โซเชี่ยลมีเดียทำให้เรามองเห็นความรู้สึกนึกคิดของสังคมลึกลงไประดับปัจเจกบุคคลได้ชัดและง่ายขึ้นโดยเฉพาะคนที่เปิดเผยตัวตนจริง (เพราะพวกใช้นามแฝงที่สืบหาเครือข่ายเพื่อนฝูงไม่ได้บางคนตั้งขึ้นเพื่อแค่ระบายอารมณ์หรือปลดปล่อยปมด้อย+อารมณ์ค้างในแบบสุดขั้วก็มี)
สังเกตเห็นว่าการแสดงออกทางการเมืองของคนรุ่นหนุ่มสาวระดับ 30 ลงมาในระยะหลังชมชอบที่จะแบ่งฝ่ายจัดให้อีกพวกเป็นราชาชาตินิยม-อนุรักษ์-จารีตนิยมที่ล้าหลังส่วนพวกตนเรียกว่าเสรีนิยมที่รักประชาธิปไตยที่ก้าวหน้า ซึ่งมันเป็นการสะกดจิตตัวเองชนิดหนึ่งให้จมอยู่กับโลกทัศน์แบบภาพยนตร์สตาร์วอร์ ลองไปหาอ่านดูเถอะครับตามหน้าวอลล์เฟซบุ้คตามเว็บบอร์ดและโดยเฉพาะความเห็นท้ายข่าวหรือบทความของเว็บไซต์ข่าวเฉดแดงไปๆ มาๆ บางคนถึงขั้นเหมาไปเลยว่าพวกที่ไม่ใช่ตัวเองเป็นพวกที่ไม่เอาประชาธิปไตยเทิดทูนเผด็จการเท่านั้นว่ากันไปโน่น
ถ้าเป็นน้องเป็นนุ่งเป็นลูกหลานจะเรียกมาสอนใหม่ว่าโลกการเมืองจริงน่ะมันไม่ได้มีแค่สองสีสองฝ่ายแบบที่เอ็งทุ่มเทต่อสู้แบบยอมตายถวายชีวิตให้หรอกนะ ยกตัวอย่างพวกเสื้อแดงที่รวมพลังมากมายก่อนเลือกตั้งน่ะมันไม่ใช่แหล่งรวมของคนรักประชาธิปไตย รักความเป็นธรรม ไม่สองมาตรฐาน เป็นแหล่งรวมของเสรีชนตามที่แกนนำบนเวทีป่าวประกาศดอกนะ เพราะอย่างน้อยตอนนี้ก็มีพวกที่ถูกตัดหางปล่อยวัด หรือพวกที่ไปสุดกู่ไม่มีใครตาม แล้วก็ยังมีพวกสนุกสนานกับความสองมาตรฐาน พวกที่สนุกกับความเป็นอำมาตย์ ฯลฯ อีกจิปาถะให้เห็นเป็นรูปธรรมกันจะๆ รายวัน
พวกคุณประกาศว่าตัวเองเป็นพวกตาสว่าง..., ถ้าตาสว่างแล้วก็ขอให้สว่างให้จริงโดยตลอดเถิด..โดยเฉพาะพวกคนรุ่นใหม่เพิ่งมีสิทธิ์ลงคะแนนครั้งสองครั้งแรกหรือเพิ่งจบการศึกษา ผมนั้นผ่านวัยวันแบบนั้นมาแล้วพยายามจะเข้าใจคนหนุ่มสาวเลือดร้อนสายตาที่มองมักจะเห็นแต่เป้าใหญ่ประเภททหารถือปืนยึดอำนาจแบบนี้มันต้องสู้กันหน่อยหรือทำนองขัดหูขัดตากับขนบจารีตแบบคนแก่ว่าเชยล้าสมัย โลกนี้มีแค่สองฟากไม่เมื่อเลือกที่จะยืนโพกหัวแดงอยู่ฟากนี้แล้วก็ปิดตาตัวเองพยายามไม่มองพวกเดียวกันว่าโหล่ยโท่ยเลวร้ายยังไง
หนุ่มสาวเอย.., ไม่มีใครว่าอะไรที่พวกคุณประกาศเป็นนักประชาธิปไตยและเป็นเสรีนิยมแต่ที่อยากแนะนำคือต้องบวกข่าวสารข้อมูลความรู้และความเท่าทันลงไปด้วยจึงจะสมบูรณ์
นักประชาธิปไตยกินอุดมการณ์เสรีนิยมที่ไม่เปิดตามองโลกมันก็ล้าหลังได้นะหนูเอ้ย !
