xs
xsm
sm
md
lg

จากสุนัย จุลพงศธร ถึง ปนยาชัน

เผยแพร่:   โดย: บัณรส บัวคลี่

สุนัย จุลพงศธร
ได้ดูคลิปยูทูปที่ตั้งชื่อว่า “ต้องคลิกฟัง...เรื่องลึก ๆ กับส.ส.สุนัย” ซึ่งมีคนแพร่ต่อในเฟซบุ้ค (แต่ไม่นานก็ถูกลบทิ้งไป-แต่ก็พอทราบว่ามีผู้บันทึกสำเนาไว้แล้ว) คลิปดังกล่าวเป็นการถ่ายทำของคนเสื้อแดงระหว่างที่นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.เพื่อไทยและประธานคณะกรรมาธิการต่างประเทศเดินทางไปพบปะและบรรยายเรื่องราวเกี่ยวกับการเมืองไทยในต่างประเทศ รายละเอียดที่ ส.ส.ขวดพูดกับคนเสื้อแดงต่างแดนหนักไปทางการเล่าเชิงวิเคราะห์ว่าปมปัญหาการเมืองโดยเฉพาะการรัฐประหารมีต้นตอทั้งหมดหมดทั้งมวลมาจากอำนาจเก่าที่ขีดเส้นเลยคำว่า “อำมาตย์” ไปไกล

เนื้อหาคำบรรยายของสุนัยฉวัดเฉวียนจริง ๆ มีหลายจุดที่พุ่งตรงไปยังสถาบันฯ ในทำนองว่ารู้เห็นเป็นใจ…ถึงขนาดที่มีคำลักษณะที่หมายถึง “ใบอนุญาตยึดอำนาจ” อะไรทำนองนี้ออกมา จึงไม่แปลกที่พอมีผู้พบเห็นนำคลิปนี้เผยแพร่ต่อผ่านเฟซบุ้คตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดรัฐบาลกระทรวงไอซีทีไม่บล็อกเหมือนกับเว็บไซต์อื่น ๆ แล้วต่อมาก็ถูกลบไปไร้ร่องรอย

ไม่ต้องเป็นฝ่ายตรงกันข้ามหรอกคนที่เป็นกลาง ๆ ที่พอจะมีความรู้พื้นฐานอยู่บ้างย่อมมองเห็นว่ากรอบคิดวิเคราะห์แบบที่สหายขวดใช้บรรยายกับคนเสื้อแดงเป็นกรอบคิดที่มีอคติ ประมาณว่าเอะอะก็โยนให้เรื่องราวทั้งปวงไปที่เป้าหมายเดียว ข้อสังเกตทำนองว่าก่อนรัฐประหารต้องมีการอนุญาต และหลังรัฐประหารให้ดูว่าใครเป็นนายกฯ เป็นสูตรสำเร็จใช้อธิบายครอบคลุมเหตุการณ์ทางการเมืองตลอด 50-60 ปีที่ผ่านมาแล้วก็บอกว่าปัญหาการเมืองไทยเป็นปัญหา “โครงสร้าง” ที่เจาะจงโยน (บาป) ให้อำนาจทางวัฒนธรรมเป็นผู้ร้ายแล้วยกให้พวกส.ส.อำนาจการเมืองในระบบเป็นพระเอก

ย้ำอีกทีว่านี่คือ “ทฤษฎีโยนให้ผู้รับเหมา” วิธีการอธิบายแบบนี้ดูจะจงใจ “ชี้เป้า” โยนปมทั้งหมดไปที่จุด ๆ เดียว หากพูดโดยหลักวิชาการล้วน ๆ กรอบการคิดวิเคราะห์แบบดังกล่าวมีข้อบกพร่องในทางวิชาการอยู่เยอะ

บรรดาปนยาชันปัญญาชนที่เรียกตัวเองว่าเป็นฝ่ายก้าวหน้าประชาธิปไตยจ๋าคงตื่นเต้นกับการเรียนรู้ประวัติศาสตร์การเมืองไทยฉบับแบบที่ส.ส.ขวดนำเสนอมาไม่น้อย สอดคล้องกับการต่อสู้ของคนเสื้อแดงกลุ่มหนึ่งในช่วงสองสามปีมานี้จึงเหมาโหลว่าแก้ปัญหา(อะไรที่ใหญ่กว่า) “อำมาตย์” แล้วการเมืองไทยจะเดินหน้าผ่านวิกฤตได้ ทั้งๆ ที่การรัฐประหารและวิกฤตการณ์การเมืองไทยนับจาก 2475 มีปัจจัยมากมายมาเกี่ยวข้อง แต่ละเหตุการณ์ไม่เหมือนกันอย่างรัฐประหารเงียบครั้งแรกในประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยเกิดเมื่อปี 2476 ฝ่ายพระยาพหลฯ เอาปืนจี้รัฐบาลพระยามโนปกรณ์ฯ ให้ออกจากตำแหน่งทั้งคณะเสร็จแล้วออกพรบ.นิรโทษกรรมให้กับตนเองไม่มีอะไรตรงไหนเกี่ยวกับเจ้าเลย

