สืบเนื่องจากที่ผมได้มีโอกาสลงภาคใต้ไป จ.สุราษฎร์ธานีถึงสองครั้งภายในสองสัปดาห์ หลังกลับจากไปเกาะสมุยแล้ว ก็ได้มีโอกาสเดินทางไปกับคณะสื่อมวลชนสัญจร เพื่อติดตาม โครงการพัฒนาลุ่มแม่น้ำตาปี-พุมดวงของกรมชลประทาน
ทำงานเสร็จ ทีมงานของกรมชลประทานก็ได้พาคณะเราไปเยี่ยมชมเขื่อนรัชชประภา หรือที่หลายๆคนอาจจะเรียกว่าเขื่อนเชี่ยวหลาน อ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนรัชชประภามีทัศนียภาพที่สวยงามมาก จนได้รับขนานนามว่า กุ้ยหลินเมืองไทย
เขื่อนรัชชประภา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นที่สุดของอุทยานแห่งชาติเขาสก ซึ่งประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2523 มีพื้นที่ 645.52 ตารางกิโลเมตร หรือ 403,450 ไร่
อุทยานแห่งชาติเขาสกเป็นภูเขาหินปูนสลับซับซ้อน มีแนวหน้าผามากมายซึ่งเป็นลักษณะเด่นของภูเขาทางแถบนี้ซึ่งคล้ายกับเทือกเขาที่จังหวัดกระบี่
อุทยานแห่งชาติเขาสก มีพื้นที่กว้างขวางมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ นอกจากเขื่อนรัชชประภา แล้ว ยังมีถ้ำและน้ำตกมากมาย เช่น ถ้ำน้ำทะลุ ถ้ำปะการัง ถ้ำใหญ่ น้ำตกแม่ยาย น้ำตกโตนกลอย เป็นแหล่งเดินป่า ดูดอกบัวผุด ชมนก ตกปลา ดูผีเสื้อ ฯลฯ
แต่เดิมอุทยานแห่งชาติเขาสกมีเฉพาะพื้นที่ที่เป็นป่าเขา ภายหลังการไฟฟ้าฝ่ายผลิตได้สร้างเขื่อนเชี่ยวหลายขึ้นมา เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า จึงทำให้พื้นที่ป่าบางส่วนกลายเป็นเขื่อนเก็บน้ำ และยังอยู่ในการดูแลพื้นที่โดยอุทยานแห่งชาติเขาสก เขื่อนเชี่ยวหลานนั้นถือเป็นพื้นที่ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต มีหน้าที่ผลิตพลังงานไฟฟ้าให้บริการประชาชน
ข้อมูลเฉพาะของเขื่อนรัชชประภามีดังต่อไปนี้นะครับ ความยาวของเขื่อนนั้นอยู่ที่ 761 เมตร สูง 94 เมตร ความจุของเขื่อนอยู่ที่ 5,638.8 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นพื้นที่อ่างเก็บน้ำ 185 ตารางกิโลเมตร น้ำไหลเข้ามาประมาณปีละ3000ลูกบาศก์เมตร ต่อปี
นอกจากจะกักเก็บน้ำไว้ได้มากแล้ว เขื่อนแห่งนี้ยังมีเครื่องผลิตพลังงานไฟฟ้าไว้ถึงสามตัว แต่ละตัวผลิตไฟฟ้าได้ 80,000 กิโลวัตต์ ทำให้ผลิตไฟฟ้าได้ถึง 240,000 กิโลวัตต์ ให้พลังงานมากถึง 554กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง นี่เป็นตัวเลขในเชิงเทคนิคของเขื่อนเชี่ยวหลานที่มีความสำตัญต่อประชาชน ในจังหวัดราษฎร์ธานี
เขื่อนเชี่ยวหลาน ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามให้ใหม่ว่า “เขื่อนรัชชประภา” มีความหมายว่า “แสงสว่างแห่งราชอาณาจักร” เพราะผลิตกระแสไฟฟ้าให้ความสว่างไสว
ความสวยงามของเขื่อนรัชชประภายังดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายให้เข้ามาเยี่ยมชม ภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นภูเขาหินปูนที่สูงชันล้อมรอบไปด้วยผืนน้ำที่กว้างใหญ่ ด้วยความลึกของระดับน้ำ แสงสะท้อนจากป่าเขาทำให้น้ำในเขื่อนมีสีสวยเข้มแปลกตาเหมือนสีมรกต