โลกการเมืองที่แท้จริงมันซับซ้อนกว่าการแบ่งฝ่ายพวกเอาเผด็จการซีกหนึ่งและพวกเสรีก้าวหน้าเรียกร้องประชาธิปไตยมากนัก ไอ้ที่เคยคิดน่ะมันเป็นโลกทัศน์ของนักอ่านการ์ตูนดูหนังเทพนิยายมันไม่มีจริงหรอกในเมืองไทย
ถ้าคุณเกลียดเผด็จการคุณต้องเกลียดมันทุกสายพันธุ์ คุณรู้จักแต่เจ้าผู้ร้ายเผด็จการทหารสวมท็อปบูทถือปืนยึดอำนาจรัฐผูกขาดความร่ำรวยนั้นมันเป็นโมเดลเผด็จการแบบเก่าเมื่อ 30-40 ปีก่อนโน้นในโลกนี้ถ้ายังเหลืออยู่ก็ไม่กี่ประเทศ ก็มีแต่นักวิชาการช่างยุเท่านั้นที่บอกว่าประเทศไทยเหมือนพม่าเกาหลีเหนือหรือไม่ก็เป็นมูกาเบ้ แต่จะมีใครสักกี่คนที่ชี้ให้เห็นว่าการบิดเบือนการใช้อำนาจ เอาอำนาจของประชาชนไปแสวงหาประโยชน์และความร่ำรวย บิดเบือนหลักกฏหมายนิติรัฐแบบเนียนๆ ภายใต้เสื้อคลุมประชาธิปไตยมันทำกันยังไงและเผด็จการสายพันธุ์นี้มันอันตรายกว่าเพียงใด
พวกคุณในฐานะผู้นิยมประชาธิปไตยรักเสรีนิยมทราบกันมั้ยว่าเผด็จการที่แยบยลแนบเนียนที่สุดคือเผด็จการที่สวมเสื้อคลุมประชาธิปไตยต่างหาก
หลายสัปดาห์มานี้สำนักข่าวอิศราภายใต้สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยนำเสนอข่าวเจาะว่าด้วยบัญชีทรัพย์สินนักการเมืองซึ่งไม่ได้มีแค่การประมวลจากเอกสารเท่านั้นบางชิ้นตามไปสัมภาษณ์เจ้าตัวเดินทางไปถึงสถานที่จริงเช่นเรื่องบัญชีทรัพย์สิน (ฯพณฯ เสนาบดีอำมาตย์เต้น) ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หรือของเสี่ยตู่ จตุพร พรหมพันธุ์ ข่าวสารเหล่านี้มีความต่อเนื่องอธิบายสิ่งที่เรียกว่า “การเมืองในโลกที่เป็นจริง” ให้กับคนที่อยากรู้ ใฝ่รู้ได้ ซึ่งอาจจะยกเว้นคนที่ปิดตาข้างเดียวไม่เชื่อว่าพวกเดียวกันเรียกร้องมาตรฐานเดียวจะมาเป็นเช่นนี้ได้
หนุ่มสาวเอย..., ถ้าพวกคุณเป็นเสรีนิยมจริง พวกคุณต้องชิงชังการใช้อำนาจหาประโยชน์โดยบืดเบือนตลาดหรือหลักคัดเลือกบนธรรมภิบาลคุณต้องชิงชังการใช้อำนาจรัฐไปได้งานจากรัฐวิสาหกิจ เพราะนั่นเท่ากับการปิดบังโอกาสของผู้อื่นอย่างน่าไม่อาย
พวกคุณอย่านึกว่าณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นแกนนำมวลชนโตมากับการเมืองภาคประชาชนนะ ที่แท้แล้ว ฯพณฯ อำมาตย์เต้นเป็นนักการเมืองที่พิศมัยในวงการเมืองมาก่อนจะมีม็อบด้วยซ้ำ เขาพยายามจะเข้าสู่วงการเมืองตั้งแต่หนุ่ม ตอนแรกจะเข้าประชาธิปัตย์แต่คิวมันยาว แล้วก็ไม่ได้ชมชอบทักษิณอะไรมาก่อนด้วย ณัฐวุฒิเลือกลงสมัครส.ส.นครศรีธรรมราชเมื่อปี 2544 สังกัดชาติพัฒนาทั้งๆ ที่ตอนนั้นทักษิณตั้งพรรคไทยรักไทยแล้ว
คนที่รักการเมืองหลงการเมืองถึงขนาดลงส.ส.แข่งกับปชป.ที่เมืองนครศรีฯ ไม่ธรรมดานะจะบอกให้ ผมจึงขบขันเล็กน้อยถึงปานกลางปนหัวเราะเป็นหย่อมๆ ที่ได้ฟังสัมภาษณ์ทำนองว่าคุณอำมาตย์ไม่ค่อยยี่หระกับตำแหน่งรัฐมนตรีเท่าไหร่ตัวนั่งเก้าอี้เสนาบดีแต่ใจเป็นไพร่อะไรทำนองนั้น
หนุ่มสาวเอย.., ถ้าคุณเชื่อในหลักเสรีนิยมคุณต้องรังเกียจการพึ่งพิงอำนาจรัฐหาประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเอง เช่นการตั้งบริษัทโฆษณาเพื่อรับงานจากรัฐวิสาหกิจซึ่งใครๆ ในวงการก็รู้ว่าสังคมอุปถัมภ์แบบไทยๆ เรานี้มันเลวร้ายกับเรื่องเส้นสายพรรคพวกมายาวนาน คุณบางคนรังเกียจทุนเก่าบอกว่าเป็นพวกเครือข่ายเส้นสายผลประโยชน์เก่าที่ทำให้สังคมไม่เท่าเทียม แต่ก็ปิดตาไม่สนใจการปล้นเนียนๆ ของอีกกลุ่มหนึ่ง
