จู่ๆ ที่ประชุมครม.ก็มีมติให้ย้ายนางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ
พูดง่ายๆ ถูกแขวนไว้ในทำเนียบนั่นแหละครับ
นอกจากโดนย้ายแล้ว ยังมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยนางพนิตาในข้อหาใช้เงินผิดประเภทอีกด้วย
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.การพัฒนาสังคมฯ กล่าวถึงการสั่งย้ายนางพนิตาครั้งนี้ว่า ทางสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ทักท้วงการเบิกจ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เมื่อครั้งนางพนิตาดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมดังกล่าวว่า มีการใช้เงินผิดประเภทเป็นเงินรวมทั้งสิ้น ๓๒,๙๐๖,๑๔๖ ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินนอกงบประมาณได้จากการรับบริจาค สตง.พิจารณาแล้วว่า ให้กระทรวงพัฒนาสังคมฯ ส่งเงินจำนวนดังกล่าวคืนคลัง และให้ดำเนินการทางวินัยกับผู้เกี่ยวข้อง มิเช่นนั้นจะมีการดำเนินคดี ตนได้ดำเนินการผ่อนผันหรือหาทางออกอย่างเต็มที่แล้ว แต่เมื่อทางสตง.ดำเนินการถึงขั้นนี้แล้ว จึงจำเป็นต้องย้ายนางพนิตาไปประจำที่สำนักนายกฯ พร้อมตั้งกรรมการสอบวินัยโดยมี นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกฯ เป็นประธาน
ส่วนที่กระทรวงพัฒนาสังคมฯ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่หลายคนพากันเข้าไปให้กำลังใจนางพนิตา และนางพนิตาให้สัมภาษณ์ว่า ไม่รู้สึกอะไรหรือตกใจกับคำสั่งย้าย เพราะเตรียมใจไว้หลายเดือนแล้วว่าจะถูกรังแก ตนจึงหาข้อมูลไว้โต้ตอบนายสันติ พร้อมพัฒน์ไว้แล้วส่วนหนึ่ง ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นกรณีความขัดแย้งเรื่องการประมูลการก่อสร้างอาคารใหม่ของกระทรวงที่มีมูลค่านับพันล้านบาท เร็วๆ นี้ตนจะนำเอกสารหลักฐานและข้อมูลทั้งหมดยื่นร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อนายกรัฐมนตรีและคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมด้วย
อนึ่ง นายจะเด็ด เชาวน์วิไล ผอ.มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวหลังเข้าให้กำลังใจนางพนิตาว่าคำสั่งย้ายมีความไม่ชอบมาพากล เป็นการย้ายนอกฤดูกาลที่ไม่มีเหตุผลชัดเจน แม้อ้างว่าเป็นเพราะใช้เงินผิดประเภทสมัยเป็นอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ แต่ไม่มีน้ำหนักพอเพียงจึงน่าจะมีเหตุผลอื่นด้วย
โดยเฉพาะที่มีข่าวการขัดขวางเรื่องการประมูลก่อสร้างตึก วันที่ ๒๐ มีนาคมนี้ ทางเครือข่ายสตรี เด็ก ครอบครัว อาจจะเข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีถามหาความไม่ชอบธรรมในการย้ายครั้งนี้
นายอิสสระ สมชัย อดีตรมว.การพัฒนาสังคมฯ กล่าวว่า การย้ายครั้งนี้เป็นการย้ายนอกฤดูกาลที่ผิดปกติ รมว.ต้องชี้แจงเหตุผลความผิดที่ชัดเจนกว่านี้ การย้ายข้าราชการระดับสูง ต้องมีการสอบสวนเบื้องต้นเพื่อชี้มูลความผิดก่อน ตนมองว่าเรื่องนี้มีการกลั่นแกล้งหรือไม่ เพิ่งผ่านวันสตรีสากลมาไม่กี่วัน นางพนิตาก็เป็นเหยื่อรายแรกที่ถูกย้าย จึงอยากให้ผู้หญิงทุกคนลุกขึ้นมาสู้เพื่อความชอบธรรม
นายอิสสระกล่าวด้วยว่า เรื่องนี้มีปัญหาลึกซึ้ง โดยเฉพาะเรื่องการก่อสร้างอาคารใหม่ของกระทรวงซึ่งมีการอนุมัติงบประมาณในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยมีตนเป็นผู้ของบประมาณในวงเงิน ๘๐๐ ล้านบาท จากนั้นได้มีการจัดประกวดราคากันและเคาะราคากันในวันที่ ๓๑ ส.ค.๕๔ ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งนายสันติเข้ามาเป็นรัฐมนตรีแล้ว มีข่าวลือว่ามีการวิ่งเต้นเพื่อให้มีการยกเลิกการประกวดราคาดังกล่าว ซึ่งไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่นางพนิตายืนยันว่าไม่สามารถยกเลิกการประกวดราคาได้ ไม่เช่นนั้นกระทรวงอาจถูกฟ้องได้ จึงสงสัยว่าการยกเลิกดังกล่าว เป็นเพราะผู้รับเหมาไม่ถูกใจรัฐมนตรีหรือไม่
