รัฐบาลใหม่ออกเดินเครื่องเรียบร้อยแล้ว ด้วยครม.ใหม่เอี่ยมนี้เรียกว่า ครม.ต่างตอบแทน ก็ว่าได้ เพราะมาจากการคัดสรรตามโควตาของพื้นที่ว่าใครได้ส.ส.เข้ามามากก็ได้รัฐมนตรีมากไปด้วย รัฐมนตรีจึงมาได้ด้วยเหตุนี้มากว่าเป็นไปตามความสามารถและความเหมาะสมที่แท้จริง
การประชุมครม.นัดแรกเป็นการประชุมที่รัฐมนตรีต่างคนต่างออกมาให้ความเห็นเป็นการปูทางว่าจะทำงานตามหน้าที่และตามตำแหน่งอย่างไรกันบ้าง เช่น รมต.ประจำสำนักนายกฯ ที่ทำหน้าที่ดูแลสื่อก็ออกมาว่าจะให้สื่อมีความเป็นกลางและสร้างสรรค์เป็นที่ยอมรับ ซึ่งพูดอย่างนี้ใครๆ ก็พูดได้ และไม่มีอะไรใหม่ พูดน่ะพูดได้ แต่ทำได้ยากเพราะใครที่เข้ามาใหม่ๆ ต่างก็พูดอย่างนี้ทุกคน นอกจากนั้นรมต.ท่านนี้ยังบอกว่าสื่อเสื้อเหลืองหรือเสื้อแดง ตนจะทำให้นำเสนอเรื่องราวที่คนส่วนใหญ่ยอมรับได้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าสื่อแบบนี้เป็นสื่อเฉพาะกลุ่ม แต่เขาก็มีเนื้อหาตอบสนองคนส่วนใหญ่อยู่ในบางรายการเหมือนกัน
พูดอย่างนี้แสดงว่าคงไม่ได้เคยดูรายการของเขา
เสร็จแล้วก็มาพาดพิงวิทยุชุมชนว่า จะจัดระเบียบวิทยุชุมชน ทั้งๆ ที่เรื่องนี้พูดกันมานานแล้ว แต่เห็นแล้วว่าเหลวทุกที เพราะมันมีอะไรที่ซับซ้อน ไม่ใช่แค่ลมปากที่มาพูดกันว่าจะแก้หรือจัดระเบียบกันลอยๆ
ส่วนรมว.กลาโหมก็ออกมาแสดงความเห็น โดยให้สัมภาษณ์ว่าตนได้รับเชิญจากพลเอกเตีย บันห์รองนายกฯ และรมว.กลาโหมกัมพูชา ให้ไปเยือนอย่างเป็นทางการในนามรมว.กลาโหมเรียบร้อยแล้ว โดยว่าทางกัมพูชาจะรับรองอย่างดียิ่ง ตนเองก็รับปากจะไปหลังจากแถลงนโยบายในสภาเรียบร้อยแล้ว
รมว.คลังออกมาไม่ตอบโต้กรณีอดีตรมต.กรณ์ จาติกวณิช พูดพาดพิงวิจารณ์ว่ารมว.คลังน่าจะเอาคนในมาเป็นมากกว่าเอาคนนอก และว่าสภาพเศรษฐกิจแบบนี้มีการผันผวนทั้งกรณีสหรัฐฯ และยุโรป ตนต้องหารือกับหลายฝ่ายจะเอาเวลาที่ไหนมาสนใจคำวิจารณ์จากคนอื่น
ร.ต.อ.เฉลิมบอกว่าเรื่องส.ส.บัญชีรายชื่อเมื่อรับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีแล้ว จะต้องลาออกหรือไม่นั้นทางนายกรัฐมนตรียังไม่ว่าอะไร และเรื่องนี้ต้องรอดูว่าทางพรรคจะเอาอย่างไร ที่ผ่านมาเมื่อมีการลาออกก็จะให้คนถัดไปขึ้นมาเป็นส.ส.แทนที่ คนที่ลาออกซึ่งตนเห็นว่าการลาออกเป็นเรื่องเล็ก แต่เรื่องนี้พรรคจะต้องหารือกันอีกครั้ง
