ในที่สุด รัฐบาลก็ดับไฟใต้ได้สำเร็จ
แต่ไฟใต้ที่ว่า ไม่ใช่การก่อการร้ายที่ทำคร่าชีวิตประชาชน ครู ทหาร ข้าราชการ มาตลอดเวลาร่วมสิบปี นับแต่วาทกรรม “โจรกระจอก” ของทักษิณ แต่ไฟใต้ที่ว่า เป็นไฟจริงๆ คือไฟฟ้าที่ดับพร้อมกันทั่วทั้งภาคใต้ 14 จังหวัด เมื่อวันอังคารที่ 21 ที่ผ่านมา
ใครที่มีญาติพี่น้องเพื่อนฝูงอยู่ทางภาคใต้ในวันนั้นคงยังจำความตกใจแตกตื่นได้ เมื่อทุกพื้นที่มืดดับ ไม่มีไฟฟ้า การสื่อสารเกือบล่ม มีเพียงสัญญาณโทรศัพท์หรืออินเทอร์เน็ตจากบางพื้นที่ หรือสถานที่บางแห่งที่ยังมีไฟสำรองเท่านั้น สถานการณ์น่ากลัวว่าไฟดับตอนหัวค่ำ และหลายพื้นที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง และข่าวการก่อการร้ายที่เล่นงานกันไม่เลือก ไม่ว่าจะเป็นการกราดยิงหรือใช้ระเบิดฆ่าตัวตาย ภาพสยองขวัญและสลดใจของร้านชำที่ถูกกราดยิงจนเด็กเล็กๆ ต้องเสียชีวิต ได้มาหลอกหลอนผู้คนในพื้นที่ให้อยู่ไม่เป็นสุข ตลอดช่วงเวลาที่ไฟฟ้าดับ
การไฟฟ้าฯ แถลงว่า การที่ไฟดับตลอดทั้งพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ เกิดจากการที่เสาไฟฟ้าต้นหนึ่งที่เพชรบุรีถูกฟ้าผ่า ซึ่งเวรกรรมว่าเป็นเส้นที่เหลือทำงานอยู่เพียงเส้นเดียว ทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรระบบการทำงานตัด ส่งผลให้ไฟฟ้าหลักทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ดับทั้งระบบ เหตุผลตามที่การไฟฟ้าฯ แจ้งนั้น ยิ่งจริงยิ่งสยอง นั่นคือ ระบบไฟฟ้าของภาคใต้ทั้งภาคขึ้นกับสายไฟฟ้าแค่สายเดียว! หากสายไฟนี้เป็นอะไรไป ผลคือ “มืดทั้งด้ามขวาน”
ชะตากรรมทางพลังงานของภาคใต้ที่เป็นแหล่ง GDP สำคัญของประเทศ แขวนอยู่บนสายไฟเส้นเดียวเท่านั้น เอาจริงหรือครับ เราจะเชื่อกันง่ายๆ ว่า มันมีระบบอะไรที่ออกแบบมาเปราะบางขนาดนี้จริงหรือ?