นายอิสสระยังกล่าวอีกว่า งบประมาณก่อสร้างอาคารใหม่นี้ต้องใช้งบประมาณตั้งแต่ปี ๒๕๕๔ แต่จนบัดนี้ยังไม่ได้ลงนามอนุมัติโครงการดังกล่าว ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วงการใช้งบประมาณประจำปี ๒๕๕๕ แล้ว
“ผมขอฝากไปถึงนางพนิตาว่าต้องออกมาสู้ ไม่เช่นนั้นข้าราชการจะเสียกำลังใจในการทำงาน ผมยืนยันว่านางพนิตาไม่ใช่คนของพรรคประชาธิปัตย์ สาเหตุที่ตั้งขึ้นมาเป็นปลัด ก็เพราะมีความอาวุโส มีความสามารถและเคยได้รับรางวัลข้าราชการดีเด่น”
ส่วนนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.การพัฒนาสังคมฯ กล่าวว่า การสั่งย้ายนางพนิตาไม่เกี่ยวข้องกับการสร้างอาคารที่ทำการกระทรวงการย้าย เป็นเพราะสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินได้มีหนังสือส่งถึงรมว.การพัฒนาสังคมฯ เมื่อวันที่ ๒๕ ส.ค. ๒๕๕๔ ให้เรียกเงินคืนจากปลัดกระทรวงและอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ที่มีการใช้เงินผิดประเภทเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศของกรมพัฒนาสังคมฯ เมื่อครั้งที่นางพนิตาเป็นอธิบดีกรมดังกล่าว พร้อมทั้งให้ดำเนินการทางวินัยกับผู้เกี่ยวข้อง หากไม่ดำเนินการก็เป็นการปล่อยปละละเลย จึงจำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการสอบทางวินัย ส่วนตนไม่มีความขัดแย่งใดๆ เป็นการส่วนตัวกับนางพนิตาทั้งสิ้น
ครับ เรื่องในกระทรวงนี้ยังคงเป็นที่กล่าวขวัญกันอยู่ว่าเป็นเรื่องของการประมูล หรือเป็นเรื่องการย้ายตามเหตุผลผลที่ทางสตง. ตั้งเป็นข้อสังเกตมาแน่
พูดง่ายๆ ถูกแขวนไว้ในทำเนียบนั่นแหละครับ
นอกจากโดนย้ายแล้ว ยังมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยนางพนิตาในข้อหาใช้เงินผิดประเภทอีกด้วย
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.การพัฒนาสังคมฯ กล่าวถึงการสั่งย้ายนางพนิตาครั้งนี้ว่า ทางสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ทักท้วงการเบิกจ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เมื่อครั้งนางพนิตาดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมดังกล่าวว่า มีการใช้เงินผิดประเภทเป็นเงินรวมทั้งสิ้น ๓๒,๙๐๖,๑๔๖ ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินนอกงบประมาณได้จากการรับบริจาค สตง.พิจารณาแล้วว่า ให้กระทรวงพัฒนาสังคมฯ ส่งเงินจำนวนดังกล่าวคืนคลัง และให้ดำเนินการทางวินัยกับผู้เกี่ยวข้อง มิเช่นนั้นจะมีการดำเนินคดี ตนได้ดำเนินการผ่อนผันหรือหาทางออกอย่างเต็มที่แล้ว แต่เมื่อทางสตง.ดำเนินการถึงขั้นนี้แล้ว จึงจำเป็นต้องย้ายนางพนิตาไปประจำที่สำนักนายกฯ พร้อมตั้งกรรมการสอบวินัยโดยมี นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกฯ เป็นประธาน
ส่วนที่กระทรวงพัฒนาสังคมฯ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่หลายคนพากันเข้าไปให้กำลังใจนางพนิตา และนางพนิตาให้สัมภาษณ์ว่า ไม่รู้สึกอะไรหรือตกใจกับคำสั่งย้าย เพราะเตรียมใจไว้หลายเดือนแล้วว่าจะถูกรังแก ตนจึงหาข้อมูลไว้โต้ตอบนายสันติ พร้อมพัฒน์ไว้แล้วส่วนหนึ่ง ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นกรณีความขัดแย้งเรื่องการประมูลการก่อสร้างอาคารใหม่ของกระทรวงที่มีมูลค่านับพันล้านบาท เร็วๆ นี้ตนจะนำเอกสารหลักฐานและข้อมูลทั้งหมดยื่นร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อนายกรัฐมนตรีและคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมด้วย
