เมื่อวันพฤหัสบดี 5 กรกฎาคม 2555 ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสแวะไปร่วมให้กำลังใจศาลรัฐธรรมนูญ และให้กำลังใจ อดีต ทปท. กองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทย ซึ่งได้ออกมาแสดงพลังปกป้องคุ้มครองศาลรัฐธรรมนูญ จากเหล่าคนผู้ไม่หวังดีที่คุกคามตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในระหว่างการไต่สวนกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
พอมีข่าวเหล่าสหายลุกขึ้นรวมพลังแสดงจุดยืนทางการเมือง ผมและพี่อาร์ต แสงธรรมถูกแซวที่โต๊ะอาหารว่า ผมกับพี่อาร์ตนั้นเป็นประเภทผลผลิตของพรรคคอมมิวนิสต์
รู้สึกเหมือนมีสายใยเกี่ยวโยงกันอยู่ ดังนั้นงานนี้ไม่แวะไปหาไม่แวะไปเยี่ยมได้ไงละครับ มีโอกาสขอไปดูกับตา ฟังกับหูและพบปะเสียหน่อย
ผมขับรถไปที่ศาลรัฐธรรมนูญช่วงสายประมาณเก้าโมงกว่าๆ บรรดาผู้ที่มาให้กำลังใจศาลในวันนั้น มีหลากหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะอดีตกองทัพปลดแอก เสื้อหลากสี สยามสามัคคี ฯลฯ
การเดินไปพบปะพูดคุยกับบรรดาคุณลุงคุณป้า ที่สวมชุดทหารสวมหมวกดาวแดงนั้น ต้องยอมรับเลยว่าเป็นครั้งแรกที่ได้พูดคุยกับคนเหล่านี้ ตอนแรกก็เกร็งๆอยู่เหมือนกันนะครับงานนี้ ยิ่งพวกคุณลุงแต่ละคนหน้าตาเอาจริงเอาจัง แต่โบราณบอกว่าอย่าตัดสินคนเพียงดูจากหน้าตา จริงไหมครับ
เมื่อผมเข้าไปพูดคุยทักทาย ก็ปรากฏว่าทุกคนต่างมีรอยยิ้มให้ ทักทายหน้าตายิ้มแย้มสดชื่นแจ่มใส และมีบางคนที่ดูและติดตามเอเอสทีวี ได้ถามถึงคุณพ่อผมด้วย ทั้งเรื่องสุขภาพและเรื่องอื่นๆทั่วๆไป
ผมว่าคนรุ่นคุณลุงคุณป้าเหล่านี้มีประวัติการต่อสู้มายาวนาน ฝ่าฟันความยากลำบาก เคยอยู่อย่างอดอยากตามป่าเขา ต่อสู้เอาชีวิตเข้าแลก ร่วมเป็นร่วมตายกันมา ผมอาจจะไม่เข้าใจความรู้สึกนึกคิดในแก่นแท้ แต่ผมขอมองจากสายตาของคนรุ่นหลัง จากมุมมองของคนที่อ่อนเยาว์กว่าในทุกด้าน
เดินอยู่ในมวลชนคนดาวแดงแล้ว สิ่งแรกที่สะดุดตาเมื่อได้พบเห็น คือความมีระเบียบวินัยของอดีตทหารกองทัพปลดแอก ดูจากการจัดกลุ่มเดินหรือนั่ง การร่วมมือกันทำอาหารแบ่งปันกันรับประทาน การรักษาความสะอาด ดูแลเรื่องขยะอย่างดี
ประการถัดมา คือ วัยของแต่ละท่าน ส่วนใหญ่เป็นสว.สูงวัยครับ ไม่ได้อยู่ในวัยหนุ่มสาวกันแล้ว แต่ยังมีพลังของนักต่อสู้ ผมว่าเป็นพลังของคนที่เสียสละกล้าหาญเพื่อประเทศชาติส่วนรวม ไม่ใช่ผลประโยชน์ส่วนตัว พร้อมที่จะเสียสละ พร้อมที่จะต่อสู้ สูงวัยแล้วแต่ใจยังสู้
การปรากฏตัวของคนเหล่านี้กลางป่าคอนกรีต ถือว่าไม่ใช่เรื่องปรกติ เพราะต้องไม่ลืมว่าเมื่อก่อนนั้นกองทัพปลดแอกต้องต่อสู้กับระบอบเผด็จการทหาร ในฐานะคอมมิวนิสต์ผิดกฎหมาย ต้องต่อสู้หลบซ่อนใต้ดิน ต้องจับปืนตามชนบทป่าเขา