ถ้าเรายังจำได้ มีความพยายามสร้างบรรยากาศแห่งความหวาดกลัวเรื่องวิกฤตพลังงานมาแล้วก่อนหน้านี้
ช่วงเดือนเมษา ที่จะมีข่าวเรื่องการซ่อมท่อส่งก๊าซที่พม่า ก็มีการพูดกันว่า ให้เตรียมตัวรับวิกฤตพลังงาน อาจจะมีไฟฟ้าดับบ้าง ตกบ้าง เป็นวงกว้างทั่วประเทศ ตลอดจน กทม. เพื่อแสดงให้เห็นว่า การพลังงานไฟฟ้าของไทยนั้นอ่อนไหวแค่ไหน กำลังจะไม่พอใช้อย่างไร แต่เนื่องเพราะตอนนั้นมีการประกาศล่วงหน้า ทำให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้าน และ “คำถามดังๆ” ตามมาจนดังไปทั้งประเทศ ในที่สุดผู้รับผิดชอบก็ต้องหาทางแก้ไขข่าวที่ตัวเองได้ปล่อยออกมา และในวันนั้นเวลานั้น ก็ไม่ปรากฏว่ามีอะไรเกิดขึ้น อาจจะเพราะว่า มีการเตรียมการที่ดี ประชาชนร่วมมือประหยัดไป หรือ “อะไร” ก็ไม่ทราบได้
จึงไม่เหมือนกับไฟดับครึ่งคืนด้วยเหตุ “สุดวิสัย” เช่นที่ภาคใต้
ถึงบอก และต้องเขียนซ้ำไงครับว่า เรื่องนี้ จริงก็น่ากลัว ไม่จริงก็น่ากลัว ถ้าจริงก็แปลว่าระบบการจัดการพลังงานไฟฟ้าของเราล้มเหลว ต้นทางก็ต้องมาจากประเทศเพื่อนบ้าน แถมปลายทางก็ยังผูกอยู่กับระบบสายไฟฟ้าชุดเดียว จะสองเส้นหรือกี่เส้นก็เถอะ เรียกว่าต่อจากนี้ใครรู้แกว อยากตัดไฟฟ้าประเทศไทยทั้งประเทศ หรือบางภูมิภาคนั้นก็ทำได้ไม่ยากเลย เพียงแต่ต้องรู้จุดเท่านั้น จะตัดที่ต้นทางหรือปลายทางเท่านั้นเอง มันน่ากลัวไหมละครับ
หรือถ้ามันไม่จริง ก็จะยิ่งน่ากลัวว่า ในขณะนี้มีการจับตัว “พลังงานไฟฟ้า” ที่เป็นเหมือนปัจจัยที่ห้าหรือที่หกของมนุษย์ยุคนี้ไปแล้ว ไว้เป็น “ตัวประกัน” เพื่อเรียกร้องเอาอะไรสักอย่าง ที่เขายังไม่ได้ประกาศออกมาหรือเปล่า?
น่ากลัวว่าถ้าคราวหน้าเกิดมีแมวสักตัวไปฉี่รดแผงวงจรไฟฟ้าที่ไหนลัดวงจรจนตัดการทำงานไปสักภูมิภาคหรือสักจังหวัดอีก แล้วในขณะที่ไฟดับนั้น เกิดระเบิดหรือเกิดไฟไหม้อีก ทีนี้ละจะเป็นอย่างไร
ส่วนอีกเรื่องที่ขึ้นหัวไว้ คือ หน้ากากเวนเด็ตต้า หรือหน้ากาก กาย ฟอว์กส์ (Guy Fawkes) ที่กำลังเป็นปรากฏการณ์ฮือฮาในโลกเฟซบุ๊กขณะนี้ ว่าด้วยการที่ประชาชนชาวเน็ตจำนวนมาก เปลี่ยนภาพประจำตัวเป็นหน้ากากชายหน้าขาวหนวดเรียว เข้าไปโพสต์ ประโยคไม่สั้นไม่ยาวเพียงว่า “ขณะนี้กองทัพประชาชนได้ลุกขึ้นมาแล้ว ข้าขอประกาศว่า ข้าจะล้มล้างระบอบทักษิณให้หมดสิ้นจากแผ่นดินไทย”
ประโยคเดียวสะเทือนใจ ทั้งๆ ที่เป็นประโยคเพียงแค่นี้ ไม่มีคำผรุสวาทด่าทอใดๆ แต่เป็นประโยคที่ประชาชนพร้อมใจกันจะนัดหมายหรือไม่ก็ตาม ไปโพสต์ไว้พร้อมๆ กัน ด้วยใบหน้าเดียว ใบหน้าของประชาชนนิรนาม ซึ่งก่อให้เกิดความขนลุกขนชันให้แก่ผู้ที่ “ร้อนท้อง” หรือเชื่อว่าตัวเองนั้นเกี่ยวข้องเป็นอันมาก ถึงขนาดมาเต้นเร่าๆ ขู่ว่าจะใช้อำนาจรัฐที่มี ไม่ว่าจะ ICT หรือ ป.อ.ท. มาหาทางตรวจสอบว่าเชื่อมโยงพรรคการเมืองไหนหรือไม่? หรือแม้แต่ Facebook ของนายพานทองแท้ ก็มีการฟันธงไปเรียบร้อยแล้วว่า กิจกรรมหน้ากาก V นี้ มีที่มาจาก “พรรคแมลงสาบ”
