xs
xsm
sm
md
lg

ล้านนาราชาชาตินิยม

เผยแพร่:   โดย: บัณรส บัวคลี่

อะไรที่มันมากไปหรือน้อยไปไม่พอดี-ล้วนแต่ไม่ดีทั้งนั้น

ชาตินิยมเป็นพลังความคิดความเชื่อที่ดี หากใช้ด้านบวกของมันสามารถขับดันสร้างสรรค์สิ่งดีงามขจัดภัยคุกคามได้เช่นประเทศในภูมิภาคอินโดจีนยุคปลดแอกจากเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศส หรือการที่ชาวญี่ปุ่นมุ่งมั่นสร้างประเทศขึ้นใหม่จากซากสงคราม แต่ชาตินิยมที่มีดีกรีมากไปถึงขนาดหลงเชื้อชาติตัวเหยียดหยามชาติอื่นก็ไม่ดีเช่นกัน

ท้องถิ่นนิยมเป็นพลังที่ดี ทำให้ผู้คนรักและหวงแหนแผ่นดินเกิด ไม่ลืมรากเหง้าที่มาแต่หากมีมากเกินไปรักและหลงใหลอยู่กับท้องถิ่นตนขาดการต่อเชื่อมกับพื้นที่อื่นหรือวัฒนธรรมอื่นก็จะจมอยู่ในโลกจินตนาการสร้างกรอบจำกัดมาครอบทับตัวเองไปเสีย

มีคนใช้คำ “ล้านนาราชาชาตินิยม” ให้ได้ยินเข้าหูมาก่อนแล้วล่ะครับผมไม่ได้เป็นคนแรกที่ใช้ขออุ๊บอิ๊บเอามาใช้ดื้อๆเพราะมันเท่ดี แม้ฟังเผินๆเหมือนจะเป็นการล้อกับคำ “ราชาชาตินิยม” ที่คนกลุ่มหนึ่งสร้างขึ้นมาเรียกผู้ไม่เห็นด้วยกับความคิดตัวเองโดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่เอาการแก้กฎหมายอาญามาตรา 112 แต่สำหรับ “ล้านนาราชาชาตินิยม” กลับเป็นอีกบริบทหนึ่งที่ใช้เรียกผู้ที่หลงใหลกับท้องถิ่นล้านนานิยมย้อนกลับไปสู่ยุคล้านนาอิสระที่มีเจ้าหลวงผู้ครองนครเป็นกษัตริย์ปกครอง แล้วก็ไม่น่าเชื่อครับว่าคนที่โรคล้านนาราชาชาตินิยมนี่น่ะติดจะออกทางแดงด้วยอีกต่างหาก

อาการดังกล่าวแพร่หลายลุกลามในเชียงใหม่ระยะหลายวันมานี้สืบเนื่องจากโครงการย้ายทัณฑสถานหญิง (คุก) ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 30 ไร่อยู่กลางเวียงเก่าติดกับอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ออกไปแล้วก็สร้างตำนานเผยแพร่ตามแบบฉบับของตนเองเช่นว่า นี่เป็นการถอนเอาสิ่งอัปมงคลใหญ่หลวงที่สยามกระทำคุณไสย กด และ ข่ม ล้านนาประเทศเอาไว้บนผืนดินที่ถือว่าเป็นคุ้มหลวงที่เป็นศูนย์กลางอำนาจปกครองมาก่อน

