ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาสำหรับคอนักเล่นสงกรานต์ทางสังคมออนไลน์คงไม่มีอะไรตื่นเต้นไปเท่าอยู่ดีๆ ก็มีการแชร์ข้อมูลว่าด้วยเรื่อง ข้อห้ามการเล่นสงกรานต์ปี ๒๕๕๖ รวม ๑๑ ข้อ โดยอ้างที่มาจาก ๓ สำนักข่าว พร้อมกับระบุตั้งแต่ ๑.ห้ามซื้อ และขายสินค้าบนไหล่ทาง ๒.ห้ามเปิดเครื่องเสียง ๓.ห้ามให้รถกระบะบรรทุกถังน้ำสาดตามท้องถนน ๔.ห้ามนั่งหรือยืนบนหลังกระบะเพื่อเล่นน้ำสงกรานต์ ๕.ห้ามเล่นปืนฉีดน้ำแรงดันสูง ๖.ห้ามนำน้ำแข็งปาใส่กัน ๗.ห้ามทำลามกอนาจารหญิงสาว ๘.ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่เล่นน้ำสาธารณะ เด็กอายุต่ำกว่า ๒๐ ปี และผู้ที่เมาอยู่แล้ว ๙.ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถ ๑๐.ห้ามเล่นแป้ง และ ๑๑.ห้ามเมาแล้วขับรถ
เล่นเอามึนกันไปเป็นแถบๆ แน่นอนว่าผู้ที่ร่วมสนุกกับเทศกาลต่างก็ออกมาคัดค้านกันเป็นว่าเล่น ทั้งทำรูปจิกกัด ด่าทอ กันอย่างสนุกสนาน ส่วนคนที่ไม่ได้ปลื้มการละเล่นในเทศกาลนี้ก็ต่างพากันสรรเสริญเยินยอ แถมยังเพิ่มข้อแนะนำในเรื่องต่างๆ อีกด้วย .... ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่ ต้องว่ากันไปตามอัธยาศัยของแต่ละท่าน
แต่เอ๊ะ! ทำไมถึงออกกฏมาอย่างนี้ล่ะ แล้วใครเป็นผู้บัญญัติกฏสุดโอเวอร์นี้ขึ้นมา ที่มาอยู่ตรงไหน? ไม่มีใครสามารถตอบได้นอกจากอ้างชื่อ ๓ สำนักข่าวที่ว่า แต่พอไปตรวจจริงๆ ก็กลับไม่มีลิงก์ข่าวที่ระบุถึงด้วยซ้ำ
ผมก็เลยลองไปไล่ๆ ดูข่าวเก่าๆ ที่เกี่ยวข้องดูจนพบว่า มีจริง!! เมื่อ ๒๘ มี.ค. คุณ ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยให้สัมภาษณ์ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน พูดชัดเจน ให้ ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดจัดโซนนิ่งในการเล่นน้ำสงกรานต์ ,ห้ามให้รถกระบะบรรทุกถังน้ำและสาดตามท้องถนน เนื่องจากการเกิดอันตราย เพราะมีสถิติอยู่กระทำเช่นนี้จะเป็นสาเหตุสำคัญในการเกิดอุบัติเหตุ ผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต และจะมีความผิดตามกฎหมายอาญาฐานสร้างความเดือดร้อน หรือประมาทให้ผู้อื่นบาดเจ็บและถึงแก่ความตาย และผู้ขับขี่ดื่มสุราจะมีความผิดแล้วผู้โดยสารที่ดื่มสุราในขณะเดินทางก็มีความผิดเช่นกัน
ส่วนทางตำรวจ โฆษกสตช. พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย ก็ได้ระบุถึงการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ในพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ จะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับผู้ที่มีพฤติกรรมลวนลาม เพราะเข้าข่ายอนาจาร โดยไม่ต้องตักเตือน และกรณีสร้างความเดือดร้อนรำคาญ รวมถึงการเร่ขายสุราในพื้นที่เล่นน้ำ การจำหน่ายสุราให้แก่เด็กอายุต่ำกว่า ๒๐ ปี และการจำหน่ายสุราในพื้นที่และช่วงเวลาห้าม และขอความร่วมมืออย่าจำหน่ายให้แก่ผู้ที่อยู่ในอาการมึนเมา
เท่าที่ดู ก็มีแค่ ๕ ข้อเท่านั้น ที่ตรงกับคำพูดของท่านเจ้าหน้าที่ระดับสูง .... แล้ว ที่เหลือพวก ห้ามซื้อ และขายสินค้าบนไหล่ทาง ,ห้ามเปิดเครื่องเสียง ,ห้ามนั่งหรือยืนบนหลังกระบะเพื่อเล่นน้ำสงกรานต์ ,ห้ามเล่นปืนฉีดน้ำแรงดันสูง ,ห้ามนำน้ำแข็งปาใส่กัน และห้ามเล่นแป้ง มันมาจากไหนกันล่ะ?