คนเสื้อแดงชอบเย้ยหยันคนไม่เอาทักษิณ ว่าถูก “ผีทักษิณ” หลอก แต่อันนี้เหมือนกับว่า คนเสื้อแดงเองก็เหมือนจะถูก “ผีแมลงสาบ” หลอกเช่นกัน
หรือพวกเสื้อแดงกลุ่มปัญญาชนจำนวนหนึ่ง ก็พยายามยกเอาประวัติศาสตร์มาเย้ยหยัน ว่าที่คนใช้หน้ากาก V มานั้น เป็นเรื่องของการไม่รู้จริง เพราะ V เป็นพวกล้มเจ้า เพราะต้นตำรับหน้าของหน้ากาก คือ กาย ฟอว์กส์ บุคคลที่มีจริงในประวัติศาสตร์ ผู้ได้ชื่อว่าเป็นกบฏดินปืนนี้ จริงๆ ตั้งใจจะวางระเบิดรัฐสภาอังกฤษให้พินาศไปพร้อมพระเจ้าเจมส์
นี่คือการผูกขาดนิยามที่น่าสงสาร และเป็นการเอาประวัติศาสตร์ทื่อๆ มารับใช้ฝ่ายตัวเอง – อันที่จริงข้อหานี้เป็นข้อหาที่เสื้อแดง โดยเฉพาะหมู่ “แดงปัญญาชน” ชอบยัดชอบป้ายให้ฝ่ายคิดต่างมากกว่า แต่พอชั่วโมงนี้ อยากจะเอาประวัติศาสตร์มารับใช้บ้าง ก็คว้าเอาประวัติศาสตร์หน้าเดียวมา “ผูกขาด” ว่าหน้ากาก V เป็นของตน เป็นของฝ่ายล้มเจ้า ว่างั้น
ทั้งๆ ที่ไม่ได้ดูพลวัตเชิงสัญลักษณ์ว่า ปัจจุบันหน้ากาก V แม้มันจะมาจากหน้าของกาย ฟอว์กส์ แต่ปัจจุบันนี้ หน้ากากแบบที่นำมาใช้ คนส่วนใหญ่มองไปถึงหนังที่สร้างมาจากการ์ตูนเรื่อง V for Vendetta มากกว่า และมันถูกใช้เป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อต้านรัฐแบบสากลไปแล้ว รวมทั้งการแสดงความเป็นมนุษย์นิรนาม ผู้มีอุดมการณ์เดียวกัน เช่นในเหตุการณ์ Occupy Wall Street ในปี 2011 ที่อเมริกา ซึ่งก็ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องล้มเจ้าอะไร
เป็นการต่อสู้กับ “ทุน” และอำนาจรัฐล้วนๆ ที่ไม่มีฝ่ายใดจะมีอำนาจ “ยึด” ไปใช้ว่า จะใช้หน้ากากนี้นะ ต้อง “ไม่เอาเจ้า” นะ
ถ้าจะมีใครหวงห้ามได้ก็เห็นจะเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์การออกแบบหน้ากากในหนังนี่แหละครับ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะมีหรือไม่ และทำได้แค่ไหนเหมือนกัน
ปรากฏการณ์ “มนุษย์นิรนามหน้าขาว” นี้เป็นที่น่าจับตาว่า จะพัฒนาต่อกันไปได้ถึงขั้นไหน และจะก่อความหวาดกลัวให้ “เป้าหมาย” ได้เพียงไร
ICT และอำนาจรัฐประดามีที่มีอำนาจแทรกแซงในทางโลกไซเบอร์ จะมีปฏิกิริยาอย่างไร
ในเมื่อการ “ต่อต้าน” อำนาจของระบอบทักษิณ และเผด็จการโดยทุนนี้ ทำได้ง่ายดาย ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้าน ออฟฟิศ หรือแม้แต่บนมือถือทุกเครื่อง ก็สามารถ “ก่อม็อบเสมือนจริง” ได้ โดยไม่ต้องออกไปชุมนุมไปปิดถนนให้คนอื่นเดือดร้อน หรือไม่ต้องไปชุมนุมด่าทอหยาบคายเสี่ยงคุก เหมือนพวกเสื้อแดงหน้าศาล
แต่ผลสะเทือนเท่ากัน เผลอๆ ยิ่งกว่าเสียอีก.
