นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันท์ บริหารการบินไทยในตำแหน่งดีดี (กรรมการผู้อำนวยการใหญ่) มาได้ ๒ ปี ๗ เดือน อีกปีกว่าก็จะครบ ๔ ปีตามสัญญาจ้าง แต่ถูกบอร์ดการบินไทยปลดออกจากตำแหน่งโดยมติเอกฉันท์ไปเมื่อเร็วๆ นี้
กรณีนี้เป็นข่าวไปทั่วโลก เนื่องจากสำนักข่าวซีเอ็นบีซีจะสัมภาษณ์สดนายปิยสวัสดิ์เกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างเขากับบอร์ดให้โลกได้รับรู้ในวันที่ ๒๕ พ.ค. ที่ผ่านมา แต่ก่อนหน้านี้เว็บไซต์ข่าวของซีเอ็นบีซีรายงานคำสัมภาษณ์ของนายปิยสวัสดิ์ว่า เหตุที่เขาถูกปลดออกจากตำแหน่งมาจากการเมืองภายในองค์กร ไม่ได้เกิดจากการที่ตนสื่อสารกับบอร์ดการบินไทย และจะต้องมีคำอธิบายที่ดีกว่านี้ให้พนักงานและประชาชนสามารถเข้าใจได้ ขณะที่นายอำพล กิตติอำพล ประธานบอร์ดการบินไทยได้กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องปลดนายปิยสวัสดิ์มาจากความขัดแย้งเรื่องกลยุทธ์ของบริษัทระหว่างนายปิยสวัสดิ์กับบอร์ดคนอื่นๆ ของการบินไทย
สำหรับนายปิยสวัสดิ์นั้นก่อนมาอยู่การบินไทย เคยดำรงตำแหน่งรมว.พลังงาน และเข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี)การบินไทยในเดือนตุลาคม ๕๓ ในรัฐบาลประชาธิปัตย์ จนทำให้รายได้ของการบินไทยเพิ่มขึ้น ๕ เปอร์เซ็นต์ มาอยู่ที่ ๑๙๔,๓๐๐ ล้านบาท แต่ในปี ๕๔ เกิดน้ำท่วมบริษัทกลับมาขาดทุนสิทธิ ๑๐,๑๐๐ ล้านบาท
ในส่วนรัฐบาลนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์กรณีการปลดนายปิยสวัสดิ์ว่าเป็นเรื่องของบอร์ดการบินไทยเป็นผู้ตัดสิน แต่เท่าที่ติดตามเรื่อง เธอทราบว่ามติออกมาเป็นเอกฉันท์ และกรรมการ ๗ ใน ๑๓ เสียง เป็นคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยรัฐบาลที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรียังปฏิเสธด้วยว่าไม่มีการเมืองเข้าไปแทรกแซง และยืนยันว่าการเมืองไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวเป็นเรื่องของบอร์ดที่มีเสียงเป็นเอกฉันท์
เมื่อถามว่านายปิยสวัสดิ์ยังคาใจและบ่นว่าอาจทำให้การบินไทยกลับไปขาดทุนเหมือนปีที่ผ่านมาหมื่นกว่าล้านบาท น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่าคงต้องให้บอร์ดการบินไทยเป็นผู้พิจารณา ทั้งหมดการเมืองไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว เราต้องยอมรับที่เป็นมติเอกฉันท์ แต่เห็นด้วยที่จะให้มีวิธีการพูดจากันเพื่อเปิดให้เกิดความเข้าใจกันทั้งสองฝ่ายและนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าไม่มีคนของรัฐบาลที่จะเข้าไปแทนที่ ส่วนใครจะมาเป็นแทนนั้น คณะกรรมการหรือบอร์ดเป็นผู้พิจารณาคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรมว.คลัง กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ในฐานะผู้ถือหุ้น มีหน้าที่ที่จะแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อไปบริหารบริษัท โดยเฉพาะบริษัทการบินไทยเป็นบริษัทมหาชน คณะกรรมการของการบินไทยแต่งตั้งขึ้นมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลชุดที่แล้ว ฉะนั้นความเห็นของคณะกรรมการในเรื่องความเหมาะสมที่จะมีผู้บริหารสูงสุดไม่ใช่เรื่องของการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพหรือไม่โปร่งใส เชื่อว่าการปลดนายปิยสวัสดิ์เป็นการพิจารณาของบริษัทการบินไทยไม่ใช่เป็นเรื่องของการเมือง ตนยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องหลักการไม่ได้มีใบสั่งและรัฐบาลไม่เคยมีใบสั่งปลดพนักงานในองค์กร ส่วนจะก่อให้เกิดปัญหารอยร้าวในการบินไทยหรือไม่ เพราะสหภาพแรงงานการบินไทยออกมาต่อต้านก็ต้องคุยกัน ใช้เหตุผลคุยกัน อย่าโยงเรื่องนี้เข้ากับการเมือง และจากกระแสข่าวที่ออกมาว่านายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการบริษัทแสนศิริ จำกัด จะเข้ามาดำรงตำแหน่งดีดีการบินไทยนั้น นายเศรษฐา คงไม่มาแทนนายปิยสวัสดิ์ เนื่องจากนายเศรษฐานั้นทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์