อาจจะมองได้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็น การตีความจากในมุมของผู้เขียน (ใครก็ไม่รู้) แล้วมาสรุปเอาว่า ห้ามในสิ่งเหล่านี้นะ ซึ่งจริงๆ แล้ว พูดกันตรงๆ มันก็คือเรื่องที่ห้ามกันอยู่แล้ว แต่แค่บางพื้นที่เท่านั้น เช่น การใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงนี่ก็ห้ามทุกปี ปาน้ำแข็งมันก็ไม่สมควรอยู่แล้ว ส่วนเปิดเครื่องเสียง หรือ เล่นแป้ง มันก็แค่บางจุดที่สงวนไว้ทุกปี เช่น ถ.ข้าวสาร ย่านการค้าสยามสแควร์ พอเขียนแบบนี้ แน่นอนว่า "ไปกันใหญ่"
และผลของการกระหน่ำแชร์ ก็ต้องทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้ง ๒ ต้องออกมาชี้แจงอีกรอบ (ซึ่งนี่จะถือว่าเป็นข้อดีก็คงได้)
อย่างโฆษก สตช.ก็มาชี้แจงเมื่อ ๓ เม.ย.ว่า ไม่ได้มีข้อห้ามแบบนี้ แต่ถ้าเล่นน้ำจนเกินเลยหรือสุ่มเสี่ยงก่อให้เกิดอันตราย เช่น ขายสุราให้เด็ก เปิดเครื่องเสียงส่งเสียงดังในเขตชุมชนรบกวนชาวบ้าน หากได้รับแจ้งตำรวจก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนกฎหมายห้ามดื่มสุราบนรถ ทั้งคนขับและผู้โดยสารก็เหมือนเดิม แต่หากผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารที่เมาโดยตรวจไม่พบสุราบนรถ เจ้าหน้าที่อาจให้หยุดพักรถจนกว่าอาการดีขึ้นจึงปล่อยกลับบ้านโดยไม่มีการจับกุม หรือผู้ที่อยู่ในอาการมึนเมาสามารถกลับรถแท็กซี่ได้ไม่ถือว่าผิดกฎหมาย อันนี้ยังรวมไปถึงการกวดขันสถานบริการที่จัดให้มีการเต้นหน้าร้านเพื่อเชิญชวนลูกค้า และจับกุมการแข่งรถในทางสาธารณะ กลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์เป็นนักเลงอันธพาลเป็นภัยต่อสังคมด้วย
ทางฝั่ง รมช.มท. ก็พูดเหมือนกันว่า ไม่ได้เป็นออกคำสั่ง แต่เป็นมติที่ประชุมศปถ. ที่ลงความเห็นว่าการเล่นสงกรานต์โดยการนำถังบรรจุน้ำขึ้นรถกระบะตระเวนเล่นน้ำอาจมีการสาดน้ำใส่รถจักรยานยนต์และเกิดอุบัติเหตุได้ ตรงนี้เป็นวัตถุประสงค์หลักในการออกคำสั่งห้าม หมายถึงว่าห้ามเล่นนอกเหนือพื้นที่ที่แต่ละจังหวัดได้กำหนดไว้ แต่หากเป็นพื้นที่อนุญาตก็สามารถนำมาสาดเล่นได้
สรุปง่ายๆ ว่า อะไรที่ทำได้ก็เหมือนเดิม แต่อย่างสร้างความเดือดร้อนเป็นพอ
ทีนี้มาดูว่ามันเกิดปัญหาขึ้นจริงหรือไม่?