แต่ไฟใต้ที่ว่า ไม่ใช่การก่อการร้ายที่ทำคร่าชีวิตประชาชน ครู ทหาร ข้าราชการ มาตลอดเวลาร่วมสิบปี นับแต่วาทกรรม “โจรกระจอก” ของทักษิณ แต่ไฟใต้ที่ว่า เป็นไฟจริงๆ คือไฟฟ้าที่ดับพร้อมกันทั่วทั้งภาคใต้ 14 จังหวัด เมื่อวันอังคารที่ 21 ที่ผ่านมา
ใครที่มีญาติพี่น้องเพื่อนฝูงอยู่ทางภาคใต้ในวันนั้นคงยังจำความตกใจแตกตื่นได้ เมื่อทุกพื้นที่มืดดับ ไม่มีไฟฟ้า การสื่อสารเกือบล่ม มีเพียงสัญญาณโทรศัพท์หรืออินเทอร์เน็ตจากบางพื้นที่ หรือสถานที่บางแห่งที่ยังมีไฟสำรองเท่านั้น สถานการณ์น่ากลัวว่าไฟดับตอนหัวค่ำ และหลายพื้นที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง และข่าวการก่อการร้ายที่เล่นงานกันไม่เลือก ไม่ว่าจะเป็นการกราดยิงหรือใช้ระเบิดฆ่าตัวตาย ภาพสยองขวัญและสลดใจของร้านชำที่ถูกกราดยิงจนเด็กเล็กๆ ต้องเสียชีวิต ได้มาหลอกหลอนผู้คนในพื้นที่ให้อยู่ไม่เป็นสุข ตลอดช่วงเวลาที่ไฟฟ้าดับ
การไฟฟ้าฯ แถลงว่า การที่ไฟดับตลอดทั้งพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ เกิดจากการที่เสาไฟฟ้าต้นหนึ่งที่เพชรบุรีถูกฟ้าผ่า ซึ่งเวรกรรมว่าเป็นเส้นที่เหลือทำงานอยู่เพียงเส้นเดียว ทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรระบบการทำงานตัด ส่งผลให้ไฟฟ้าหลักทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ดับทั้งระบบ เหตุผลตามที่การไฟฟ้าฯ แจ้งนั้น ยิ่งจริงยิ่งสยอง นั่นคือ ระบบไฟฟ้าของภาคใต้ทั้งภาคขึ้นกับสายไฟฟ้าแค่สายเดียว! หากสายไฟนี้เป็นอะไรไป ผลคือ “มืดทั้งด้ามขวาน”
ชะตากรรมทางพลังงานของภาคใต้ที่เป็นแหล่ง GDP สำคัญของประเทศ แขวนอยู่บนสายไฟเส้นเดียวเท่านั้น เอาจริงหรือครับ เราจะเชื่อกันง่ายๆ ว่า มันมีระบบอะไรที่ออกแบบมาเปราะบางขนาดนี้จริงหรือ?