อันที่จริงการผลักดันการย้ายคุกเกิดมานานแล้วล่ะครับ ตั้งแต่ยุคอ.ไกรศรี นิมมานเหมินท์ ปราชญ์เชียงใหม่คุณพ่อของคุณธารินทร์ นิมมานเหมินท์ทำหนังสือพิมพ์คนเมืองพ.ศ.2510 โน่น โดยคณะดังกล่าวเรียกร้องให้ย้ายสถานที่ราชการอาทิศาลากลาง ศาล และอื่นๆ รวมทั้งคุกที่ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเวียงออกไปข้างนอก ต่อมาในช่วงปี 2540-2550 คนท้องถิ่นที่มีนักวิชาการนักอนุรักษ์ก็ร่วมกันผลักดันกันอีกระลอกมีการประชุมสัมมนากันหลายครั้ง แต่ก็นั่นเองการผลักดันตามประสาประชาชนคนเดินดินย่อมไม่เหมือนกับผู้ใกล้ชิดอำนาจการเมืองเขาผลัก เมื่อมีอำนาจการเมืองมาเกี่ยวการย้ายคุกก็เกิดได้รวดเร็วและที่เร็วยิ่งกว่าก็คือการทุบโต๊ะตัดสินใจมาเรียบร้อยจากทำเนียบรัฐบาลว่าที่ตรงนั้นจะให้เป็นพุทธสถานประดิษฐานพระพุทธรูปฉลองปีพุทธชยันตี ครม.อนุมัติงบประมาณให้เรียบร้อย 150 ล้านบาท

ระหว่างที่ย้ายคุกออกแล้วมีพิธีกรรมสวดถอนอัปมงคล กลุ่มคนเสื้อแดงรักเชียงใหม่ 51 ที่มีนายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุลซึ่งได้ดิบได้ดีเป็นที่ปรึกษารมว.พัฒนาสังคมฯ ก็เข้ามาเป็นคณะจัดการหลักของโครงการนี้ มีตัวแทนประชาชนชาวเสื้อแดง 51 ทำหน้าที่เป็นไกด์บรรยายนำเที่ยวคุก ถูกบ้างผิดบ้างไปตามประสามือสมัครเล่นเช่นบอกว่ามีการประหารชีวิตนักโทษที่นั่นถึง 3 พันศพ (โอ! เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ฟังแล้วขนลุกเพราะที่นั่นไม่มีการประหารมานานมากแล้วระดับเจ้าหน้าที่อายุ 50 กว่าปีก็ไม่เคยเห็นเพราะนักโทษเด็ดขาดถูกส่งเข้ากรุงเทพหมด)

สัปดาห์ที่มีการเปิดให้ประชาชนเข้าชมคุกมีการเผยแพร่เรื่องราวที่ฟังแล้วมูลเมืองๆ กันพอสมควรทีเดียวเช่นว่า ปล่อยข่าวว่านายกยิ่งลักษณ์จะไปเป็นประธานทุบคุกแต่เอาเข้าจริงไม่ได้ไป มีการปล่อยแพร่ข่าวว่าการทุบคุกเป็นพิธีกรรมทำให้ชาวเชียงใหม่หลุดพ้นจากอำนาจรัฐสยามที่ครอบงำมานาน มีคนเชื่อเป็นตุเป็นตะเอาตามนั้นทั้งๆ ที่ในทางวิชาการยังไม่เคยมีหลักฐานใดๆ มารองรับ หรือแม้กระทั่งข้อความที่นำไปเผยแพร่ว่าที่ตรงนั้นเป็นคุ้มหลวงมาตั้งแต่ยุคพญามังรายกษัตริย์ผู้สร้างนครเชียงใหม่เรื่อยมาจนถึงยุครัตนโกสินทร์ก็ไม่มีหลักฐานใดๆมายืนยันเช่นกัน

ผมยอมรับล่ะครับว่า ช่วงที่เริ่มรับรู้และสนใจเรื่องนี้เมื่อช่วงปี พ.ศ. 2545-2550 ผมก็เป็นคนหนึ่งที่โน้มเอียงเคยเชื่อว่าข้าหลวงต่างพระกรรณยุค ร.5 ต้องมี Hidden Agenda ในทางไสยศาสตร์เอาอาณาเขตผืนดินที่ตั้งสุดยอดของอำนาจปกครองล้านนาไปเป็นคุก แถมยังเกิดกับเมืองอื่นๆ ใกล้ๆกันทั้งแพร่ น่าน ลำปางอีกด้วย แต่เมื่อเดินทางบ่อยไปดูเมืองอื่นๆ นครศรีธรรมราช สงขลา หรือเมืองที่ตั้งมณฑลเทศาภิบาลคุกเก่าก็อยู่ติดกับศาลาว่าการเมืองเหมือนกัน

