xs
xsm
sm
md
lg

ปรองดองแห่งชาติ

เผยแพร่:   โดย: พระบาท นามเมือง

พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคมาตุภูมิ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการปรองดองแห่งชาติ แถลงผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการฯว่า เหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นในประเทศไทยนำไปสู่ความสูญเสียของประเทศ สังคมเกิดความระแวง ขัดแย้งทางความคิด เป็นภยันตรายของประเทศ กระทบต่อความมั่นคงของประเทศขั้นสูงสุด ความขัดแย้งร้าวลึก ต้องก้าวข้ามความขัดแย้งโดยใช้เมตตาธรรม อภัยซึ่งกันและกันบนพื้นฐานหลักนิติธรรม จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายสร้างความปรองดอง ผลการศึกษาเสร็จแล้วขอให้ช่วยกันพิจารณา

หลังพล.อ.สนธิ ชี้แจงเสร็จ เกิดการโต้แย้งกันระหว่างฝ่ายค้านกับรัฐบาลถึงเนื้อหารายงานวิจัยของคณะวิจัยสถาบันพระปกเกล้า โดยรัฐบาลยืนยันให้เดินหน้าพิจารณาต่อ แต่ฝ่ายค้านเห็นว่าควรนำแถลงการณ์ของสภาสถาบันพระปกเกล้ามาประกอบการพิจารณาด้วย โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวว่าที่ประชุมควรพิจารณาข้อเสนอของสภาสถาบันฯ ที่ระบุให้ที่ประชุมเพียงรับรองรายงานเท่านั้น แล้วขยายเวลาศึกษาของคณะกรรมาธิการออกไป เพื่อเปิดโอกาสให้มีเวทีเสวนารับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนจนได้ข้อยุติก่อน

ส่วนที่ตนห่วงใยเป็นพิเศษคือ ประโยคที่ว่าจะได้นำข้อเสนอของสถาบันพระปกเกล้าไปดำเนินการให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ซึ่งไม่รู้ว่าจะไปทำเรื่องอะไรให้เป็นรูปธรรม เพราะนอกเหนือจากนั้นก็มีการเขียนเรื่องการยกเลิกคดีคตส. และการนิรโทษกรรม จึงเป็นห่วงว่าจะไปทำเรื่องเหล่านี้โดยเร็วอย่างเป็นรูปธรรมหรือไม่ ทั้งที่คณะผู้วิจัยได้เสนอขั้นตอนต่างๆ มากมาย แต่ท่านไปเขียนสรุปเอาสั้นๆ ถ้าหลังจากนี้มีการหยิบรายงานวิจัยมาอ้างอิงเพื่อยกเลิกคดีคตส. และนิรโทษกรรม สังคมก็ต้องรับรู้ว่าไม่เกี่ยวข้องกับรายงานของสถาบันพระปกเกล้า

พล.อ.สนธิ ว่าขอย้ำต่อที่ประชุมว่าทุกสิ่งที่ทำไปยืนอยู่บนหลักการของคณะกรรมาธิการฯ ถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว ส่วนสภาจะดำเนินการอย่างไรเป็นเรื่องของสภา

นายวัฒนา เมืองสุข รองประธานคณะกรรมาธิการฯ ว่ารายงานทั้งหมดไม่มีการตัดทอน ท่านผู้นำฝ่ายค้านกับตนมีสิทธิ์คิดไม่เหมือนกัน การใช้คำพูดเรื่องเผด็จการรัฐสภา เผด็จการเสียงข้างมากนั้นไม่มี เพราะท่านและตนล้วนใช้เสียงข้างมาก