การรัฐประหาร 2490 เป็นเรื่องคณะราษฏร์สายหลวงพิบูลซัดกับสายหลวงประดิษฐ์ (นี่เขียนแล้วไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน) จากนั้นจอมพล ป. ก็รัฐประหารตัวเอง 2494 เพราะรำคาญนักการเมืองอีกฟากที่ยังอยู่ในสภาการรัฐประหารครั้งนี้อ้างถึงภัยคอมมิวนิสต์ไม่มีตรงไหนที่เกี่ยวถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ พอมาถึงเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ที่หลังเกิดเหตุก็มีนายกรัฐมนตรีพระราชทาน สัญญา ธรรมศักดิ์ ก็ไม่ชอบใจโยงเรื่องผูกไปอีก ตรรกะแบบสุนัยบอกว่าถ้าอยากรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ให้ดูตัวนายกรัฐมนตรี แล้วโน้มน้าวคนฟังทำนองว่าใครอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ปะทะนองเลือดดังกล่าว โอ้โห ! กล้าพูดถึงขนาดนี้ !!

ผมพอจะรู้มาบ้างว่าปนยาชันปัญญาชนที่เรียกตัวเองว่าคนก้าวหน้าเขาเชื่อหัวปักหัวปำกับทฤษฎี “รับเหมา” แบบที่ส.ส.สุนัยนำเสนอปมปัญหาการเมืองไทยหรือรัฐประหารเหตุนองเลือดกี่ครั้ง ๆ พวกเล่นโยนบาปแบบเหมาเข่ง ไม่ได้มองปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ แม้แต่น้อย

ปนยาชันจำนวนหนึ่งตื่นเต้นกับถ้อยแถลงเรื่องกฎหมาย ม.112 ที่สหรัฐอเมริกานำเสนอ ..เชิดชูว่าขนาดประเทศแม่แบบประชาธิปไตยช่วยคนเสื้อแดงปนยาชันหัวก้าวหน้าต่อสู้ ปนยาชันจำนวนนี้ขยะแขยงชิงชังการรัฐประหาร (ซึ่งก็ดีแต่ก็ควรรู้เพิ่มด้วยว่า-) หารู้ไม่ว่าเหตุรัฐประหารยุคแรก ๆ ในประเทศของเราก็มีเงาของสหรัฐอเมริกาทาบทับอยู่ในรายละเอียดเหตุการณ์ตั้งแต่ครั้งกระโน้นอาจจะตั้งแต่ยุค 2490 ที่สถานกงสุลสหรัฐในเซี่ยงไฮ้ขีดฆ่าวีซ่าเข้าประเทศของปรีดี พนมพยงค์ จนต้องลี้ภัยไปจีนไปฝรั่งเศสเลิกคบมหามิตรอเมริกาไปเลยด้วยซ้ำ

กูรูฝ่ายซ้ายมักจะสั่งสอนปนยาชันหัวก้าวหน้าว่าการรัฐประหาร 2500 คือการยึดอำนาจของพวกคลั่งสถาบันฯ มีการรื้อฟื้นราชประเพณีฯลฯ ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์เข้มแข็งขึ้น แล้วก็อธิบายเหตุยึดอำนาจโดยทฤษฎีผู้รับเหมาเหล่าปนยนชันก็ฟังกันหูห้อย โดยไม่ได้เปิดตาดูว่าเหตุการณ์ประวัติศาสตร์แต่ละช่วงมันไม่ได้ง่ายดายเหมือนหนังจักร ๆ วงศ์ ๆ มีพระเอกมีผู้ร้ายสู้กันแล้วก็จบ โลกของความเป็นจริงมีอะไรอีกตั้งหลายอย่างมากกว่านิทาน