จตุพร พรหมพันธุ์ นี่ก็อีกคนโตมาจากความไม่มีทั้งฐานะเงินทองชาติตระกูลแต่เขามีพรสวรรค์กับการเมืองแบบไทยๆ
ตู่เข้าไทยรักไทยก่อนเต้น 4 ปีเขาได้รับการฝากฝังให้ไปช่วยงานอดีตรัฐมนตรีประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ คนไทยรักไทยยุคแรกโดยเฉพาะสายกฏหมายและทะเบียนพรรครู้จักอิทธิฤทธิ์ของนักการเมืองใหม่ใจกล้าชื่อตู่-จตุพรดีตอนที่มีการแต่งตั้งโสภณ ดำนุ้ยเป็นผ.อ.สวนสัตว์ ตำแหน่งหน้าห้องรัฐมนตรีทรัพยากรธรรมชาติฯ เพราะมีการร้องเรียนเข้าไปว่ามีมือดีเรียกเงินค่าตำแหน่ง ผมจึงไม่แปลกที่เห็นนักการเมืองหน้าใหม่ใจถึงพยายามตั้งบริษัท(เพื่อพยายาม)รับงานร่วมกับสถาพร มณีรัตน์ ส.ส.ลำพูนในช่วงปี 44-45
สถาพร มณีรัตน์ เคยเป็นสหภาพกฟผ. เคลื่อนไหวฐานะผู้นำแรงงานเมื่อปี 44 ยังไม่ได้ลงส.ส.ไทยรักไทยลำพูนเขต 3 จึงไม่แปลกที่บริษัทที่ตั้งขึ้นมาร่วมกับจตุพรจึงเน้นไปทางรับเหมาก่อสร้างขนส่งเหมืองแร่
การทำมาหากินกับรัฐวิสาหกิจน่ะมันเป็นโมเดลพื้นฐานของนักธุรกิจการเมืองมานานแล้ว ระดับเล็กก็เริ่มจากคำเล็กๆ เริ่มจากวงเงินล้านสองล้านแล้วค่อยไต่มาเป็นสิบล้าน ผลประโยชน์ผูกพันกับอำนาจการเมือง ไม่เกี่ยวกับการแข่งขันเสนอตัวที่เป็นธรรมแต่อย่างใด.., ประเทศไทยของเราเป็นเช่นนี้มานานจวบจนกระทั่งปัจจุบันก็ยังเลวระยำอยู่เหมือนเดิม
ไหนๆ พูดเรื่องตู่เต้นแล้วขอแถมรัฐมนตรีชื่อปลอดประสพอีกสักคน สำนักข่าวอิศราแห่งเดียวกันนี้นำเสนอ ทรัพย์สินและธุรกิจของปลอดประสพ สุรัสวดี คนๆ นี้เขามีมรดกเจ้าคุณปู่แต่ที่ต้องสนใจต่อเนื้อข่าวคือการโอนหุ้นบริษัทที่ปรึกษารับงานด้านสิ่งแวดล้อมจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก สำนักข่าวอิศราสนใจที่การโอนหุ้นให้ภรรยา แต่สำหรับคนในแวดวงต้องให้ความสนใจการโอนหุ้นให้กับผู้หญิงอีกอนงค์หนึ่งนามว่า อัจฉรา วงศ์แสงจันทร์ ซึ่งปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นผ.อ.สำนักระดับซี 9 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งงานส่วนใหญ่มาจากกรมประมงเดิม การโอนหุ้นธุรกิจของรัฐมนตรีปลอดประสพ ให้กับข้าราชการในกระทรวงที่ตัวเองเคยเป็นผู้บังคับบัญชาก็เรื่องนึงนะ แต่ที่ควรสนใจกว่าคือบทบาทของซี.9 สาวคนนี้ต่างหาก
อัจฉรา วงศ์แสงจันทร๋ ที่ตามข่าวระบุว่ารับโอนหุ้นธุรกิจเคยเป็นหน้าห้องมาตั้งแต่ปลอดประสพเป็นอธิบดีกรมประมง ตามมาถึงกรมป่าไม้ ปลัดกระทรวงพอมาเป็นใหญ่เป็นโตที่ไนท์ซาฟารีก็ตามมาอีก ตอนที่เป็นข่าวย้ายสลับอธิบดีกรมป่าไม้หน้าห้องคนนี้เดินทางไปอเมริกาพร้อมเจ้านาย จึงเรียกว่าเป็น ซูเปอร์หน้าห้องที่ใกล้ชิดสนิทกันเป็นพิเศษเสมือนคนในครอบครัวเดียวกัน
ขอถามคนหนุ่มสาวที่รักในเสรีนิยม ชิงชังการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ไม่ชอบการใช้อำนาจรัฐบิดเบือนเพื่อประโยชน์ตนและพวกพ้องหน่อยเถิดว่า การที่คนๆ หนึ่งไปเป็นรัฐมนตรีแล้วโอนหุ้นธุรกิจที่รับงานจากหน่วยงานที่คนเคยเป็นปลัดกระทรวง แถมคนรับโอนก็ยังเป็นใหญ่เป็นโตในกรมที่เป็นเจ้าของงานนั้นน่ะมันเรียกว่าอะไร ?