ถ้าเรายังจำได้ มีความพยายามสร้างบรรยากาศแห่งความหวาดกลัวเรื่องวิกฤตพลังงานมาแล้วก่อนหน้านี้
ช่วงเดือนเมษา ที่จะมีข่าวเรื่องการซ่อมท่อส่งก๊าซที่พม่า ก็มีการพูดกันว่า ให้เตรียมตัวรับวิกฤตพลังงาน อาจจะมีไฟฟ้าดับบ้าง ตกบ้าง เป็นวงกว้างทั่วประเทศ ตลอดจน กทม. เพื่อแสดงให้เห็นว่า การพลังงานไฟฟ้าของไทยนั้นอ่อนไหวแค่ไหน กำลังจะไม่พอใช้อย่างไร แต่เนื่องเพราะตอนนั้นมีการประกาศล่วงหน้า ทำให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้าน และ “คำถามดังๆ” ตามมาจนดังไปทั้งประเทศ ในที่สุดผู้รับผิดชอบก็ต้องหาทางแก้ไขข่าวที่ตัวเองได้ปล่อยออกมา และในวันนั้นเวลานั้น ก็ไม่ปรากฏว่ามีอะไรเกิดขึ้น อาจจะเพราะว่า มีการเตรียมการที่ดี ประชาชนร่วมมือประหยัดไป หรือ “อะไร” ก็ไม่ทราบได้
จึงไม่เหมือนกับไฟดับครึ่งคืนด้วยเหตุ “สุดวิสัย” เช่นที่ภาคใต้
ถึงบอก และต้องเขียนซ้ำไงครับว่า เรื่องนี้ จริงก็น่ากลัว ไม่จริงก็น่ากลัว ถ้าจริงก็แปลว่าระบบการจัดการพลังงานไฟฟ้าของเราล้มเหลว ต้นทางก็ต้องมาจากประเทศเพื่อนบ้าน แถมปลายทางก็ยังผูกอยู่กับระบบสายไฟฟ้าชุดเดียว จะสองเส้นหรือกี่เส้นก็เถอะ เรียกว่าต่อจากนี้ใครรู้แกว อยากตัดไฟฟ้าประเทศไทยทั้งประเทศ หรือบางภูมิภาคนั้นก็ทำได้ไม่ยากเลย เพียงแต่ต้องรู้จุดเท่านั้น จะตัดที่ต้นทางหรือปลายทางเท่านั้นเอง มันน่ากลัวไหมละครับ
หรือถ้ามันไม่จริง ก็จะยิ่งน่ากลัวว่า ในขณะนี้มีการจับตัว “พลังงานไฟฟ้า” ที่เป็นเหมือนปัจจัยที่ห้าหรือที่หกของมนุษย์ยุคนี้ไปแล้ว ไว้เป็น “ตัวประกัน” เพื่อเรียกร้องเอาอะไรสักอย่าง ที่เขายังไม่ได้ประกาศออกมาหรือเปล่า?
น่ากลัวว่าถ้าคราวหน้าเกิดมีแมวสักตัวไปฉี่รดแผงวงจรไฟฟ้าที่ไหนลัดวงจรจนตัดการทำงานไปสักภูมิภาคหรือสักจังหวัดอีก แล้วในขณะที่ไฟดับนั้น เกิดระเบิดหรือเกิดไฟไหม้อีก ทีนี้ละจะเป็นอย่างไร
ส่วนอีกเรื่องที่ขึ้นหัวไว้ คือ หน้ากากเวนเด็ตต้า หรือหน้ากาก กาย ฟอว์กส์ (Guy Fawkes) ที่กำลังเป็นปรากฏการณ์ฮือฮาในโลกเฟซบุ๊กขณะนี้ ว่าด้วยการที่ประชาชนชาวเน็ตจำนวนมาก เปลี่ยนภาพประจำตัวเป็นหน้ากากชายหน้าขาวหนวดเรียว เข้าไปโพสต์ ประโยคไม่สั้นไม่ยาวเพียงว่า “ขณะนี้กองทัพประชาชนได้ลุกขึ้นมาแล้ว ข้าขอประกาศว่า ข้าจะล้มล้างระบอบทักษิณให้หมดสิ้นจากแผ่นดินไทย”
ประโยคเดียวสะเทือนใจ ทั้งๆ ที่เป็นประโยคเพียงแค่นี้ ไม่มีคำผรุสวาทด่าทอใดๆ แต่เป็นประโยคที่ประชาชนพร้อมใจกันจะนัดหมายหรือไม่ก็ตาม ไปโพสต์ไว้พร้อมๆ กัน ด้วยใบหน้าเดียว ใบหน้าของประชาชนนิรนาม ซึ่งก่อให้เกิดความขนลุกขนชันให้แก่ผู้ที่ “ร้อนท้อง” หรือเชื่อว่าตัวเองนั้นเกี่ยวข้องเป็นอันมาก ถึงขนาดมาเต้นเร่าๆ ขู่ว่าจะใช้อำนาจรัฐที่มี ไม่ว่าจะ ICT หรือ ป.อ.ท. มาหาทางตรวจสอบว่าเชื่อมโยงพรรคการเมืองไหนหรือไม่? หรือแม้แต่ Facebook ของนายพานทองแท้ ก็มีการฟันธงไปเรียบร้อยแล้วว่า กิจกรรมหน้ากาก V นี้ มีที่มาจาก “พรรคแมลงสาบ”
