนต้นอย่างขุนช้าง-ขุนแผน กล่าวตอนที่พลายงามยกทัพตีเชียงใหม่ว่ามาถึงบ้านจอมทอง นายบ้านยกลูกสาวชื่อนางลาวทองให้ ยังได้ไปถวายม่านปักที่วัดเจดีย์หลวงเมืองลำพูนกับนางลาวทอง แสดงว่าชื่อของจอมทองอันเป็นภูมิศาสตร์การเดินทางไปเชียงใหม่เป็นที่รับรู้กันมานานแล้ว และจากจอมทองก็มีทางเชื่อมไปยังเมืองลำพูนได้ง่ายเพราะมีทางน้ำแยกจากแม่ปิงเข้าไป พอมาถึงยุคปฏิรูปการปกครองสมัยรัชกาลที่ 5 จอมทองได้ยกเป็นอำเภอ ถือเป็นอำเภอใต้สุดในยุคนั้นพอเลยลงไปเข้าเมืองเถิน จังหวัดตากเริ่มเข้าเขตภาคกลางตอนล่าง
ผมคิดเอาว่าต้นตระกูลชินวัตรคือพ่อนายเชียงที่ยกครอบครัวอพยพ(หนีอะไร?)มาจากเมืองจันทบุรีเอาตอนแก่เมื่อพ.ศ. 2451 ต้องผ่านพระธาตุจอมทองนี่แหละครับ และต้องแวะบูชาองค์พระธาตุด้วยในฐานะที่เป็นหมุดหมายว่าการเดินทางอันยาวไกลได้เข้ามาสู่เขตแคว้นแดนเชียงใหม่แล้ว เพราะเมื่อ 2451 ทางรถไฟยังไม่ถึง มาเชียงใหม่สะดวกสุดคือลงสถานีปากน้ำโพแล้วก็ว่าจ้างเรือหางแมงป่องทวนน้ำขึ้นมายังไงก็ต้องผ่านจอมทองอันมีพระธาตุจอมทองเป็นสัญลักษณ์ของหมุดหมายการเดินทาง คนเก่าแก่รวมทั้งตระกูลที่อพยพมาทางแม่น้ำปิงจึงเคารพนบไหว้ถือเอาพระธาตุแห่งนี้เป็นพระธาตุสำคัญ เพราะจอมทองเป็นเมืองสำคัญแต่โบราณตั้งอยู่ปากทางล้านนาเหมือนกับปากช่องเป็นปากทางที่ราบสูง เพิ่งจะมาเป็นอำเภอห่างไกลหลุดจากเส้นทางสายหลักในยุคหลัง
การเดินทางไปสักการะพระธาตุศรีจอมทองของรักษาการนายกฯยิ่งลักษณ์ไม่ได้แปลกประหลาดอะไรเลย ในสถานการณ์แบบที่คนใกล้ชิดต้องจัดโปรแกรมเที่ยวพักสมองลั้ลลาแบบนี้ถ้าไม่ไปไหว้ต่างหากที่น่าแปลกประหลาด แล้วก็เป็นไปตามที่คนตระกูลนี้นับถือแหละครับ ไปวัดโรงธรรมสามัคคี ไปวัดพระธาตุหริภุญชัย ไปวัดพระธาตุศรีจอมทอง แล้วก็ขึ้นดอยอินทนนท์ ตามรอยที่พี่ชายเคยทำเมื่อประสบปัญหายุ่งยากทางการเมือง
ปัญหาคือรอบนี้กำหนดการขึ้นดอยอินทนนท์ของรักษาการนายกยิ่งลักษณ์ไม่เป็นไปตามกำหนด เห็นว่ามีรถตกดอยทีมงานเกรงไม่สะดวกลงมาไม่ทัน เลยคลาดกำหนดการสำคัญเสีย
แต่ก็นั่นล่ะครับบุญกรรมทำแต่งการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็เพื่อทำให้ใจของคนสงบเย็นลงมีสติสมาธิมากขึ้น สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านคงไม่บันดาลให้ขาวเป็นดำช่วยอะไรได้ทั้งหมดหรอก
ดูพ.ต.ท.ทักษิณเป็นตัวอย่างสิ ขนาดเมื่อปี 2549 เดินสายไหว้ครบทุกแห่งกลับไปกรุงเทพฯ เลือกตั้งชนะยังไปต่อไม่ได้เลยเพราะต้องเลือกใหม่แล้วก็ถูกไล่ลงจากอำนาจในอีก 6 เดือนต่อมา
“มนุษย์ย่อมเป็นไปตามกรรม” ... คำพระท่านว่าก็ชัดดีอยู่แล้วนี่ แต่สำหรับคนจิตอ่อน กำลังอยู่ในห้วงสับสนกดดันหากอยากจะเดินสายไหว้ช่วยบรรเทาสิ่งทุกข์สิ่งกังวลแล้วดันเจออุปสรรคไม่เป็นไปตามกำหนด ไอ้ที่จะคลายทุกข์มันจะยิ่งทุกข์กังวลเอาน่ะครับ แทนที่จะสบายใจต้องมานั่งกังวลว่าเกิดอุปสรรคดลบันดาลไม่ให้ขึ้นไปไหว้พระบนดอยอินทนนท์ตามหวังไว้
อดนึกไม่ได้ว่าเส้นทางของนายกปูจะซ้ำรอยพี่ชายเมื่อปี 49 หรือเปล่านี่ ? ไปไหว้พระเชียงใหม่กลับมาแต่เลือกตั้งไม่ได้ ที่จริงไม่ต้องอุตส่าห์ขึ้นดอยอินทนนท์เอาเคล็ดเอาชัยอะไรหรอกครับเพราะขนาดทักษิณยังเอาตัวไม่รอด ...
เอ็นดูก็เอ็นดูนะ โถ อุตส่าห์มาทั้งทีไม่ได้ขึ้นไปไหว้พระ งั้นขอแนะนำนายกปูหน่อยว่าอย่าไปวิตกกังวลอะไรที่ไม่ได้ขึ้นดอยอินท์เลย มีวิธีการแก้กรรมที่ง่ายกว่าอีกทาง...ก็แค่สู้ฝ่าฟันข้ามดอยสุเทพสาขาสองที่ดำทะมึนมะลั่กกั้กจังก้าอยู่ที่ราชดำเนินให้ได้ ถ้าข้ามดอยสุเทพลูกนี้ได้วิบากกรรมก็หมดแล้ว – อุอุ !