หนุ่มสาวผู้ประกาศตนเป็นเสรีนิยมเอย ..., ผมล่ะหน่ายจริงๆ ที่เจอความคิดเห็นของผู้ที่อ้างว่าเป็นปัญญาชนแสดงทัศนะทำนองว่าเห็นด้วยกับการที่ปตท. ลอยตัวก๊าซ NGV เพราะว่ามันดีไม่บิดเบือนตลาด ความคิดเห็นลักษณะนี้มันเป็นเสรีนิยมฟันน้ำนมก็คือท่องคาถาเสรีๆๆ ราคาตลาดๆๆ เท่านั้นแต่ไม่ได้มีความรู้ลึกลงไปในข้อมูลข้อเท็จจริงเพราะปตท.ผูกขาดธุรกิจก๊าซมาตั้งแต่ต้นน้ำ ควบคุมบ่อขุดเจาะ ควบคุมท่อ กำหนดราคาค่าผ่านท่อ ควบคุมโรงแยก ไอ้ธุรกิจที่ผูกขาดเขาไม่พูดกันเรื่องการแข่งขันหรือราคาตลาดหรอก และที่สำคัญที่สุดราคาก๊าซที่ลอยตัวมันเป็นราคากำหนดเองไม่ได้อ้างอิงตลาดโลกแต่อย่างใด เพราะตอนนี้ราคาก๊าซตลาดโลกถูกกว่าปตท.อยากลอยตัวหลายขุม
กรณีที่รัฐบาลไทยรักไทยขายหุ้นปตท.49% โดยไม่โปร่งใส แจกแถมหุ้นราคาถูกให้พวกพ้องจนกระทั่งบัดนี้ไม่มีใครเคยเห็นบัญชีหุ้นอุปการะคุณที่แจกจ่ายไปอิ่มเอม มาจนถึงการจะขายหุ้น 2% ที่เหลือให้กองทุนเปิดวายุภักดิ์ล้วนแต่มีเงื่อนปมของผลประโยชน์แอบแฝงเรื่องพวกนี้ไม่ได้ยากเกินไปกว่าที่คนที่เรียกตัวเองว่าปัญญาชนคนก้าวหน้าจะเรียนรู้เลยนะลองศึกษาดูแล้วจะเริ่มเห็นว่าอะไรที่เป็นอันตรายต่อสังคมไทยกันแน่ในยุคสมัยนี้
เอาล่ะในเมื่อพวกคุณเป็นนักเสรีนิยมก็ควรจะเชื่อในหลักการแปรรูปเป็นเอกชนแล้วมาแข่งขันในตลาดกันจึงไม่สนใจการเรียกร้องให้ปตท.กลับคืนมาเป็นรัฐวิสาหกิจ พวกคุณก็สามารถจะมองอีกมุมหนึ่งได้คือทำให้ปตท.อยู่ในสภาพที่เป็นกิจการธุรกิจเอกชนตัวจริงไม่มีอำนาจแฝงเอาเปรียบคู่ต่อสู้ในตลาด
ดังนั้นพวกคุณนักเสรีนิยมควรจะเรียกร้องให้รัฐบาลยึดกิจกรรมที่ผูกขาดหรือใช้อำนาจมหาชนของรัฐไปดำเนินการเช่นเรื่องการควบคุมท่อก๊าซกลับคืนมา หรือกรณีการเป็นเจ้าตลาดถือหุ้นโรงกลั่นส่วนใหญ่เพื่อกำหนดราคาเองรัฐบาลจะต้องบังคับให้ปตท.ขายหุ้นเหล่านั้นทิ้งเพื่อให้หมดจากสภาพคุมตลาด ฯลฯ แต่การณ์กลับว่าจนบัดนี้นักเสรีนิยมทั้งหลายเงียบหายไม่ได้สนใจใยดีปัญหาบ้านเมืองที่กระทบกับพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่เลยแม้แต่แอะเดียว
การตะโกนว่าตัวเองเป็นนักเสรีนิยมควรจะตะโกนอย่างอาจหาญด้วยฟันแท้อย่าเป็นนักเสรีนิยมฟันน้ำนมที่อยู่ในโลกทัศน์แคบมองไม่เห็นเผด็จการรูปแบบอื่นๆ มองไม่เห็นการใช้อำนาจเส้นสายการเมืองเพื่อผลประโยชน์ สนใจแต่การตามแห่อะไรเท่ๆ แต่ไม่รู้เรื่องที่กระทบกับปากท้องคนส่วนใหญ่อีก 60 ล้านคน
เสรีนิยมแบบดังกล่าวเรียกว่าเสรีนิยมแบบทำเท่ หรือเสรีนิยมแบบนกแก้วนกขุนทอง เท่านั้น..นะจ๊ะ !