จังหวัดเก่าแก่ล้วนแต่มีที่ทำการรัฐบาล ศาลากลางเก่า ตำรวจ ศาล และ คุกอยู่ละแวกเดียวกันเป็นส่วนใหญ่ เพราะในยุคแรกๆที่เริ่มมีการปฏิรูปการปกครองมณฑลเทศาภิบาลองค์กรปกครองก็มีอยู่แค่นี้ และนี่เป็นระบบหรือแบบแผนใหม่ที่มาพร้อมกับกิจการแบบกระทรวง ยิ่งมาเจอผู้รู้อย่างหนังสือที่คุณวรชาติ มีชูบท นักประวัติศาสตร์ท้องถิ่นรวบรวมหลักฐานก็ยิ่งชัดเจนว่าการตั้งที่ทำการรัฐบาลละแวกตรงกลางเวียงไม่ได้มี Hidden Agenda ปนไสยศาสตร์ตามที่เล่าลือกัน

และจะว่าไปจริงๆ สมัยก่อนเจ้านายหรืออำมาตย์ผู้ปกครองเขาก็มีคอกหรือคุกเอาไว้ใต้บ้านหรือในละแวกบ้านนั่นแหละ หากคิดว่าคอกหรือคุกเป็นเสนียดจัญไรก็ต้องไล่ค้นดูตั้งแต่ยุคพญาเม็งราย พระเจ้ากาวิละกันกระมังว่าเอาเสนียดอัปมงคลมาไว้ที่ศูนย์กลางอำนาจปกครองเช่นนั้นได้เยี่ยงไร !!!???

ความเชื่อที่ว่าล้านนาประเทศเป็นอิสระในทางการปกครองแล้วก็ถูกสยามมาใช้กำลังบังคับแถมยึดเอาเวียงแก้วศูนย์กลางอำนาจไปเป็นคุกมันแพร่ลามไปตามชาวบ้านเยอะทีเดียว ประวัติศาสตร์กระซิบทำนองนี้มันแพร่เร็วจริง ไม่แต่ระดับชาวบ้านที่ไม่ได้มีข้อมูลศึกษาอะไรนักผมเจอมากับตาแม้กระทั่งนักศึกษาจบใหม่ที่อ่านและเขียนค้นคว้าก็ยังเชื่อตามนั้นจริงๆ ถึงขนาดลุกขึ้นค้านแหลกเมื่อมีผู้เสนอว่าการมาตั้งสถานที่ราชการศาลากลาง-ศาล-คุกเมื่อประมาณ 100 ปีที่แล้วมานั้นแท้จริงแล้วไม่มีอะไรในกอไผ่หรอก

ยืนยันอีกทีว่าท้องถิ่นนิยมเป็นเรื่องที่ดีครับ คนรุ่นเราๆ ควรจะปลูกฝังให้ละอ่อนเยาวชนเรียนรู้ประวัติศาสตร์ความเป็นมารากเหง้าของท้องถิ่น การย้ายคุกออกไปจากพื้นที่สำคัญกลางเวียงเป็นวาระที่ดีที่จะได้ใช้โอกาสนี้สร้างการเรียนรู้ ป้อนข้อมูลที่ถูกต้องให้กับเยาวชน แต่ความเป็นจริงก็คือกระบวนการเรียนรู้ของเรามันแหว่งๆ ยังไงพิกล ให้เด็กเยาวชนมาเป็นไกด์อาสาก็สอนให้เด็กเข้าใจผิดไปว่าที่ตรงนั้นเป็นแดนประหาร ที่ตรงนี้มีเลือดท่วมนองถึงตาตุ่ม สารพัดจินตนาการมาหลอกทั้งตัวเองและชาวเชียงใหม่ที่เข้ามาชม เจ้าไสยศาสตร์คุณไสยที่ฝังอยู่เหนือทำเลปกครองล้านนานี่ก็เช่นกันเผยแพร่กันเข้าไป ล้านนาประเทศราชที่เป็นอิสระถูกกดขี่บังคับโดยสยามเมื่อ 100 กว่าปีก่อนนี่ก็อีกเรื่องที่เล่ากันสนุกปาก