สิ่งหนึ่งที่เราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยคือพวก "เล่นไม่รู้เรื่อง" ไม่ใช่แค่คนเมา ไม่เมาก็ตัวดีเลยล่ะ .... ไอ้ที่ว่าไม่รู้เรื่องคืออะไรล่ะ เช่น
- การสาดแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ อันนี้เป็นความซวยอย่างหนึ่งของผู้ที่ไม่ได้เล่นแล้วต้องเจอ เดินออกจากบ้านจะไปทำงาน เจอสาดน้ำเปียกเป็นลูกหมาซะงั้น
- พวกสาดน้ำใส่กระจกหน้ารถ คือ พี่จะช่วยเขาล้างรถหรือครับ อันนี้ไม่ต้องก็ได้ ทำอย่างกับว่าสาดแล้วมันจะซึมผ่านกระจกไปสู่ตัวคนขับซะอย่างงั้น แต่แท้ที่จริงแล้วมันทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ลดลง คนขับบางคนตกใจหักหลบชนคนให้เกิดอุบัติเหตุอีก เรื่องใหญ่เลยทีนี้
- เช่นเดียวกับพวกที่สาดมอเตอร์ไซค์ ก็เข้าใจว่าอยากให้พี่แวนซ์แกมีส่วนร่วม แต่บางทีเขาขับมาเร็วพอเจอพวกนี้สาดนี่ มันเจ็บไม่ใช่น้อย แถมยังเสี่ยงลื่นล้มจนเละคาถนนก็ได้เช่นกัน
แบบนี้เขาเรียก "เล่นไม่คิด"
ปัญหาอีกอย่างของผู้ที่ไม่เล่น และผู้เล่นสงกรานต์แบบปกติ คือ ขบวนการตั้งด่าน ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ทุกจุดในพื้นที่ที่เล่นสงกรานต์ พฤติกรรมของเขา จะรวมกลุ่มกันเป็นหมู่คณะ ราวกับเกณฑ์ชายฉกรรจ์มากันทั้งหมู่บ้านเลยทีเดียว (จริงๆ ในกลุ่มก็มีสาวๆ นะ) เขาจะปิดถนนฝั่งใดฝั่งหนึ่ง หรือบางจุดก็ปิดมันทั้ง ๒ ฝั่งเลย มีถังบรรจุน้ำขนาดใหญ่ พร้อมสายยาง แป้ง เครื่องเสียง ครบครัน เมื่อมีรถผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถกระบะบรรทุกผู้เล่นสงกรานต์ หรือมอเตอร์ไซด์ ชาวแก๊งที่กำลังสนุกกับการแดนซ์ก็จะพากันมาโบกรถของท่านให้จอด แล้วก็จัดการนำน้ำฉีดใส่ผู้ที่อยู่ในกระบะหลัง และประแป้งนี่คือการเล่นแบบปกติที่น่ายอมรับได้ (สำหรับผมนะ)
แต่บางกลุ่มมันไม่ใช่น่ะสิบางคนนำเหล้ามาป้อนคนขับรถเพื่อกระชับสัมพันธไมตรี บ้างก็รุมลวนลามล้วงควักของสงวนสาวๆ ที่นั่งท้ายกระบะ หรือขับมอเตอร์ไซค์มา จนไปถึงการตั้งจุดเพื่อไถเงินเลยก็มี ที่ผมเอ่ยมาต้องขอย้ำว่า เป็นส่วนน้อยและเป็นคนส่วนน้อยของกลุ่มนั้นๆ แต่ มันทำให้คนอื่นเขาเอือม จนไม่อยากจะเล่นน้ำเลยด้วย
เรื่องเล่นแป้ง จริงๆ ในอดีตจนกระทั่งปัจจุบัน ก็ลูบหน้าปะจมูกกันนิดหน่อยพอเป็นกระสัย ผมยืนยันว่าคนเล่นแป้งส่วนใหญ่ ก็ทำแค่นั้นครับ ขอแค่ได้จับแก้มนวลอนงค์สักนิดให้ชื่นใจ แต่ก็มีพวกส่วนน้อยแต่เสียงดังเนี่ยล่ะครับที่ล่วงละเมิด ที่ผมเคยเจอแบบหนักๆ ก็คือมากันเป็นแก๊ง ยืนประจำจุด แล้วเล็งหาเหยื่อ พอเจอกลุ่มสาวๆ เดินมาในพื้นที่ ก็จะตรงไปที่เป้าหมายที่ดูงามที่สุดในกลุ่มนั้น จากนั้นก็เริ่มประแป้งทุกคนในกลุ่มก่อนที่จะประแป้งผู้ที่หมายปองเป็นคนสุดท้ายแล้วลากเข้าไปยังพื้นที่ไม่ห่างนักเพื่อทำการละเลงแป้งบนเรือนร่างของเธอ ก่อนที่จะปล่อยออกมา