การมาเยี่ยมชมเขื่อนรัชชประภา วิวและแสงสวยทั้งยามเช้าตอนพระอาทิตย์ขึ้น และยามเย็นเมื่อพระอาทิตย์ตก
ต้องขอบอกว่าเป็นอะไรที่ประทับใจมากๆเลยละครับ คณะของเราล่องเรือชมอ่างเก็บน้ำกันตั้งแต่เช้าตรู่ เรียกได้ว่าล้อหมุนจากโรงแรมที่พักแต่ยังไม่สว่าง เพื่อให้ทันชมหมอกขาวเหนือยอดเขาสูงใหญ่กลางน้ำ และชมความงามเมื่อแสงอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้า
แถมวันที่ผมไปที่นั่น มีการแข่งเรือพายอีกด้วย จึงทำให้บรรยากาศคึกคักกันตั้งแต่เช้า มีทั้งนักข่าว คนที่มาแข่งพายเรือ นักท่องเที่ยว และอีกมากมาย
ที่นี่มีเรือไว้บริการนักท่องเที่ยวอยู่แล้วละครับ ในการจะชมความสวยงามนั้น ต้องนั่งเรือออกไปราว45นาที เมื่อนั่งเรือออไปกลางเขื่อนเราก็จะได้เห็นความสวยงามของเขื่อนแห่งนี้กันอย่างเต็มตา
ลักษณะเด่นที่เห็นได้ชัดของเขื่อนรัชชประภา คือน้ำที่มีสีคล้ายๆน้ำทะเล แต่เป็นน้ำจืดนะครับ อีกทั้งยังมีเขาน้อยใหญ่ตั้งโดดเด่นอยู่กลางน้ำ เห็นฝูงปลาน้อยใหญ่แหวกว่ายไปมา ดูแล้วช่างอุดมสมบูรณ์เสียเหลือเกิน
เมื่อล่องเรือมาสักระยะหนึ่ง เราก็จะได้เห็นแพปลาและร้านอาหารในบริเวณเขื่อน อาหารขึ้นชื่อของที่นี่คือ ปลาน้ำจืดสดๆจากธรรมชาติ ซึ่งอร่อยกว่าปลาจากบ่อเลี้ยงมาก มีที่พักเป็นบ้านแพในน้ำไว้ให้บริการ ได้รับประทานปลาอร่อยๆ ได้ที่พักนอนแนบชิดกับสายน้ำและภูเขาน้อยใหญ่กลางน้ำที่งามเสียขนาดนี้ เรียกว่าสุดยอดแล้วหละครับ
เมื่อล่องเรือมาสักพักเราก็จะมาพบกับจุดที่ว่าสวยที่สุดของเขื่อนแห่งนี้ คือ เขาสามเกลอ เราจะเห็นภูเขาสูงสามลูกอยู่กลางน้ำ มองเห็น เงาทอดยาวไปกับผืนน้ำ เจ้าหน้าที่ของกรมชลประทานบอกว่าที่นี่เป็นไฮไลท์ของเขื่อนรัชชประภา
นี่แหละครับที่มาของ ฉายากุ้ยหลินเมืองไทย บางคนบอกว่าของเราสวยพอๆกับกุ้ยหลิน บางคนบอกว่าสวยยิ่งกว่ากุ้ยหลิน
คิดถึงภูเขาสวยๆในหนังที่ดังไปทั่วโลก อย่างอวตาร ผมว่าที่เขื่อนรัชชประภาของเรางามยิ่งกว่า พูดจริงๆภูเขากลางน้ำในเมืองไทย ไม่ว่าจะกลางทะเลฝั่งอันดามันที่พังงา กระบี่ อย่างเขาตะปู หรือภูเขากลางน้ำจืดที่เขื่อนรัชชประภา ผมว่าของเรางดงามไม่แพ้ที่ไหนในโลก
ความสวยงามของทัศนียภาพที่นี่ งามเหมือนภาพในฝัน บันทึกเก็บภาพถ่ายมาเยอะขนาดไหนก็ตาม ภาพจะออกมาสวยขนาดไหนก็แล้วแต่ ผมบอกได้เลยว่าไม่เท่ากับการมาสัมผัสด้วยดวงตาของเราเองหรอกครับ
เสียดายเวลาได้อยู่ยลโฉมความงามนี้น้อยเหลือเกิน ผมบอกตัวเองว่าต้องมาอีกเป็นครั้งที่สองให้ได้ และควรจะมาอยู่ที่นี่อย่างน้อยสักสองสามวัน
ยิ่งถ้าคุณเป็นตากล้องเป็นช่างภาพและอยากบันทึกความสวยงามนี้ไว้ ผมว่าสามวันอาจจะยังน้อยไป เพื่อจะได้เห็นความงามทุกซอกทุกมุม แถมถ้าได้รอแสงดีๆรับรองได้ภาพสวยๆเพียบ ทั้งแสงพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก
ในทัศนะของผม ความงามของทัศนียภาพเขื่อนรัชชประภา “ กุ้ยหลินเมืองไทย” สวยไม่เป็นสองรองใคร ผมขอจัดไว้เป็นลำดับต้นๆสำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่ประทับใจ ถ้าพ่อแม่พี่น้องมีโอกาส หาเวลาไปเที่ยวชมกันนะครับ