อนึ่ง ระหว่างการประชุมสภาฯ พิจารณาวาระดังกล่าว นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร พร้อมส.ส.พรรคเพื่อไทย ๘ คน ออกแถลงการณ์ตอบโต้นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้าแถลงมติสภาสถาบันพระปกเกล้าอ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าของงานวิจัย และจะขอรายงานกลับคืนหากคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาฯ ไม่ดำเนินตามข้อเสนอของคณะผู้วิจัย โดยนายไพจิตกล่าวว่า คณะกรรมาธิการสภาฯ ไม่มั่นใจว่า การแถลงดังกล่าวเป็นการสรุปผลของการประชุมของคณะกรรมการสถาบันพระปกเกล้าอย่างถูกต้องหรือไม่ เพราะมีเนื้อหาในลักษณะสั่งการและข่มขู่ให้สภาผู้แทนราษฎรปฏิบัติตาม รวมทั้งมีลักษณะแทรกแซง ตนและคณะมีความรู้สึกผิดหวังและไม่เห็นด้วยต่อท่าทีนี้ และเห็นว่าเป็นการบีบสภาฯ ทั้งนี้การศึกษาพิจารณาของคณะกรรมาธิการปรองดองฯ อาจรับความเห็นทั้งหมด หรือนำมาแต่บางส่วนก็เป็นเอกสิทธิ์ของกรรมาธิการชุดนี้ บุคคลอื่นแทรกแซงไม่ได้ ขณะที่ผลการวิจัยของสถาบันพระปกเกล้า ก็เป็นแค่ความเห็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมาธิการฯ ที่นำมาประกอบการพิจารณาในสภาฯ ซึ่งข้อสรุปได้เกิดจากการรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายไม่ได้จำกัดแค่งานวิจัยดังกล่าว

นายไพจิตยังกล่าวต่อไปว่า จากการที่ได้มีการหารือกับคณะผู้วิจัยการสร้างความปรองดองแห่งชาติ ก็ไม่มีความประสงค์หรือมีเงื่อนไขที่จะขอถอนผลการวิจัยกลับไป ทำให้การขอคืนงานวิจัยดังกล่าวไม่ได้มีพื้นฐานมาจากเหตุผลทางวิชาการแต่เป็นความกังวลต่อผลทางการเมืองที่เกิดขึ้น ยืนยันว่าการที่คณะกรรมาธิการปรองดองนำผลการศึกษาของคณะผู้วิจัยมาพิจารณานั้นถือว่ามีผลสมบูรณ์ไปแล้วและมีมติที่เอกฉันท์ทำให้คณะกรรมาธิการปรองดองไม่อาจเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขได้

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวเรียกร้องให้นายบวรศักดิ์ พิจารณาตัวเอง โดยการลาออกจากตำแหน่งเพราะเห็นว่าการแถลงหลังการประชุมสภาสถาบันพระปกเกล้าเป็นการทำเกินหน้าที่ทางวิชาการ และเห็นว่าเรื่องนี้มีนัยซ่อนเร้นทางการเมืองที่สำคัญ

นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาลถึงการสร้างความปรองดองว่า คนไม่ปรองดองมีอยู่ ๒-๓ กลุ่ม คือฝ่ายค้าน และฝ่ายเสื้อหลากสีที่ไม่อยากปรองดอง ตนไม่สบายใจเลยที่ได้ยินพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พูดคำว่าเผด็จการรัฐสภา ยืนยันว่าไม่มีหรอกเผด็จการรัฐสภา เพราะการปกครองในระบอบประชาธิปไตยมีการเลือกตั้งรัฐสภาไม่ว่าจะเป็น ส.ส.หรือส.ว. ก็เป็นตัวแทนของประชาชน เมื่อมีการออกเสียงจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ต้องว่าเสียงข้างมากนั้นถูกต้อง เราเป็นผู้แทนราษฎรมาจากพื้นฐานจากเสียงข้างมากอยู่แล้วใช่หรือไม่ เสียงข้างน้อยนั้น ก็ต้องยอมรับในเสียงข้างมาก วลีที่ว่าเผด็จการรัฐสภานั้นไม่มีหรอกตามความเป็นจริง
กำลังโหลดความคิดเห็น