ขณะที่นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคมกล่าวถึงกรณีนี้ว่า ปัญหานี้เป็นปัญหาที่บอร์ดสื่อสารกับนายปิยสวัสดิ์ไม่ตรงกัน ซึ่งการสื่อสารไม่ตรงกันก็คือ เรื่องการจัดซื้อเครื่องบินของการบินไทยที่ตามแผน ภายในปี ๒๕๖๑ เป็นต้นไป จะมีแผนการเช่าหรือซื้อเครื่องบินอีกจำนวน ๓๘ ลำ เมื่อรวมกับเครื่องบินที่ซื้อตั้งแต่ปี ๖-๗ ปีที่แล้ว จะมีทั้งหมดรวม ๗๕ ลำ โดยการจัดซื้อหรือเช่าเครื่องบินนี้ นายปิยสวัสดิ์มีความเห็นว่า การซื้อหรือเช่าเครื่องบินหลังปี ๒๕๖๑ เป็นอำนาจของบอร์ด และดีดีที่จะเสนอในการดำเนินการได้เลย ไม่ต้องมาขอความเห็นของจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีก แต่บอร์ดได้แย้งว่าเงินลงทุนจำนวนหลายแสนล้านบาท ซึ่งต้องดำเนินงานอีก ๘-๑๐ ปีข้างหน้าจะไม่หารือกับครม.ได้อย่างไร นี่คือที่มาของคำว่าสื่อสารไม่ตรงกัน แล้วอย่างนี้ ใครผิดใครถูก
“ความจริงไม่มีใครผิดใครถูก แต่ถ้าถามว่า ครม.ควรทราบหรือไม่ เพราะครม.ตั้งโดยประชาชน ถ้าการบินไทยจะทำอะไรไปถึงปี ๒๕๖๑ ด้วยเงินเป็นหมื่นเป็นแสนล้านบาท แล้วบอกว่าทำไปได้เลย เพราะครม.เก่าเคยให้ความเห็นชอบไว้แล้ว ก็ต้องคุยกันบ้าง ผิดหรือไม่ ก็แล้วแต่ใครจะคิด”
สหภาพแรงงานการบินไทยมีการเคลื่อนไหว โดยนางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ประธานสหภาพแรงงานฯ ได้ทำหนังสือเป็นจดหมายเปิดผนึกส่งถึงประธานกรรมการบริษัทการบินไทยเรียกร้องให้ชี้แจงเหตุผลกรณีที่บอร์ดมีมติเลิกจ้างนายปิยสวัสดิ์และขอให้ชี้แจงต่อพนักงานการบินไทยทั้งหมดด้วยอีกทั้งขอให้กรณีทั้งหมดนี้มีความโปร่งใส
กรณีนี้เป็นข่าวไปทั่วโลก เนื่องจากสำนักข่าวซีเอ็นบีซีจะสัมภาษณ์สดนายปิยสวัสดิ์เกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างเขากับบอร์ดให้โลกได้รับรู้ในวันที่ ๒๕ พ.ค. ที่ผ่านมา แต่ก่อนหน้านี้เว็บไซต์ข่าวของซีเอ็นบีซีรายงานคำสัมภาษณ์ของนายปิยสวัสดิ์ว่า เหตุที่เขาถูกปลดออกจากตำแหน่งมาจากการเมืองภายในองค์กร ไม่ได้เกิดจากการที่ตนสื่อสารกับบอร์ดการบินไทย และจะต้องมีคำอธิบายที่ดีกว่านี้ให้พนักงานและประชาชนสามารถเข้าใจได้ ขณะที่นายอำพล กิตติอำพล ประธานบอร์ดการบินไทยได้กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องปลดนายปิยสวัสดิ์มาจากความขัดแย้งเรื่องกลยุทธ์ของบริษัทระหว่างนายปิยสวัสดิ์กับบอร์ดคนอื่นๆ ของการบินไทย
สำหรับนายปิยสวัสดิ์นั้นก่อนมาอยู่การบินไทย เคยดำรงตำแหน่งรมว.พลังงาน และเข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี)การบินไทยในเดือนตุลาคม ๕๓ ในรัฐบาลประชาธิปัตย์ จนทำให้รายได้ของการบินไทยเพิ่มขึ้น ๕ เปอร์เซ็นต์ มาอยู่ที่ ๑๙๔,๓๐๐ ล้านบาท แต่ในปี ๕๔ เกิดน้ำท่วมบริษัทกลับมาขาดทุนสิทธิ ๑๐,๑๐๐ ล้านบาท
ในส่วนรัฐบาลนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์กรณีการปลดนายปิยสวัสดิ์ว่าเป็นเรื่องของบอร์ดการบินไทยเป็นผู้ตัดสิน แต่เท่าที่ติดตามเรื่อง เธอทราบว่ามติออกมาเป็นเอกฉันท์ และกรรมการ ๗ ใน ๑๓ เสียง เป็นคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยรัฐบาลที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรียังปฏิเสธด้วยว่าไม่มีการเมืองเข้าไปแทรกแซง และยืนยันว่าการเมืองไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวเป็นเรื่องของบอร์ดที่มีเสียงเป็นเอกฉันท์