ผมเล่านี่เหมือนว่าเทศกาลนี้แม่งโหดร้ายมาก จริงๆ แล้วอย่างที่บอกว่า แค่ส่วนน้อยจริงๆ หลายพื้นที่ในบางกอกที่ผมไปเล่นก็ไม่ค่อยเจอแบบนี้นะ
เล่าเรื่องนี้แล้วก็ต้องบอกเลยว่า การแต่งตัวของผู้ร่วมงานก็มีส่วนครับ ระยะหลังๆ มักจะเจอสาวๆ นุ่งกางเกงแค่คืบ เสื้อขาวบางคอวี เพื่อโชว์บิกินี่ตัวน้อยภายใน อยู่เป็นระยะ บางคนหนักๆ ก็ใส่บิกินี่ท่อนบนเดินเลย ไม่ใช่ฝรั่ง คนไทยเนี่ยล่ะ .... ก็ไม่แปลกล่ะครับ ที่จะเกิดเหตุอย่างที่ผมว่า แต่นั่นมันคือสิทธิเสรีภาพ ของพวกเธอครับ แม้เธอจะอายุแค่วัยเริ่มเจริญพันธุ์ แต่เธอมั่นใจว่า ของเล็กๆ แบบนี้ก็มีดี เอ้า ก็ว่ากันไปครับ
เรื่องการลวนลามนี่ มีอีกกรณีหนึ่งที่ดูเหมือนว่าตลก แต่มันไม่ตลกเลยสำหรับคนที่โดน นั่นคือพวกสาวประเภท ๒ ที่มักจะถูกชายหนุ่มกลั่นแกล้งเป็นประจำ ส่วนใหญ่จะถูกประแป้งบริเวณจุดซ่อนเร้นที่เพศเขาก็มีเหมือนกัน บ้างก็เต็มใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่โอเค ก็ได้แต่สบถดังๆ ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเล่าผู้กระทำกันสนุกสนาน
ฝ่ายชายหนุ่มแท้ๆ อย่างพวกผมนี่ ไม่ใช่ว่าไม่โดนนะ บางคนใจกล้าบุกฝ่าวงล้อมชาวเกย์แต่พลาดถูกจับเป็นเชลยแล้วต้องสังเวยถูกสัมผัสไส้กรอกในเวลาสั้นๆ ก็มี ..... คิดแล้วใจหาย
ตอนแรกว่าจะพูดถึงเรื่องการดื่มสุราในเทศกาล แต่ผมเห็นคนอื่นๆ พูดกันมาเยอะแล้ว จริงๆ มันก็เป็นเรื่องที่พูดยากเหมือนกัน เพราะบางคนเชื่อในขีดจำกัดของตัวเอง จนเป็นสิ่งที่ "เตือนกันยาก" ..... ถึงแม้จะห้ามขายแต่พวกตุนไว้กินก็มี
รวมไปถึงผู้ที่ชอบโชว์ ไม่ว่าจะเป็นบิกี่นี่แดนซ์ หรืออะไรที่หนักกว่านั้น ก็เอาเถอะครับ .... โชว์มาเราก็ดู
"คุณมีเรือนร่างของคุณ ผมมีสายตาของผม (ไว้ดู) ก็พอ"
ก็ขอแค่ว่า "สงกรานต์ปีนี้ เล่นให้มีสติ อย่าละเมิดสิทธิ์ผู้อื่น" ดีที่สุดครับ
ส่วนตัวผมครั้งนี้ว่าจะไปฉีดน้ำแถวๆ ย่านสยามสแควร์ เห็นว่ามีงานสงกรานต์ผ้าขาวม้าครองโลก ที่จัดเป็นปีที่ ๒ รวมไปถึงงานที่หน้าลานห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งมองดูแล้วน่าจะเหมาะกับพวกที่ไม่เล่นแป้งอย่างผมอย่างยิ่ง เมื่อปีที่ผ่านมา ผมไปร่วมสนุกเล่นกระหน่ำกับน้ำที่เปิดให้ใช้แบบไม่จำกัด ทั้งฉีด ทั้งสาด แบบธรรมดา ก็คือ เดินหรือยืนประจำจุดเล่น และอีกแบบคือ แบตเทิล แบ่งเป็น ๒ ฝั่ง แล้วรอจังหวะให้ทั้ง ๒ ฝ่ายเติมกระสุนน้ำกันให้เต็มที่ จากนั้นพอได้จังหวะที่ทุกคนพร้อม ก็เริ่มฉีดน้ำใส่กัน มันจนลืมอายุเลยทีเดียว