สังเกตเห็นว่าการแสดงออกทางการเมืองของคนรุ่นหนุ่มสาวระดับ 30 ลงมาในระยะหลังชมชอบที่จะแบ่งฝ่ายจัดให้อีกพวกเป็นราชาชาตินิยม-อนุรักษ์-จารีตนิยมที่ล้าหลังส่วนพวกตนเรียกว่าเสรีนิยมที่รักประชาธิปไตยที่ก้าวหน้า ซึ่งมันเป็นการสะกดจิตตัวเองชนิดหนึ่งให้จมอยู่กับโลกทัศน์แบบภาพยนตร์สตาร์วอร์ ลองไปหาอ่านดูเถอะครับตามหน้าวอลล์เฟซบุ้คตามเว็บบอร์ดและโดยเฉพาะความเห็นท้ายข่าวหรือบทความของเว็บไซต์ข่าวเฉดแดงไปๆ มาๆ บางคนถึงขั้นเหมาไปเลยว่าพวกที่ไม่ใช่ตัวเองเป็นพวกที่ไม่เอาประชาธิปไตยเทิดทูนเผด็จการเท่านั้นว่ากันไปโน่น
ถ้าเป็นน้องเป็นนุ่งเป็นลูกหลานจะเรียกมาสอนใหม่ว่าโลกการเมืองจริงน่ะมันไม่ได้มีแค่สองสีสองฝ่ายแบบที่เอ็งทุ่มเทต่อสู้แบบยอมตายถวายชีวิตให้หรอกนะ ยกตัวอย่างพวกเสื้อแดงที่รวมพลังมากมายก่อนเลือกตั้งน่ะมันไม่ใช่แหล่งรวมของคนรักประชาธิปไตย รักความเป็นธรรม ไม่สองมาตรฐาน เป็นแหล่งรวมของเสรีชนตามที่แกนนำบนเวทีป่าวประกาศดอกนะ เพราะอย่างน้อยตอนนี้ก็มีพวกที่ถูกตัดหางปล่อยวัด หรือพวกที่ไปสุดกู่ไม่มีใครตาม แล้วก็ยังมีพวกสนุกสนานกับความสองมาตรฐาน พวกที่สนุกกับความเป็นอำมาตย์ ฯลฯ อีกจิปาถะให้เห็นเป็นรูปธรรมกันจะๆ รายวัน
พวกคุณประกาศว่าตัวเองเป็นพวกตาสว่าง..., ถ้าตาสว่างแล้วก็ขอให้สว่างให้จริงโดยตลอดเถิด..โดยเฉพาะพวกคนรุ่นใหม่เพิ่งมีสิทธิ์ลงคะแนนครั้งสองครั้งแรกหรือเพิ่งจบการศึกษา ผมนั้นผ่านวัยวันแบบนั้นมาแล้วพยายามจะเข้าใจคนหนุ่มสาวเลือดร้อนสายตาที่มองมักจะเห็นแต่เป้าใหญ่ประเภททหารถือปืนยึดอำนาจแบบนี้มันต้องสู้กันหน่อยหรือทำนองขัดหูขัดตากับขนบจารีตแบบคนแก่ว่าเชยล้าสมัย โลกนี้มีแค่สองฟากไม่เมื่อเลือกที่จะยืนโพกหัวแดงอยู่ฟากนี้แล้วก็ปิดตาตัวเองพยายามไม่มองพวกเดียวกันว่าโหล่ยโท่ยเลวร้ายยังไง
หนุ่มสาวเอย.., ไม่มีใครว่าอะไรที่พวกคุณประกาศเป็นนักประชาธิปไตยและเป็นเสรีนิยมแต่ที่อยากแนะนำคือต้องบวกข่าวสารข้อมูลความรู้และความเท่าทันลงไปด้วยจึงจะสมบูรณ์
นักประชาธิปไตยกินอุดมการณ์เสรีนิยมที่ไม่เปิดตามองโลกมันก็ล้าหลังได้นะหนูเอ้ย !
