ยังมีความเคลื่อนไหวทั้งการผลักดันร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทยอ้างว่าได้คุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรซึ่งได้กำชับว่าให้ดำเนินการในเรื่องพ.ร.บ.นิรโทษกรรมเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อของเหตุการณ์ทางการเมือง ขณะที่นายกรัฐมนตรีก็พูดกับตนในทำนองเดียวกัน ดังนั้น เมื่อร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทและร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราผ่านกระบวนการในวาระแรกแล้วก็ต้องเอาเรื่องนิรโทษกรรมมาพิจารณาต่อทันทีภายในสมัยประชุมนี้ ไม่มีเหตุผลที่จะถอยหรือชะลออะไรอีกแล้ว
นายวรชัยกล่าวว่าตนและกลุ่ม 42 ส.ส.จะนำเรื่องนี้ไปคุยกับเพื่อน ส.ส.ในการประชุมพรรคเสนอให้เป็นภาระของพรรค ภายในสมัยประชุมนี้ตนจะขอใช้เอกสิทธิ์เสนอเลื่อนร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมขึ้นมาพิจารณาอย่างแน่นอน ไม่ได้ทำเพื่อเอาหน้าหรืออยากดัง ใครจะยกมือหรือไม่ก็วัดใจกันไปเลย ใครไม่เห็นความสำคัญของพี่น้องที่ร่วมต่อสู้กันมาเขาก็จะเห็นและก็อาจจะไม่ได้รับเลือกตั้งครั้งหน้าขอร้องให้มาช่วยกัน เรื่องนี้ถอยไม่ได้อีกแล้ว
นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย 1 ใน 42 ส.ส.ที่เสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมกล่าวว่า ขณะนี้ได้หารือและทำความเข้าใจกับ ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนาเพื่อขอเสียงสนับสนุนในการเลื่อนร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมขึ้นมาเป็นวาระพิจารณาเร่งด่วนแล้ว ขณะเดียวกันก็มีการไปหารือกับแกนนำพรรคภูมิใจไทยเพื่อขอเสียงสนับสนุนด้วยเช่นกัน ขณะนี้มีเสียง ส.ส.ที่ยืนยันแล้วว่าจะสนับสนุนรวมแล้ว 100 กว่าเสียง
นายสมคิดยังกล่าวอีกว่า สัปดาห์นี้คาดว่าพรรคจะให้ความสำคัญกับการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท และจะพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมรายมาตราในสัปดาห์หน้า ดังนั้น คาดการเลื่อนร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมขึ้นมาพิจารณาจึงน่าจะเกิดขึ้นในช่วงสุดท้ายก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯ ในวันที่ 10-11 เม.ย.อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเวลาดังกล่าวกลุ่มส.ส.ที่ผลักดันร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมน่าจะสามารถรวบรวมเสียงในการสนับสนุนร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวได้ครบทันเวลา
มีรายงานจากรัฐสภาว่านายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้มีคำสั่งนัดประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 27 มี.ค.นี้เวลา 13.00-21.00 น.นั้น พบว่าในระเบียบวาระเรื่องที่เสนอใหม่ที่มีการเสนอกฎหมายจำนวน 3 ฉบับเข้าสู่วาระการประชุม พบว่านายนิยม วรปัญญา ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยและคณะได้เสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองการแสดงออกทางการเมืองของประชาชนพ.ศ......ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมาด้วย
ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทยแถลงว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ไม่ใช่การลดอำนาจประชาชนตามที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ระบุ แต่เป็นการกำหนดความชัดเจนว่าการยื่นเรื่องร้องเรียนต่อศาลรัฐธรรมนูญต้องผ่านอัยการสูงสุดเท่านั้น ประชาชนยังสามารถร้องเรียนได้
ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ไม่ได้แก้ไขเพื่อตัวเองแต่แก้ไขเพื่อทุกรัฐบาลเป็นการเพิ่มศักยภาพประเทศที่กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ส่วนมาตรา 237 เป็นการแก้ไขให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ไม่ได้ร่วมกระทำผิด
นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงรายพรรคเพื่อไทยกล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 เป็นการเปิดช่องให้นำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 มาพิจารณาใหม่เพราะประชาชนไม่สามารถยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้แล้วว่า ไม่ได้มองเช่นนั้น แต่บทเรียนที่ผ่านมาหากเขียนไว้แบบเดิมก็จะเกิดปัญหาอีก เพราะเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญปี 40 และ 50 ระบุเรื่องการแจ้งการกระทำเกี่ยวกับการทำลายระบอบประชาธิปไตยต้องร้องผ่านอัยการสูงสุด แต่เมื่อขณะนี้เนื้อหาที่เขียนไว้มีความคลุมเครือร้องได้สองทางจึงต้องแก้ไขให้ชัดเจนยืนยันไม่ใช่การเปิดช่องให้นำมาตรา 291 ขึ้นมาใหม่ ขณะนี้ใช้วิธีแก้รายมาตราไปเรื่อยๆ จะได้ไม่มีปัญหา