หลังสงครามโลกเป็นยุคเริ่มต้นสงครามเย็น จีนกลายเป็นคอมมิวนิสต์แต่ก็เป็นประเทศใหญ่พี่เบิ้มในเอเซียรัฐบาลจอมพลป. ต้องแอบดำเนินการทางการทูตลับ ๆ ติดต่อกับจีน (ดั่งที่ท่านทราบดีกรณีสองพี่น้องพัธโนทัย) การส่งคณะทูตไปเชื่อมสัมพันธ์ต้องแอบ ๆ ไปเพราะกลัวอเมริกากับตะวันตกรู้แต่ที่สุดก็รู้จนได้..มีคดีสำคัญที่คนวงในยุคนั้นเชื่อว่าทูตลับของจอมพล ป.ที่ถูกส่งไปจีนชื่อว่าเลื่อน บัวสุวรรณที่ต่อมาเมื่อกลับเมืองไทยก็เสียชีวิตเพราะเครื่องบินระเบิดเป็นฝีมือสังหารของมหามิตรนั่นเอง บทบาทของมหามิตรและทูตตะวันตกในช่วงปี 2500 ชัดเจนมากต่อการป้องกันไม่ให้ไทยติดต่อสัมพันธ์กับจีนแดง คณะนักเขียนนักข่าวศิลปินที่เดินทางไปจีนยุคนั้นถึงแม้เจ้าหน้าที่ไทยจะไม่รู้แต่ก็ได้รับอนุเคราะห์แจ้งข่าวสารจากมหามิตรตะวันตกทั้งจากอเมริกาและยุโรปด้วยดี รัฐบาลปฏิวัติ 2500 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ต่างจากยุคจอมพล ป.เรื่องการ(แอบ)คบกับจีนเพราะยุคสฤษดิ์เป็นยุคอเมริกันจ๋าไล่ล่าคอมมิวนิสต์ การรัฐประหาร 2500 จึงเป็นส่วนหนึ่งของการจัดระเบียบความสัมพันธ์โลกในยุคต้นสงครามเย็นนั่นเอง ปนยาชันหัวก้าวหน้าที่มองการเมืองไทยแบบนิทานจักร ๆ วงศ์ ๆ เคยนำปัจจัยเรื่องสงครามเย็นและความสัมพันธ์กับมหาอำนาจมาประกอบการมองหรือไม่ ?

อันที่จริงผมรู้จักเพื่อนฝูงน้องนุ่งที่ทั้งเป็นปัญญาชน และก็เป็นปนยาชัน (คือระดับอยากก้าวหน้าแต่ควอลิฟายด์ยังไม่ถึงขอตามแห่ให้ได้มีกลิ่นอายก้าวหน้าติดตัว)อยู่พอสมควร ด้วยความที่มีจิตใจร้อนระอุเชื่อว่าตัวเองอยู่ฝ่ายธรรมะ ซึ่งไอ้ความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้เสียหายอะไร(คนที่ผ่านมาวัยหนุ่มสาวมาคงเข้าใจดี)ปัญหาใหญ่จริง ๆ ของปนยาชันยุคนี้คือการขาดแคลนข้อมูลรอบด้าน เฉพาะการมีแต่ใจร้อนระอุอย่างเดียวมันไม่พอการถูกหลอกใช้ก็ถือเป็นความล้มเหลว ตัวอย่างมีเยอะแยะอย่างพวกซ้ายอกหักตลอดกาลนี่ยังไงอุตส่าห์ร่วมสู้ร่วมช่วยไปเยอะที่สุดรัฐบาลน้องทักษิณก็ไม่คบ กลายเป็นพวกถูกหลอกใช้อกหักซ้ำซาก

คือถ้าเป็นชาวบ้านร้านตลาด จตุพร เจ๋ง ดอกจิก หรือแรมโบ้ว่าอะไรมาก็พร้อมเชื่อก็ว่าไปอย่าง แต่นี่คนจบมหาวิทยาลัยเข้าอินเตอร์เน็ตอ่านภาษาอังกฤษออกแทบทั้งนั้นแต่ไหงยิ่ง(รู้สึกว่า)ก้าวหน้า(สมอง) ยิ่งคับแคบไปได้ ฟังคลิปสุนัยปั๊บเออใช่ทันที ไม่มีความคิดแย้งเลยเหรอ รสช.ทำรัฐประหาร 2534 พวกก็อธิบายเฉไฉขึ้นไปถึงโน่น

ปนยาชันถูกแกนนำเวทีเสื้อแดงตอกย้ำว่าการรัฐประการเลวร้ายไม่มีที่ติ แต่ไม่ได้ย้อนไปมองว่าแกนนำอย่าง วีระกานต์ มุสิกพงศ์ เคยเป็นผู้ต้องหากบฏจากการพยายามรัฐประหารไม่สำเร็จ ทักษิณ ชินวัตร เติบโตมาจากยุครสช. สุนัย จุลพงศธร เหยียดหยามพวกรัฐประหารแต่เคยเป็นคนสนิทและส.ส.พรรคน้าชาติ-พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ สุนัยทำเป็นลืมไปว่าการรัฐประหาร 2490 ที่นำโดยจอมพลผินนั้นมีนายทหารชื่อ ร.อ.สมบุญ ชุณหะวัณ (ต่อมาเปลี่ยนเป็นชาติชาย) เข้าร่วมก่อการด้วย ย้อนหลังกลับไปก่อนปี 2490 มีคณะราษฏรสักกี่คนที่ไม่แปดเปื้อนกับการจับปืนยึดอำนาจในยุคหลังจากนั้น ก็ในเมื่อข้อเท็จจริงของการเมืองไทยตลอด 79 ปีมันเป็นเช่นนี้พวกคุณจู่ ๆ ก็ใช้กรอบแว่นตามองโลกแบบปัจจุบันมามองแล้วก็เบะปากเหยียดหยามไปหมด ไม่ต้องอะไรมากแค่ส.ส.เพื่อไทยกี่คนที่เคยร่วมพรรคสามัคคีธรรมของรสช.พวกนี้ก็ต้องเป็นเป้าหมายไม่ยอมรับด้วยใช่หรือไม่ ?