โลกการเมืองที่แท้จริงมันซับซ้อนกว่าการแบ่งฝ่ายพวกเอาเผด็จการซีกหนึ่งและพวกเสรีก้าวหน้าเรียกร้องประชาธิปไตยมากนัก ไอ้ที่เคยคิดน่ะมันเป็นโลกทัศน์ของนักอ่านการ์ตูนดูหนังเทพนิยายมันไม่มีจริงหรอกในเมืองไทย
ถ้าคุณเกลียดเผด็จการคุณต้องเกลียดมันทุกสายพันธุ์ คุณรู้จักแต่เจ้าผู้ร้ายเผด็จการทหารสวมท็อปบูทถือปืนยึดอำนาจรัฐผูกขาดความร่ำรวยนั้นมันเป็นโมเดลเผด็จการแบบเก่าเมื่อ 30-40 ปีก่อนโน้นในโลกนี้ถ้ายังเหลืออยู่ก็ไม่กี่ประเทศ ก็มีแต่นักวิชาการช่างยุเท่านั้นที่บอกว่าประเทศไทยเหมือนพม่าเกาหลีเหนือหรือไม่ก็เป็นมูกาเบ้ แต่จะมีใครสักกี่คนที่ชี้ให้เห็นว่าการบิดเบือนการใช้อำนาจ เอาอำนาจของประชาชนไปแสวงหาประโยชน์และความร่ำรวย บิดเบือนหลักกฏหมายนิติรัฐแบบเนียนๆ ภายใต้เสื้อคลุมประชาธิปไตยมันทำกันยังไงและเผด็จการสายพันธุ์นี้มันอันตรายกว่าเพียงใด
พวกคุณในฐานะผู้นิยมประชาธิปไตยรักเสรีนิยมทราบกันมั้ยว่าเผด็จการที่แยบยลแนบเนียนที่สุดคือเผด็จการที่สวมเสื้อคลุมประชาธิปไตยต่างหาก
หลายสัปดาห์มานี้สำนักข่าวอิศราภายใต้สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยนำเสนอข่าวเจาะว่าด้วยบัญชีทรัพย์สินนักการเมืองซึ่งไม่ได้มีแค่การประมวลจากเอกสารเท่านั้นบางชิ้นตามไปสัมภาษณ์เจ้าตัวเดินทางไปถึงสถานที่จริงเช่นเรื่องบัญชีทรัพย์สิน (ฯพณฯ เสนาบดีอำมาตย์เต้น) ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หรือของเสี่ยตู่ จตุพร พรหมพันธุ์ ข่าวสารเหล่านี้มีความต่อเนื่องอธิบายสิ่งที่เรียกว่า “การเมืองในโลกที่เป็นจริง” ให้กับคนที่อยากรู้ ใฝ่รู้ได้ ซึ่งอาจจะยกเว้นคนที่ปิดตาข้างเดียวไม่เชื่อว่าพวกเดียวกันเรียกร้องมาตรฐานเดียวจะมาเป็นเช่นนี้ได้
หนุ่มสาวเอย..., ถ้าพวกคุณเป็นเสรีนิยมจริง พวกคุณต้องชิงชังการใช้อำนาจหาประโยชน์โดยบืดเบือนตลาดหรือหลักคัดเลือกบนธรรมภิบาลคุณต้องชิงชังการใช้อำนาจรัฐไปได้งานจากรัฐวิสาหกิจ เพราะนั่นเท่ากับการปิดบังโอกาสของผู้อื่นอย่างน่าไม่อาย
พวกคุณอย่านึกว่าณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นแกนนำมวลชนโตมากับการเมืองภาคประชาชนนะ ที่แท้แล้ว ฯพณฯ อำมาตย์เต้นเป็นนักการเมืองที่พิศมัยในวงการเมืองมาก่อนจะมีม็อบด้วยซ้ำ เขาพยายามจะเข้าสู่วงการเมืองตั้งแต่หนุ่ม ตอนแรกจะเข้าประชาธิปัตย์แต่คิวมันยาว แล้วก็ไม่ได้ชมชอบทักษิณอะไรมาก่อนด้วย ณัฐวุฒิเลือกลงสมัครส.ส.นครศรีธรรมราชเมื่อปี 2544 สังกัดชาติพัฒนาทั้งๆ ที่ตอนนั้นทักษิณตั้งพรรคไทยรักไทยแล้ว
คนที่รักการเมืองหลงการเมืองถึงขนาดลงส.ส.แข่งกับปชป.ที่เมืองนครศรีฯ ไม่ธรรมดานะจะบอกให้ ผมจึงขบขันเล็กน้อยถึงปานกลางปนหัวเราะเป็นหย่อมๆ ที่ได้ฟังสัมภาษณ์ทำนองว่าคุณอำมาตย์ไม่ค่อยยี่หระกับตำแหน่งรัฐมนตรีเท่าไหร่ตัวนั่งเก้าอี้เสนาบดีแต่ใจเป็นไพร่อะไรทำนองนั้น
หนุ่มสาวเอย.., ถ้าคุณเชื่อในหลักเสรีนิยมคุณต้องรังเกียจการพึ่งพิงอำนาจรัฐหาประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเอง เช่นการตั้งบริษัทโฆษณาเพื่อรับงานจากรัฐวิสาหกิจซึ่งใครๆ ในวงการก็รู้ว่าสังคมอุปถัมภ์แบบไทยๆ เรานี้มันเลวร้ายกับเรื่องเส้นสายพรรคพวกมายาวนาน คุณบางคนรังเกียจทุนเก่าบอกว่าเป็นพวกเครือข่ายเส้นสายผลประโยชน์เก่าที่ทำให้สังคมไม่เท่าเทียม แต่ก็ปิดตาไม่สนใจการปล้นเนียนๆ ของอีกกลุ่มหนึ่ง