อนึ่ง นายจะเด็ด เชาวน์วิไล ผอ.มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวหลังเข้าให้กำลังใจนางพนิตาว่าคำสั่งย้ายมีความไม่ชอบมาพากล เป็นการย้ายนอกฤดูกาลที่ไม่มีเหตุผลชัดเจน แม้อ้างว่าเป็นเพราะใช้เงินผิดประเภทสมัยเป็นอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ แต่ไม่มีน้ำหนักพอเพียงจึงน่าจะมีเหตุผลอื่นด้วย
โดยเฉพาะที่มีข่าวการขัดขวางเรื่องการประมูลก่อสร้างตึก วันที่ ๒๐ มีนาคมนี้ ทางเครือข่ายสตรี เด็ก ครอบครัว อาจจะเข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีถามหาความไม่ชอบธรรมในการย้ายครั้งนี้
นายอิสสระ สมชัย อดีตรมว.การพัฒนาสังคมฯ กล่าวว่า การย้ายครั้งนี้เป็นการย้ายนอกฤดูกาลที่ผิดปกติ รมว.ต้องชี้แจงเหตุผลความผิดที่ชัดเจนกว่านี้ การย้ายข้าราชการระดับสูง ต้องมีการสอบสวนเบื้องต้นเพื่อชี้มูลความผิดก่อน ตนมองว่าเรื่องนี้มีการกลั่นแกล้งหรือไม่ เพิ่งผ่านวันสตรีสากลมาไม่กี่วัน นางพนิตาก็เป็นเหยื่อรายแรกที่ถูกย้าย จึงอยากให้ผู้หญิงทุกคนลุกขึ้นมาสู้เพื่อความชอบธรรม
นายอิสสระกล่าวด้วยว่า เรื่องนี้มีปัญหาลึกซึ้ง โดยเฉพาะเรื่องการก่อสร้างอาคารใหม่ของกระทรวงซึ่งมีการอนุมัติงบประมาณในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยมีตนเป็นผู้ของบประมาณในวงเงิน ๘๐๐ ล้านบาท จากนั้นได้มีการจัดประกวดราคากันและเคาะราคากันในวันที่ ๓๑ ส.ค.๕๔ ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งนายสันติเข้ามาเป็นรัฐมนตรีแล้ว มีข่าวลือว่ามีการวิ่งเต้นเพื่อให้มีการยกเลิกการประกวดราคาดังกล่าว ซึ่งไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่นางพนิตายืนยันว่าไม่สามารถยกเลิกการประกวดราคาได้ ไม่เช่นนั้นกระทรวงอาจถูกฟ้องได้ จึงสงสัยว่าการยกเลิกดังกล่าว เป็นเพราะผู้รับเหมาไม่ถูกใจรัฐมนตรีหรือไม่
นายอิสสระยังกล่าวอีกว่า งบประมาณก่อสร้างอาคารใหม่นี้ต้องใช้งบประมาณตั้งแต่ปี ๒๕๕๔ แต่จนบัดนี้ยังไม่ได้ลงนามอนุมัติโครงการดังกล่าว ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วงการใช้งบประมาณประจำปี ๒๕๕๕ แล้ว
“ผมขอฝากไปถึงนางพนิตาว่าต้องออกมาสู้ ไม่เช่นนั้นข้าราชการจะเสียกำลังใจในการทำงาน ผมยืนยันว่านางพนิตาไม่ใช่คนของพรรคประชาธิปัตย์ สาเหตุที่ตั้งขึ้นมาเป็นปลัด ก็เพราะมีความอาวุโส มีความสามารถและเคยได้รับรางวัลข้าราชการดีเด่น”
ส่วนนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.การพัฒนาสังคมฯ กล่าวว่า การสั่งย้ายนางพนิตาไม่เกี่ยวข้องกับการสร้างอาคารที่ทำการกระทรวงการย้าย เป็นเพราะสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินได้มีหนังสือส่งถึงรมว.การพัฒนาสังคมฯ เมื่อวันที่ ๒๕ ส.ค. ๒๕๕๔ ให้เรียกเงินคืนจากปลัดกระทรวงและอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ที่มีการใช้เงินผิดประเภทเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศของกรมพัฒนาสังคมฯ เมื่อครั้งที่นางพนิตาเป็นอธิบดีกรมดังกล่าว พร้อมทั้งให้ดำเนินการทางวินัยกับผู้เกี่ยวข้อง หากไม่ดำเนินการก็เป็นการปล่อยปละละเลย จึงจำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการสอบทางวินัย ส่วนตนไม่มีความขัดแย่งใดๆ เป็นการส่วนตัวกับนางพนิตาทั้งสิ้น
ครับ เรื่องในกระทรวงนี้ยังคงเป็นที่กล่าวขวัญกันอยู่ว่าเป็นเรื่องของการประมูล หรือเป็นเรื่องการย้ายตามเหตุผลผลที่ทางสตง. ตั้งเป็นข้อสังเกตมาแน่