......... ก็ได้แต่หวังว่าปีนี้คงจะสนุกเช่นกัน
เล่นเอามึนกันไปเป็นแถบๆ แน่นอนว่าผู้ที่ร่วมสนุกกับเทศกาลต่างก็ออกมาคัดค้านกันเป็นว่าเล่น ทั้งทำรูปจิกกัด ด่าทอ กันอย่างสนุกสนาน ส่วนคนที่ไม่ได้ปลื้มการละเล่นในเทศกาลนี้ก็ต่างพากันสรรเสริญเยินยอ แถมยังเพิ่มข้อแนะนำในเรื่องต่างๆ อีกด้วย .... ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่ ต้องว่ากันไปตามอัธยาศัยของแต่ละท่าน
แต่เอ๊ะ! ทำไมถึงออกกฏมาอย่างนี้ล่ะ แล้วใครเป็นผู้บัญญัติกฏสุดโอเวอร์นี้ขึ้นมา ที่มาอยู่ตรงไหน? ไม่มีใครสามารถตอบได้นอกจากอ้างชื่อ ๓ สำนักข่าวที่ว่า แต่พอไปตรวจจริงๆ ก็กลับไม่มีลิงก์ข่าวที่ระบุถึงด้วยซ้ำ
ผมก็เลยลองไปไล่ๆ ดูข่าวเก่าๆ ที่เกี่ยวข้องดูจนพบว่า มีจริง!! เมื่อ ๒๘ มี.ค. คุณ ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยให้สัมภาษณ์ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน พูดชัดเจน ให้ ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดจัดโซนนิ่งในการเล่นน้ำสงกรานต์ ,ห้ามให้รถกระบะบรรทุกถังน้ำและสาดตามท้องถนน เนื่องจากการเกิดอันตราย เพราะมีสถิติอยู่กระทำเช่นนี้จะเป็นสาเหตุสำคัญในการเกิดอุบัติเหตุ ผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต และจะมีความผิดตามกฎหมายอาญาฐานสร้างความเดือดร้อน หรือประมาทให้ผู้อื่นบาดเจ็บและถึงแก่ความตาย และผู้ขับขี่ดื่มสุราจะมีความผิดแล้วผู้โดยสารที่ดื่มสุราในขณะเดินทางก็มีความผิดเช่นกัน
ส่วนทางตำรวจ โฆษกสตช. พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย ก็ได้ระบุถึงการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ในพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ จะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับผู้ที่มีพฤติกรรมลวนลาม เพราะเข้าข่ายอนาจาร โดยไม่ต้องตักเตือน และกรณีสร้างความเดือดร้อนรำคาญ รวมถึงการเร่ขายสุราในพื้นที่เล่นน้ำ การจำหน่ายสุราให้แก่เด็กอายุต่ำกว่า ๒๐ ปี และการจำหน่ายสุราในพื้นที่และช่วงเวลาห้าม และขอความร่วมมืออย่าจำหน่ายให้แก่ผู้ที่อยู่ในอาการมึนเมา
เท่าที่ดู ก็มีแค่ ๕ ข้อเท่านั้น ที่ตรงกับคำพูดของท่านเจ้าหน้าที่ระดับสูง .... แล้ว ที่เหลือพวก ห้ามซื้อ และขายสินค้าบนไหล่ทาง ,ห้ามเปิดเครื่องเสียง ,ห้ามนั่งหรือยืนบนหลังกระบะเพื่อเล่นน้ำสงกรานต์ ,ห้ามเล่นปืนฉีดน้ำแรงดันสูง ,ห้ามนำน้ำแข็งปาใส่กัน และห้ามเล่นแป้ง มันมาจากไหนกันล่ะ?