แท้จริงแล้วพวกคุณเรียนประวัติศาสตร์แค่ครึ่งเล่มก็คือเล่มที่แกนนำเลือกหยิบมาอธิบายว่าคนโน้นคนนี้ของอีกฝ่ายเคยเกี่ยวข้องกับการรัฐประหารแต่แกนนำกลับไม่เปิดอีกครึ่งเล่มที่เหลือบอกว่า คนที่เกี่ยวข้องอยู่ในแวดวงเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายก้าวหน้าประชาธิปไตยก็แปดเปื้อนกับการรัฐประหารมะล่อกมะแล่กเหมือนกัน

การเมืองมีพัฒนาการของมันเป็นลำดับมาครับ ! เมื่อช่วงปี 2500 ตอนที่อเมริกาสนับสนุนเผด็จการทำรัฐประหารไปค่อนโลกก็เพราะสงครามเย็น ในตอนนั้นโรซ่า ปาร์คเกอร์ ยังนั่งประท้วงอยู่บนรถเมล์ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง ยังไม่ได้ประกาศ “I have a dream” กระแสสิทธิมนุษยชนความเท่าเทียมอะไรต่าง ๆ เพิ่งจะมาโหมกันตอนหลังยุคสงครามเย็นและการประกาศฉันทามติวอชิงตันนี่เอง เพราะฉะนั้นไม่ควรจะหยิบแว่นตาสีดังกล่าวมองย้อนไปตัดสินอดีต มิฉะนั้นคุณก็ต้องตัดสินโลกทั้งใบตั้งแต่เจงกิสข่าน อเล็กซานเดอร์มหาราช ซีซาร์ นโปเลียนฯลฯอะไรผิดหมด ต่อให้ยุคจอร์จ วอชิงตันก็ผิดเพราะตอนนั้นผู้หญิงอเมริกันยังไม่มีสิทธิ์เลือกตั้งเลย และกรอบการมองแบบดังกล่าวนี่เองที่ส.ส.สุนัย จุลพงศธรใช้อธิบายการเมืองไทยแบบในคลิป (แล้วก็มีปนยาชันเชิดชูกัน)

เราศึกษาสนใจเรื่องราวอดีตเพื่อเรียนรู้ปัจจุบันมองปัจจุบันได้ชัดเจนขึ้น จริงครับ, ประเทศไทยของเรามีปัญหาการเมืองไม่ดีเอาเสียเลย ซึ่งที่สุดแล้วการแก้จะต้องผ่านการเปลี่ยนแปลงใหญ่ระดับการปฏิรูปการเมืองที่ไม่ใช่แค่การแก้กฏหมายรัฐธรรมนูญเพียงประการเดียว แต่หากปนยาชันมองว่าการแก้ปัญหาการเมืองคือการตัดเอาโครงสร้างบางส่วนออกไปแล้วคือการแก้ปัญหาทั้งหมดแล้วไซร้ ผมว่าปนยาชันคิดผิดอย่างแน่นอน

เรื่องแนวทางการแก้ปัญหาแบบของใครผิดถูกตรงประเด็นกว่ากันต้องว่ากันยาวอีกหลายยก วันนี้ขอพูดเรื่องคลิปสุนัยกับปนยาชัน เหตุเพราะมีปนยาชันบางคนชื่นชมเสียเหลือเกิน โหมประโคมทำนองว่าเอาเรื่องลึกลับที่ไม่มีใครพูดถึงมาก่อนทำให้ฉลาดเฉลียวขึ้นประมาณนั้น แต่ผมกลับมองว่าวิธีการแบบนี้เป็นการตัดต่อประวัติศาสตร์เลือกหยิบเฉพาะบางหน้ามารับใช้จุดมุ่งหมาย ถ้าปนยาชันยังเชื่อเขาอยู่ ปนยาชันก็คงต้องเป็นปนยาชันดักดานอยู่เงี้ยะ !!
กำลังโหลดความคิดเห็น