เมื่อถามว่านายปิยสวัสดิ์ยังคาใจและบ่นว่าอาจทำให้การบินไทยกลับไปขาดทุนเหมือนปีที่ผ่านมาหมื่นกว่าล้านบาท น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่าคงต้องให้บอร์ดการบินไทยเป็นผู้พิจารณา ทั้งหมดการเมืองไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว เราต้องยอมรับที่เป็นมติเอกฉันท์ แต่เห็นด้วยที่จะให้มีวิธีการพูดจากันเพื่อเปิดให้เกิดความเข้าใจกันทั้งสองฝ่ายและนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าไม่มีคนของรัฐบาลที่จะเข้าไปแทนที่ ส่วนใครจะมาเป็นแทนนั้น คณะกรรมการหรือบอร์ดเป็นผู้พิจารณาคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรมว.คลัง กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ในฐานะผู้ถือหุ้น มีหน้าที่ที่จะแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อไปบริหารบริษัท โดยเฉพาะบริษัทการบินไทยเป็นบริษัทมหาชน คณะกรรมการของการบินไทยแต่งตั้งขึ้นมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลชุดที่แล้ว ฉะนั้นความเห็นของคณะกรรมการในเรื่องความเหมาะสมที่จะมีผู้บริหารสูงสุดไม่ใช่เรื่องของการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพหรือไม่โปร่งใส เชื่อว่าการปลดนายปิยสวัสดิ์เป็นการพิจารณาของบริษัทการบินไทยไม่ใช่เป็นเรื่องของการเมือง ตนยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องหลักการไม่ได้มีใบสั่งและรัฐบาลไม่เคยมีใบสั่งปลดพนักงานในองค์กร ส่วนจะก่อให้เกิดปัญหารอยร้าวในการบินไทยหรือไม่ เพราะสหภาพแรงงานการบินไทยออกมาต่อต้านก็ต้องคุยกัน ใช้เหตุผลคุยกัน อย่าโยงเรื่องนี้เข้ากับการเมือง และจากกระแสข่าวที่ออกมาว่านายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการบริษัทแสนศิริ จำกัด จะเข้ามาดำรงตำแหน่งดีดีการบินไทยนั้น นายเศรษฐา คงไม่มาแทนนายปิยสวัสดิ์ เนื่องจากนายเศรษฐานั้นทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์
ขณะที่นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคมกล่าวถึงกรณีนี้ว่า ปัญหานี้เป็นปัญหาที่บอร์ดสื่อสารกับนายปิยสวัสดิ์ไม่ตรงกัน ซึ่งการสื่อสารไม่ตรงกันก็คือ เรื่องการจัดซื้อเครื่องบินของการบินไทยที่ตามแผน ภายในปี ๒๕๖๑ เป็นต้นไป จะมีแผนการเช่าหรือซื้อเครื่องบินอีกจำนวน ๓๘ ลำ เมื่อรวมกับเครื่องบินที่ซื้อตั้งแต่ปี ๖-๗ ปีที่แล้ว จะมีทั้งหมดรวม ๗๕ ลำ โดยการจัดซื้อหรือเช่าเครื่องบินนี้ นายปิยสวัสดิ์มีความเห็นว่า การซื้อหรือเช่าเครื่องบินหลังปี ๒๕๖๑ เป็นอำนาจของบอร์ด และดีดีที่จะเสนอในการดำเนินการได้เลย ไม่ต้องมาขอความเห็นของจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีก แต่บอร์ดได้แย้งว่าเงินลงทุนจำนวนหลายแสนล้านบาท ซึ่งต้องดำเนินงานอีก ๘-๑๐ ปีข้างหน้าจะไม่หารือกับครม.ได้อย่างไร นี่คือที่มาของคำว่าสื่อสารไม่ตรงกัน แล้วอย่างนี้ ใครผิดใครถูก
“ความจริงไม่มีใครผิดใครถูก แต่ถ้าถามว่า ครม.ควรทราบหรือไม่ เพราะครม.ตั้งโดยประชาชน ถ้าการบินไทยจะทำอะไรไปถึงปี ๒๕๖๑ ด้วยเงินเป็นหมื่นเป็นแสนล้านบาท แล้วบอกว่าทำไปได้เลย เพราะครม.เก่าเคยให้ความเห็นชอบไว้แล้ว ก็ต้องคุยกันบ้าง ผิดหรือไม่ ก็แล้วแต่ใครจะคิด”
สหภาพแรงงานการบินไทยมีการเคลื่อนไหว โดยนางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ประธานสหภาพแรงงานฯ ได้ทำหนังสือเป็นจดหมายเปิดผนึกส่งถึงประธานกรรมการบริษัทการบินไทยเรียกร้องให้ชี้แจงเหตุผลกรณีที่บอร์ดมีมติเลิกจ้างนายปิยสวัสดิ์และขอให้ชี้แจงต่อพนักงานการบินไทยทั้งหมดด้วยอีกทั้งขอให้กรณีทั้งหมดนี้มีความโปร่งใส