อาจจะมองได้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็น การตีความจากในมุมของผู้เขียน (ใครก็ไม่รู้) แล้วมาสรุปเอาว่า ห้ามในสิ่งเหล่านี้นะ ซึ่งจริงๆ แล้ว พูดกันตรงๆ มันก็คือเรื่องที่ห้ามกันอยู่แล้ว แต่แค่บางพื้นที่เท่านั้น เช่น การใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงนี่ก็ห้ามทุกปี ปาน้ำแข็งมันก็ไม่สมควรอยู่แล้ว ส่วนเปิดเครื่องเสียง หรือ เล่นแป้ง มันก็แค่บางจุดที่สงวนไว้ทุกปี เช่น ถ.ข้าวสาร ย่านการค้าสยามสแควร์ พอเขียนแบบนี้ แน่นอนว่า "ไปกันใหญ่"
และผลของการกระหน่ำแชร์ ก็ต้องทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้ง ๒ ต้องออกมาชี้แจงอีกรอบ (ซึ่งนี่จะถือว่าเป็นข้อดีก็คงได้)
อย่างโฆษก สตช.ก็มาชี้แจงเมื่อ ๓ เม.ย.ว่า ไม่ได้มีข้อห้ามแบบนี้ แต่ถ้าเล่นน้ำจนเกินเลยหรือสุ่มเสี่ยงก่อให้เกิดอันตราย เช่น ขายสุราให้เด็ก เปิดเครื่องเสียงส่งเสียงดังในเขตชุมชนรบกวนชาวบ้าน หากได้รับแจ้งตำรวจก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนกฎหมายห้ามดื่มสุราบนรถ ทั้งคนขับและผู้โดยสารก็เหมือนเดิม แต่หากผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารที่เมาโดยตรวจไม่พบสุราบนรถ เจ้าหน้าที่อาจให้หยุดพักรถจนกว่าอาการดีขึ้นจึงปล่อยกลับบ้านโดยไม่มีการจับกุม หรือผู้ที่อยู่ในอาการมึนเมาสามารถกลับรถแท็กซี่ได้ไม่ถือว่าผิดกฎหมาย อันนี้ยังรวมไปถึงการกวดขันสถานบริการที่จัดให้มีการเต้นหน้าร้านเพื่อเชิญชวนลูกค้า และจับกุมการแข่งรถในทางสาธารณะ กลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์เป็นนักเลงอันธพาลเป็นภัยต่อสังคมด้วย
ทางฝั่ง รมช.มท. ก็พูดเหมือนกันว่า ไม่ได้เป็นออกคำสั่ง แต่เป็นมติที่ประชุมศปถ. ที่ลงความเห็นว่าการเล่นสงกรานต์โดยการนำถังบรรจุน้ำขึ้นรถกระบะตระเวนเล่นน้ำอาจมีการสาดน้ำใส่รถจักรยานยนต์และเกิดอุบัติเหตุได้ ตรงนี้เป็นวัตถุประสงค์หลักในการออกคำสั่งห้าม หมายถึงว่าห้ามเล่นนอกเหนือพื้นที่ที่แต่ละจังหวัดได้กำหนดไว้ แต่หากเป็นพื้นที่อนุญาตก็สามารถนำมาสาดเล่นได้
สรุปง่ายๆ ว่า อะไรที่ทำได้ก็เหมือนเดิม แต่อย่างสร้างความเดือดร้อนเป็นพอ
ทีนี้มาดูว่ามันเกิดปัญหาขึ้นจริงหรือไม่?