จตุพร พรหมพันธุ์ นี่ก็อีกคนโตมาจากความไม่มีทั้งฐานะเงินทองชาติตระกูลแต่เขามีพรสวรรค์กับการเมืองแบบไทยๆ
ตู่เข้าไทยรักไทยก่อนเต้น 4 ปีเขาได้รับการฝากฝังให้ไปช่วยงานอดีตรัฐมนตรีประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ คนไทยรักไทยยุคแรกโดยเฉพาะสายกฏหมายและทะเบียนพรรครู้จักอิทธิฤทธิ์ของนักการเมืองใหม่ใจกล้าชื่อตู่-จตุพรดีตอนที่มีการแต่งตั้งโสภณ ดำนุ้ยเป็นผ.อ.สวนสัตว์ ตำแหน่งหน้าห้องรัฐมนตรีทรัพยากรธรรมชาติฯ เพราะมีการร้องเรียนเข้าไปว่ามีมือดีเรียกเงินค่าตำแหน่ง ผมจึงไม่แปลกที่เห็นนักการเมืองหน้าใหม่ใจถึงพยายามตั้งบริษัท(เพื่อพยายาม)รับงานร่วมกับสถาพร มณีรัตน์ ส.ส.ลำพูนในช่วงปี 44-45
สถาพร มณีรัตน์ เคยเป็นสหภาพกฟผ. เคลื่อนไหวฐานะผู้นำแรงงานเมื่อปี 44 ยังไม่ได้ลงส.ส.ไทยรักไทยลำพูนเขต 3 จึงไม่แปลกที่บริษัทที่ตั้งขึ้นมาร่วมกับจตุพรจึงเน้นไปทางรับเหมาก่อสร้างขนส่งเหมืองแร่
การทำมาหากินกับรัฐวิสาหกิจน่ะมันเป็นโมเดลพื้นฐานของนักธุรกิจการเมืองมานานแล้ว ระดับเล็กก็เริ่มจากคำเล็กๆ เริ่มจากวงเงินล้านสองล้านแล้วค่อยไต่มาเป็นสิบล้าน ผลประโยชน์ผูกพันกับอำนาจการเมือง ไม่เกี่ยวกับการแข่งขันเสนอตัวที่เป็นธรรมแต่อย่างใด.., ประเทศไทยของเราเป็นเช่นนี้มานานจวบจนกระทั่งปัจจุบันก็ยังเลวระยำอยู่เหมือนเดิม
ไหนๆ พูดเรื่องตู่เต้นแล้วขอแถมรัฐมนตรีชื่อปลอดประสพอีกสักคน สำนักข่าวอิศราแห่งเดียวกันนี้นำเสนอ ทรัพย์สินและธุรกิจของปลอดประสพ สุรัสวดี คนๆ นี้เขามีมรดกเจ้าคุณปู่แต่ที่ต้องสนใจต่อเนื้อข่าวคือการโอนหุ้นบริษัทที่ปรึกษารับงานด้านสิ่งแวดล้อมจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก สำนักข่าวอิศราสนใจที่การโอนหุ้นให้ภรรยา แต่สำหรับคนในแวดวงต้องให้ความสนใจการโอนหุ้นให้กับผู้หญิงอีกอนงค์หนึ่งนามว่า อัจฉรา วงศ์แสงจันทร์ ซึ่งปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นผ.อ.สำนักระดับซี 9 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งงานส่วนใหญ่มาจากกรมประมงเดิม การโอนหุ้นธุรกิจของรัฐมนตรีปลอดประสพ ให้กับข้าราชการในกระทรวงที่ตัวเองเคยเป็นผู้บังคับบัญชาก็เรื่องนึงนะ แต่ที่ควรสนใจกว่าคือบทบาทของซี.9 สาวคนนี้ต่างหาก
อัจฉรา วงศ์แสงจันทร๋ ที่ตามข่าวระบุว่ารับโอนหุ้นธุรกิจเคยเป็นหน้าห้องมาตั้งแต่ปลอดประสพเป็นอธิบดีกรมประมง ตามมาถึงกรมป่าไม้ ปลัดกระทรวงพอมาเป็นใหญ่เป็นโตที่ไนท์ซาฟารีก็ตามมาอีก ตอนที่เป็นข่าวย้ายสลับอธิบดีกรมป่าไม้หน้าห้องคนนี้เดินทางไปอเมริกาพร้อมเจ้านาย จึงเรียกว่าเป็น ซูเปอร์หน้าห้องที่ใกล้ชิดสนิทกันเป็นพิเศษเสมือนคนในครอบครัวเดียวกัน
ขอถามคนหนุ่มสาวที่รักในเสรีนิยม ชิงชังการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ไม่ชอบการใช้อำนาจรัฐบิดเบือนเพื่อประโยชน์ตนและพวกพ้องหน่อยเถิดว่า การที่คนๆ หนึ่งไปเป็นรัฐมนตรีแล้วโอนหุ้นธุรกิจที่รับงานจากหน่วยงานที่คนเคยเป็นปลัดกระทรวง แถมคนรับโอนก็ยังเป็นใหญ่เป็นโตในกรมที่เป็นเจ้าของงานนั้นน่ะมันเรียกว่าอะไร ?