ข้อเท็จจริงตลอด 700 ปีมานี้เราแบ่งเชียงใหม่ล้านนาเป็น 3 ยุคใหญ่ๆเท่านั้นคือ อาณาจักรล้านนาที่เป็นอิสระภายใต้ราชวงศ์มังราย ยิ่งใหญ่ขนาดที่พญาติโลกราชยกทัพสู้กับสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถกันอยู่นาน ต่อจากยุครุ่งเรืองเราต้องยอมรับความจริงว่าล้านนาเชียงใหม่ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่ามายาวนานเป็นร้อยปีเช่นกัน วัฒนธรรม สิ่งปลูกสร้าง ภาษาหลายอย่างได้มาจากพม่าน่ะครับ กาแลก็ใช่ คำว่า ปอย งานปอย ก็มาจากพม่า แล้วก็มาถึงยุครัตนโกสินทร์ที่เชื้อสายเจ้าเจ็ดตนร่วมกับพระเจ้ากรุงธนฯขับไล่พม่าออกไป แล้วก็ปกครองในฐานะประเทศราช คือเป็นเมือง “ใต้” อำนาจสยามมาตั้งแต่นั้น

พวก“ล้านนาราชาชาตินิยม” บางคนรับไม่ได้ที่มีคนไปวิพากษ์วิจารณ์เจ้าเชียงใหม่ว่าอ่อนแอเป็นคนยกที่ดินให้ข้าหลวงใหญ่กรุงเทพฯเอง หรือไม่ก็เชื่อหัวปักหัวปำว่านี่เป็นแผนครอบงำล้านนาของสยาม ทำไมไม่ย้อนไปถึงยุคที่พม่าเข้าครองล่ะครับ เพราะวัฒนธรรมพม่าตั้งหลายอย่างที่ครอบเชียงใหม่อยู่ แกงฮังเลนั้นน่ะมาจากพม่าแท้ๆเลยนะจะบอกให้

มีคนตั้งข้อสงสัยกับการผลักดันกระจายอำนาจจังหวัดจัดการตนเองว่าจะมีแนวคิดท้องถิ่นนิยมหรือล้านนานิยม จะย้อนไปถึงขั้นว่ามุ่งกลับไปเป็นประเทศล้านนาอิสระปกครองตนเองมีอำนาจมากอยู่ใต้กรุงเทพฯแบบห่างๆ เหมือนครั้งมีเจ้าหลวงประเทศราชปกครอง ผมสัมผัสกับคนในขบวนการนี้มามากพอสมควรไม่เคยเห็นพวกเขาจะเตลิดไปไกลถึงขั้นนั้นคือขั้นล้านนาราชาชาตินิยม

พวกที่เข้าข่ายล้านนาราชาชาตินิยมไม่ใช่คนที่คิดเรื่องกระจายอำนาจหรอกครับ เพราะล้านนาราชาชาตินิยมมักจะมีแนวทางรวมศูนย์อำนาจ(ภายใต้นายใหญ่) รูปธรรมเช่น นับถือแต่กษัตริย์ล้านนา3พระองค์ หรือยกนายใหญ่เป็นเจ้ากลับชาติมา หรือไม่ก็ก็เป็นตุเป็นตะกับเรื่องเล่าอำนาจรัฐสยามกดทับล้านนา จะต้องสร้างวังสร้างมณฑปมาแก้เคล็ดเอาฤกษ์เอาชัยให้กับคนล้านนาที่ตนนับถือแบบไม่สนใจข้อมูลหลักฐานประวัติศาสตร์เสียล่ะมากกว่า.
กำลังโหลดความคิดเห็น