สิ่งหนึ่งที่เราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยคือพวก "เล่นไม่รู้เรื่อง" ไม่ใช่แค่คนเมา ไม่เมาก็ตัวดีเลยล่ะ .... ไอ้ที่ว่าไม่รู้เรื่องคืออะไรล่ะ เช่น
- การสาดแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ อันนี้เป็นความซวยอย่างหนึ่งของผู้ที่ไม่ได้เล่นแล้วต้องเจอ เดินออกจากบ้านจะไปทำงาน เจอสาดน้ำเปียกเป็นลูกหมาซะงั้น
- พวกสาดน้ำใส่กระจกหน้ารถ คือ พี่จะช่วยเขาล้างรถหรือครับ อันนี้ไม่ต้องก็ได้ ทำอย่างกับว่าสาดแล้วมันจะซึมผ่านกระจกไปสู่ตัวคนขับซะอย่างงั้น แต่แท้ที่จริงแล้วมันทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ลดลง คนขับบางคนตกใจหักหลบชนคนให้เกิดอุบัติเหตุอีก เรื่องใหญ่เลยทีนี้
- เช่นเดียวกับพวกที่สาดมอเตอร์ไซค์ ก็เข้าใจว่าอยากให้พี่แวนซ์แกมีส่วนร่วม แต่บางทีเขาขับมาเร็วพอเจอพวกนี้สาดนี่ มันเจ็บไม่ใช่น้อย แถมยังเสี่ยงลื่นล้มจนเละคาถนนก็ได้เช่นกัน
แบบนี้เขาเรียก "เล่นไม่คิด"
ปัญหาอีกอย่างของผู้ที่ไม่เล่น และผู้เล่นสงกรานต์แบบปกติ คือ ขบวนการตั้งด่าน ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ทุกจุดในพื้นที่ที่เล่นสงกรานต์ พฤติกรรมของเขา จะรวมกลุ่มกันเป็นหมู่คณะ ราวกับเกณฑ์ชายฉกรรจ์มากันทั้งหมู่บ้านเลยทีเดียว (จริงๆ ในกลุ่มก็มีสาวๆ นะ) เขาจะปิดถนนฝั่งใดฝั่งหนึ่ง หรือบางจุดก็ปิดมันทั้ง ๒ ฝั่งเลย มีถังบรรจุน้ำขนาดใหญ่ พร้อมสายยาง แป้ง เครื่องเสียง ครบครัน เมื่อมีรถผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถกระบะบรรทุกผู้เล่นสงกรานต์ หรือมอเตอร์ไซด์ ชาวแก๊งที่กำลังสนุกกับการแดนซ์ก็จะพากันมาโบกรถของท่านให้จอด แล้วก็จัดการนำน้ำฉีดใส่ผู้ที่อยู่ในกระบะหลัง และประแป้งนี่คือการเล่นแบบปกติที่น่ายอมรับได้ (สำหรับผมนะ)
แต่บางกลุ่มมันไม่ใช่น่ะสิบางคนนำเหล้ามาป้อนคนขับรถเพื่อกระชับสัมพันธไมตรี บ้างก็รุมลวนลามล้วงควักของสงวนสาวๆ ที่นั่งท้ายกระบะ หรือขับมอเตอร์ไซค์มา จนไปถึงการตั้งจุดเพื่อไถเงินเลยก็มี ที่ผมเอ่ยมาต้องขอย้ำว่า เป็นส่วนน้อยและเป็นคนส่วนน้อยของกลุ่มนั้นๆ แต่ มันทำให้คนอื่นเขาเอือม จนไม่อยากจะเล่นน้ำเลยด้วย
เรื่องเล่นแป้ง จริงๆ ในอดีตจนกระทั่งปัจจุบัน ก็ลูบหน้าปะจมูกกันนิดหน่อยพอเป็นกระสัย ผมยืนยันว่าคนเล่นแป้งส่วนใหญ่ ก็ทำแค่นั้นครับ ขอแค่ได้จับแก้มนวลอนงค์สักนิดให้ชื่นใจ แต่ก็มีพวกส่วนน้อยแต่เสียงดังเนี่ยล่ะครับที่ล่วงละเมิด ที่ผมเคยเจอแบบหนักๆ ก็คือมากันเป็นแก๊ง ยืนประจำจุด แล้วเล็งหาเหยื่อ พอเจอกลุ่มสาวๆ เดินมาในพื้นที่ ก็จะตรงไปที่เป้าหมายที่ดูงามที่สุดในกลุ่มนั้น จากนั้นก็เริ่มประแป้งทุกคนในกลุ่มก่อนที่จะประแป้งผู้ที่หมายปองเป็นคนสุดท้ายแล้วลากเข้าไปยังพื้นที่ไม่ห่างนักเพื่อทำการละเลงแป้งบนเรือนร่างของเธอ ก่อนที่จะปล่อยออกมา