หนุ่มสาวผู้ประกาศตนเป็นเสรีนิยมเอย ..., ผมล่ะหน่ายจริงๆ ที่เจอความคิดเห็นของผู้ที่อ้างว่าเป็นปัญญาชนแสดงทัศนะทำนองว่าเห็นด้วยกับการที่ปตท. ลอยตัวก๊าซ NGV เพราะว่ามันดีไม่บิดเบือนตลาด ความคิดเห็นลักษณะนี้มันเป็นเสรีนิยมฟันน้ำนมก็คือท่องคาถาเสรีๆๆ ราคาตลาดๆๆ เท่านั้นแต่ไม่ได้มีความรู้ลึกลงไปในข้อมูลข้อเท็จจริงเพราะปตท.ผูกขาดธุรกิจก๊าซมาตั้งแต่ต้นน้ำ ควบคุมบ่อขุดเจาะ ควบคุมท่อ กำหนดราคาค่าผ่านท่อ ควบคุมโรงแยก ไอ้ธุรกิจที่ผูกขาดเขาไม่พูดกันเรื่องการแข่งขันหรือราคาตลาดหรอก และที่สำคัญที่สุดราคาก๊าซที่ลอยตัวมันเป็นราคากำหนดเองไม่ได้อ้างอิงตลาดโลกแต่อย่างใด เพราะตอนนี้ราคาก๊าซตลาดโลกถูกกว่าปตท.อยากลอยตัวหลายขุม
กรณีที่รัฐบาลไทยรักไทยขายหุ้นปตท.49% โดยไม่โปร่งใส แจกแถมหุ้นราคาถูกให้พวกพ้องจนกระทั่งบัดนี้ไม่มีใครเคยเห็นบัญชีหุ้นอุปการะคุณที่แจกจ่ายไปอิ่มเอม มาจนถึงการจะขายหุ้น 2% ที่เหลือให้กองทุนเปิดวายุภักดิ์ล้วนแต่มีเงื่อนปมของผลประโยชน์แอบแฝงเรื่องพวกนี้ไม่ได้ยากเกินไปกว่าที่คนที่เรียกตัวเองว่าปัญญาชนคนก้าวหน้าจะเรียนรู้เลยนะลองศึกษาดูแล้วจะเริ่มเห็นว่าอะไรที่เป็นอันตรายต่อสังคมไทยกันแน่ในยุคสมัยนี้
เอาล่ะในเมื่อพวกคุณเป็นนักเสรีนิยมก็ควรจะเชื่อในหลักการแปรรูปเป็นเอกชนแล้วมาแข่งขันในตลาดกันจึงไม่สนใจการเรียกร้องให้ปตท.กลับคืนมาเป็นรัฐวิสาหกิจ พวกคุณก็สามารถจะมองอีกมุมหนึ่งได้คือทำให้ปตท.อยู่ในสภาพที่เป็นกิจการธุรกิจเอกชนตัวจริงไม่มีอำนาจแฝงเอาเปรียบคู่ต่อสู้ในตลาด
ดังนั้นพวกคุณนักเสรีนิยมควรจะเรียกร้องให้รัฐบาลยึดกิจกรรมที่ผูกขาดหรือใช้อำนาจมหาชนของรัฐไปดำเนินการเช่นเรื่องการควบคุมท่อก๊าซกลับคืนมา หรือกรณีการเป็นเจ้าตลาดถือหุ้นโรงกลั่นส่วนใหญ่เพื่อกำหนดราคาเองรัฐบาลจะต้องบังคับให้ปตท.ขายหุ้นเหล่านั้นทิ้งเพื่อให้หมดจากสภาพคุมตลาด ฯลฯ แต่การณ์กลับว่าจนบัดนี้นักเสรีนิยมทั้งหลายเงียบหายไม่ได้สนใจใยดีปัญหาบ้านเมืองที่กระทบกับพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่เลยแม้แต่แอะเดียว
การตะโกนว่าตัวเองเป็นนักเสรีนิยมควรจะตะโกนอย่างอาจหาญด้วยฟันแท้อย่าเป็นนักเสรีนิยมฟันน้ำนมที่อยู่ในโลกทัศน์แคบมองไม่เห็นเผด็จการรูปแบบอื่นๆ มองไม่เห็นการใช้อำนาจเส้นสายการเมืองเพื่อผลประโยชน์ สนใจแต่การตามแห่อะไรเท่ๆ แต่ไม่รู้เรื่องที่กระทบกับปากท้องคนส่วนใหญ่อีก 60 ล้านคน
เสรีนิยมแบบดังกล่าวเรียกว่าเสรีนิยมแบบทำเท่ หรือเสรีนิยมแบบนกแก้วนกขุนทอง เท่านั้น..นะจ๊ะ !