แต่มาวันนี้พวกเขากลับหันมาต่อสู้กับระบอบเผด็จการรัฐสภา และสู้กับทุนการเมืองที่ครอบงำสภา อย่างเปิดเผย ด้วยสันติวิธี ด้วยสิทธิอันชอบธรรมตามกฎหมาย
กองทัพปลดแอก ได้ปลดแอกความคิดตัวเอง เล็งเห็นถึงปัญหาของบ้านเมืองมากมาย จึงได้ลุกขึ้นมายืนเคียงข้างความถูกต้อง
การคิดวิเคราะห์และการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ผมว่าคุณลุงคุณป้าเป็นกลุ่มคนที่ติดตามสถานการณ์เข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างน่าสนใจ นี่ขนาดพวกลุงๆป้าๆสหายส่วนใหญ่อยู่ห่างไกล อยู่กันตามต่างจังหวัดนะครับเนี่ย บางคนยังทำสวนทำไร่เขตป่าเขา ยังได้รับข้อมูลข่าวสาร
ทำให้ผมแอบคิดว่า บางที่เราจะบอกว่าคนต่างจังหวัดข้อมูลข่าวสารเข้าไม่ถึง แต่จริงๆแล้วอาจจะเข้าถึง เพียงแต่คนอาจจะไม่เปิดรับข้อมูลข่าวสารเท่านั้นเอง
การที่อดีต ทปท. ออกมาสดงพลังแบบนี้ บางทีพวกเราต้องเริ่มคิดแล้วละครับว่า ในสังคมนี้มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมคนเหล่านี้ต้องเดินหน้าออกมา ทำไมผู้สูงอายุเหล่านี้ต้องออกมาปกป้องศาล ทั้งๆที่ควรมีองค์กรหน่วยงานอื่นๆทำหน้าที่นี้โดยตรง กลไกของรัฐอย่างทหารตำรวจหายไปไหน
ศาลเป็นองค์กรหนึ่งในอำนาจตามระบอบประชาธิปไตย ที่แบ่งอำนาจบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ ต้องมีอำนาจอิสระและถ่วงดุลอำนาจกัน องค์กรอย่างศาลยังถูกคุกคามอย่างหนัก การเมืองไทยเวลานี้เข้าขั้นพิกลพิการ
ขณะที่คุณลุงคุณป้าอดีตทปท.มารวมตัวกันแสดงพลังปกป้องศาล ยังมีอดีตทปท.ภายใต้การนำของนปช.ธิดาแดง ที่ตอนแรกมีข่าวคนเสื้อแดงจะมาชุมนุมกดดันศาลด้วย พอแดงแท้มาแดงเทียมก็หัวหด ใครคือของแท้ของจริง ผมว่าชาวบ้านจะเห็นได้ชัดเจนขึ้นทุกวันแล้วครับ
น่าสังเกตว่า เรื่องอดีตทปท.มาปกป้องให้กำลังใจศาล สื่อมวลชนหลักๆ ฟรีทีวีต่างๆ ไม่ค่อยให้ความสนใจในปรากฏการณ์ทางสังคมและการเมืองครั้งนี้สักเท่าไร
ไม่ว่าคำตัดสินของศาลจะออกมาอย่างไร การแสดงพลังและความคิดเห็นของประชานจากกลุ่มอดีตทปท.วันนี้ แสดงให้เห็นว่าประชาชนอย่างน้อยๆอีกกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งได้ก้าวออกมาแล้ว ออกมายืนเคียงข้างความถูกต้อง
ผมหวังว่าคนไทยกลุ่มอื่นๆ คนอื่นๆจะค่อยๆลุกขึ้นแสดงความเห็นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะกลุ่มที่ถูกเรียกว่า พลังเงียบ อย่าเงียบจนถูกคนชั่วเอาไปแอบอ้างอยู่เลยนะครับ พลังแท้จริงของประชาชนอยู่ที่พ่อแม่พี่น้องทุกคนครับ