ผมเล่านี่เหมือนว่าเทศกาลนี้แม่งโหดร้ายมาก จริงๆ แล้วอย่างที่บอกว่า แค่ส่วนน้อยจริงๆ หลายพื้นที่ในบางกอกที่ผมไปเล่นก็ไม่ค่อยเจอแบบนี้นะ
เล่าเรื่องนี้แล้วก็ต้องบอกเลยว่า การแต่งตัวของผู้ร่วมงานก็มีส่วนครับ ระยะหลังๆ มักจะเจอสาวๆ นุ่งกางเกงแค่คืบ เสื้อขาวบางคอวี เพื่อโชว์บิกินี่ตัวน้อยภายใน อยู่เป็นระยะ บางคนหนักๆ ก็ใส่บิกินี่ท่อนบนเดินเลย ไม่ใช่ฝรั่ง คนไทยเนี่ยล่ะ .... ก็ไม่แปลกล่ะครับ ที่จะเกิดเหตุอย่างที่ผมว่า แต่นั่นมันคือสิทธิเสรีภาพ ของพวกเธอครับ แม้เธอจะอายุแค่วัยเริ่มเจริญพันธุ์ แต่เธอมั่นใจว่า ของเล็กๆ แบบนี้ก็มีดี เอ้า ก็ว่ากันไปครับ
เรื่องการลวนลามนี่ มีอีกกรณีหนึ่งที่ดูเหมือนว่าตลก แต่มันไม่ตลกเลยสำหรับคนที่โดน นั่นคือพวกสาวประเภท ๒ ที่มักจะถูกชายหนุ่มกลั่นแกล้งเป็นประจำ ส่วนใหญ่จะถูกประแป้งบริเวณจุดซ่อนเร้นที่เพศเขาก็มีเหมือนกัน บ้างก็เต็มใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่โอเค ก็ได้แต่สบถดังๆ ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเล่าผู้กระทำกันสนุกสนาน
ฝ่ายชายหนุ่มแท้ๆ อย่างพวกผมนี่ ไม่ใช่ว่าไม่โดนนะ บางคนใจกล้าบุกฝ่าวงล้อมชาวเกย์แต่พลาดถูกจับเป็นเชลยแล้วต้องสังเวยถูกสัมผัสไส้กรอกในเวลาสั้นๆ ก็มี ..... คิดแล้วใจหาย
ตอนแรกว่าจะพูดถึงเรื่องการดื่มสุราในเทศกาล แต่ผมเห็นคนอื่นๆ พูดกันมาเยอะแล้ว จริงๆ มันก็เป็นเรื่องที่พูดยากเหมือนกัน เพราะบางคนเชื่อในขีดจำกัดของตัวเอง จนเป็นสิ่งที่ "เตือนกันยาก" ..... ถึงแม้จะห้ามขายแต่พวกตุนไว้กินก็มี
รวมไปถึงผู้ที่ชอบโชว์ ไม่ว่าจะเป็นบิกี่นี่แดนซ์ หรืออะไรที่หนักกว่านั้น ก็เอาเถอะครับ .... โชว์มาเราก็ดู
"คุณมีเรือนร่างของคุณ ผมมีสายตาของผม (ไว้ดู) ก็พอ"
ก็ขอแค่ว่า "สงกรานต์ปีนี้ เล่นให้มีสติ อย่าละเมิดสิทธิ์ผู้อื่น" ดีที่สุดครับ
ส่วนตัวผมครั้งนี้ว่าจะไปฉีดน้ำแถวๆ ย่านสยามสแควร์ เห็นว่ามีงานสงกรานต์ผ้าขาวม้าครองโลก ที่จัดเป็นปีที่ ๒ รวมไปถึงงานที่หน้าลานห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งมองดูแล้วน่าจะเหมาะกับพวกที่ไม่เล่นแป้งอย่างผมอย่างยิ่ง เมื่อปีที่ผ่านมา ผมไปร่วมสนุกเล่นกระหน่ำกับน้ำที่เปิดให้ใช้แบบไม่จำกัด ทั้งฉีด ทั้งสาด แบบธรรมดา ก็คือ เดินหรือยืนประจำจุดเล่น และอีกแบบคือ แบตเทิล แบ่งเป็น ๒ ฝั่ง แล้วรอจังหวะให้ทั้ง ๒ ฝ่ายเติมกระสุนน้ำกันให้เต็มที่ จากนั้นพอได้จังหวะที่ทุกคนพร้อม ก็เริ่มฉีดน้ำใส่กัน มันจนลืมอายุเลยทีเดียว
......... ก็ได้แต่หวังว่าปีนี้คงจะสนุกเช่นกัน