นายสามารถกล่าวว่า นอกจาก 4 ประเด็นที่ยื่นแก้ไขในครั้งนี้ อีกเรื่องหนึ่งที่ ส.ส.ส่วนใหญ่อยากให้แก้ไขคือให้มี ส.ส. 400 คนและส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คนเพื่อให้พื้นที่เล็กลง ส.ส.จะได้ดูแลประชาชนได้ทั่วถึงมากขึ้น เพราะปัจจุบันพื้นที่เขตต่อ ส.ส. 1 คนใหญ่เกินไป จึงควรกลับไปใช้รูปแบบเดิมเหมือนรัฐธรรมนูญปี 40 จะดีที่สุด เป็นไปได้ว่าหลังจากการแก้ไขรายมาตราครั้งนี้เสร็จสิ้นในเดือนสิงหาคมแล้ว ส.ส.และส.ว.ก็จะมีการเข้าชื่อเสนอให้แก้เรื่องจำนวน ส.ส.เขตและส.ส.บัญชีรายชื่อต่อไป
นายวรชัยกล่าวว่าตนและกลุ่ม 42 ส.ส.จะนำเรื่องนี้ไปคุยกับเพื่อน ส.ส.ในการประชุมพรรคเสนอให้เป็นภาระของพรรค ภายในสมัยประชุมนี้ตนจะขอใช้เอกสิทธิ์เสนอเลื่อนร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมขึ้นมาพิจารณาอย่างแน่นอน ไม่ได้ทำเพื่อเอาหน้าหรืออยากดัง ใครจะยกมือหรือไม่ก็วัดใจกันไปเลย ใครไม่เห็นความสำคัญของพี่น้องที่ร่วมต่อสู้กันมาเขาก็จะเห็นและก็อาจจะไม่ได้รับเลือกตั้งครั้งหน้าขอร้องให้มาช่วยกัน เรื่องนี้ถอยไม่ได้อีกแล้ว
นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย 1 ใน 42 ส.ส.ที่เสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมกล่าวว่า ขณะนี้ได้หารือและทำความเข้าใจกับ ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนาเพื่อขอเสียงสนับสนุนในการเลื่อนร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมขึ้นมาเป็นวาระพิจารณาเร่งด่วนแล้ว ขณะเดียวกันก็มีการไปหารือกับแกนนำพรรคภูมิใจไทยเพื่อขอเสียงสนับสนุนด้วยเช่นกัน ขณะนี้มีเสียง ส.ส.ที่ยืนยันแล้วว่าจะสนับสนุนรวมแล้ว 100 กว่าเสียง
นายสมคิดยังกล่าวอีกว่า สัปดาห์นี้คาดว่าพรรคจะให้ความสำคัญกับการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท และจะพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมรายมาตราในสัปดาห์หน้า ดังนั้น คาดการเลื่อนร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมขึ้นมาพิจารณาจึงน่าจะเกิดขึ้นในช่วงสุดท้ายก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯ ในวันที่ 10-11 เม.ย.อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเวลาดังกล่าวกลุ่มส.ส.ที่ผลักดันร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมน่าจะสามารถรวบรวมเสียงในการสนับสนุนร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวได้ครบทันเวลา
มีรายงานจากรัฐสภาว่านายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้มีคำสั่งนัดประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 27 มี.ค.นี้เวลา 13.00-21.00 น.นั้น พบว่าในระเบียบวาระเรื่องที่เสนอใหม่ที่มีการเสนอกฎหมายจำนวน 3 ฉบับเข้าสู่วาระการประชุม พบว่านายนิยม วรปัญญา ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยและคณะได้เสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองการแสดงออกทางการเมืองของประชาชนพ.ศ......ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมาด้วย
ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทยแถลงว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ไม่ใช่การลดอำนาจประชาชนตามที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ระบุ แต่เป็นการกำหนดความชัดเจนว่าการยื่นเรื่องร้องเรียนต่อศาลรัฐธรรมนูญต้องผ่านอัยการสูงสุดเท่านั้น ประชาชนยังสามารถร้องเรียนได้
ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ไม่ได้แก้ไขเพื่อตัวเองแต่แก้ไขเพื่อทุกรัฐบาลเป็นการเพิ่มศักยภาพประเทศที่กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ส่วนมาตรา 237 เป็นการแก้ไขให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ไม่ได้ร่วมกระทำผิด
นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงรายพรรคเพื่อไทยกล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 เป็นการเปิดช่องให้นำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 มาพิจารณาใหม่เพราะประชาชนไม่สามารถยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้แล้วว่า ไม่ได้มองเช่นนั้น แต่บทเรียนที่ผ่านมาหากเขียนไว้แบบเดิมก็จะเกิดปัญหาอีก เพราะเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญปี 40 และ 50 ระบุเรื่องการแจ้งการกระทำเกี่ยวกับการทำลายระบอบประชาธิปไตยต้องร้องผ่านอัยการสูงสุด แต่เมื่อขณะนี้เนื้อหาที่เขียนไว้มีความคลุมเครือร้องได้สองทางจึงต้องแก้ไขให้ชัดเจนยืนยันไม่ใช่การเปิดช่องให้นำมาตรา 291 ขึ้นมาใหม่ ขณะนี้ใช้วิธีแก้รายมาตราไปเรื่อยๆ จะได้ไม่มีปัญหา
นายสามารถกล่าวว่า นอกจาก 4 ประเด็นที่ยื่นแก้ไขในครั้งนี้ อีกเรื่องหนึ่งที่ ส.ส.ส่วนใหญ่อยากให้แก้ไขคือให้มี ส.ส. 400 คนและส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คนเพื่อให้พื้นที่เล็กลง ส.ส.จะได้ดูแลประชาชนได้ทั่วถึงมากขึ้น เพราะปัจจุบันพื้นที่เขตต่อ ส.ส. 1 คนใหญ่เกินไป จึงควรกลับไปใช้รูปแบบเดิมเหมือนรัฐธรรมนูญปี 40 จะดีที่สุด เป็นไปได้ว่าหลังจากการแก้ไขรายมาตราครั้งนี้เสร็จสิ้นในเดือนสิงหาคมแล้ว ส.ส.และส.ว.ก็จะมีการเข้าชื่อเสนอให้แก้เรื่องจำนวน ส.ส.เขตและส.ส.บัญชีรายชื่อต่อไป