คนเสื้อแดงชอบเย้ยหยันคนไม่เอาทักษิณ ว่าถูก “ผีทักษิณ” หลอก แต่อันนี้เหมือนกับว่า คนเสื้อแดงเองก็เหมือนจะถูก “ผีแมลงสาบ” หลอกเช่นกัน
หรือพวกเสื้อแดงกลุ่มปัญญาชนจำนวนหนึ่ง ก็พยายามยกเอาประวัติศาสตร์มาเย้ยหยัน ว่าที่คนใช้หน้ากาก V มานั้น เป็นเรื่องของการไม่รู้จริง เพราะ V เป็นพวกล้มเจ้า เพราะต้นตำรับหน้าของหน้ากาก คือ กาย ฟอว์กส์ บุคคลที่มีจริงในประวัติศาสตร์ ผู้ได้ชื่อว่าเป็นกบฏดินปืนนี้ จริงๆ ตั้งใจจะวางระเบิดรัฐสภาอังกฤษให้พินาศไปพร้อมพระเจ้าเจมส์
นี่คือการผูกขาดนิยามที่น่าสงสาร และเป็นการเอาประวัติศาสตร์ทื่อๆ มารับใช้ฝ่ายตัวเอง – อันที่จริงข้อหานี้เป็นข้อหาที่เสื้อแดง โดยเฉพาะหมู่ “แดงปัญญาชน” ชอบยัดชอบป้ายให้ฝ่ายคิดต่างมากกว่า แต่พอชั่วโมงนี้ อยากจะเอาประวัติศาสตร์มารับใช้บ้าง ก็คว้าเอาประวัติศาสตร์หน้าเดียวมา “ผูกขาด” ว่าหน้ากาก V เป็นของตน เป็นของฝ่ายล้มเจ้า ว่างั้น
ทั้งๆ ที่ไม่ได้ดูพลวัตเชิงสัญลักษณ์ว่า ปัจจุบันหน้ากาก V แม้มันจะมาจากหน้าของกาย ฟอว์กส์ แต่ปัจจุบันนี้ หน้ากากแบบที่นำมาใช้ คนส่วนใหญ่มองไปถึงหนังที่สร้างมาจากการ์ตูนเรื่อง V for Vendetta มากกว่า และมันถูกใช้เป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อต้านรัฐแบบสากลไปแล้ว รวมทั้งการแสดงความเป็นมนุษย์นิรนาม ผู้มีอุดมการณ์เดียวกัน เช่นในเหตุการณ์ Occupy Wall Street ในปี 2011 ที่อเมริกา ซึ่งก็ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องล้มเจ้าอะไร
เป็นการต่อสู้กับ “ทุน” และอำนาจรัฐล้วนๆ ที่ไม่มีฝ่ายใดจะมีอำนาจ “ยึด” ไปใช้ว่า จะใช้หน้ากากนี้นะ ต้อง “ไม่เอาเจ้า” นะ
ถ้าจะมีใครหวงห้ามได้ก็เห็นจะเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์การออกแบบหน้ากากในหนังนี่แหละครับ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะมีหรือไม่ และทำได้แค่ไหนเหมือนกัน
ปรากฏการณ์ “มนุษย์นิรนามหน้าขาว” นี้เป็นที่น่าจับตาว่า จะพัฒนาต่อกันไปได้ถึงขั้นไหน และจะก่อความหวาดกลัวให้ “เป้าหมาย” ได้เพียงไร
ICT และอำนาจรัฐประดามีที่มีอำนาจแทรกแซงในทางโลกไซเบอร์ จะมีปฏิกิริยาอย่างไร
ในเมื่อการ “ต่อต้าน” อำนาจของระบอบทักษิณ และเผด็จการโดยทุนนี้ ทำได้ง่ายดาย ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้าน ออฟฟิศ หรือแม้แต่บนมือถือทุกเครื่อง ก็สามารถ “ก่อม็อบเสมือนจริง” ได้ โดยไม่ต้องออกไปชุมนุมไปปิดถนนให้คนอื่นเดือดร้อน หรือไม่ต้องไปชุมนุมด่าทอหยาบคายเสี่ยงคุก เหมือนพวกเสื้อแดงหน้าศาล
แต่ผลสะเทือนเท่ากัน เผลอๆ ยิ่งกว่าเสียอีก.