รมว.ที่ถูกวิจารณ์ในการแต่งตั้งมากที่สุดว่าไม่เหมาะสมในตำแหน่งเห็นจะเป็น รมว.กระทรวงการต่างประเทศ นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ใครๆ มองว่า นี่เป็นจุดอ่อนที่สุดในรัฐบาลชุดนี้ แต่ยิ่งลักษณ์ในฐานะนายกรัฐมนตรีกลับออกมาปกป้อง และว่าเขาเป็นผู้มีวิสัยทัศน์และมีความรู้ความสามารถหลายด้าน น่าจะทำหน้าที่นี้ได้ดี ส่วนที่ว่านายสุรพงษ์เตรียมคืนพาสปอร์ตแดงให้อดีตนายกทักษิณนั้นจริงหรือไม่ ยิ่งลักษณ์กลับตอบเลี่ยงประเด็นไปว่ายามนี้ทุกคนควรพูดถึงการทำงานเพื่อชาติไปเสียฉิบ
ครับ..สำหรับการทำงานโดยทั่วๆ ไป คุณยิ่งลักษณ์แกว่าจะทำงานโดยยึดเอาพระกระแสรับสั่งของในหลวงตอนที่ไปถวายสัตย์ปฏิญญาณ ว่าพระองค์ทรงอยากเห็นบ้านเมืองของเราก้าวไปสู่ความสามัคคีปรองดองรักกัน ตนจะทำหน้าที่นี้ตามที่รับสั่ง
ในที่ประชุมครม.นัดแรกนี้ นายกฯยิ่งลักษณ์ ได้ขอร้องรัฐมนตรีทุกคนว่า อยากให้ทำงานกันอย่างบูรณาการและให้เป็นทีมเวิร์กกันอีกด้วย
ผู้เขียนเห็นว่า การเน้นเรื่องทั้งสองเป็นเพราะครม.ต่างตอบแทนเป็นเรื่องของการสรรหารัฐมนตรีกันมากแบบร้อยพ่อพันธุ์แม่ ต่างคนต่างมา มีการทำงานกันคนละแบบ จำเป็นต้องใช้เวลาที่จะต้องปรับเข้าหากัน เพราะอย่างน้อยก็จะต้องรู้ใจกันก่อนว่า วิธีการทำงานกันคนละแบบนั้นเข้าขากันได้หรือไม่ และแต่ละคนมีสไตล์การทำงานกันอย่างไร
พูดง่ายๆ ต่างคนต่างมีที่มาต่างกันจะให้เข้าขากันเลยในทันทีเป็นเรื่องยาก
สำหรับนักวิชาการและสื่อมวลชนบางส่วนเห็นว่าครม.ชุดต่างตอบแทนนี้ ไม่น่าประทับใจนัก เพราะแต่ละคนต่างไม่มีประวัติการทำงานที่ตรงกับสายงานทีเดียวนัก และบางคนก็เป็นมือใหม่ บางคนก็แก่เกินไปกับตำแหน่งหน้าที่ บางคนก็ไม่เหมาะหรือเหมาะกับตำแหน่งอื่นมากกว่า
เรียกว่าอยู่ในตำแหน่งที่ผิดฝาผิดตัวกันหลายคนว่างั้นเถอะ
ในด้านนโยบาย รัฐบาลมีปัญหาตรงที่ต้องทำนโยบายเร่งด่วนในการหาเสียงคือ การแก้ไขปัญหายาเสพติด ค่าแรงขั้นต่ำ ๓๐๐ บาทต่อวัน ปัญหาปากท้อง บัตรเครดิตเกษตรกร ปัญหาแจกแทบเล็ต ปัญหาแก้ไขน้ำท่วม รวมทั้งนโยบายปรองดอง
สิ่งเหล่านี้ต้องทำโดยเร็วเพราะหาเสียงไว้และต้องทำให้เห็นเป็นรูปธรรมด้วย
ครม.ชุดใหม่นี้กว่าจะเข้ารูปเข้ารอยน่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า ๓ เดือนถึงเวลานั้นนโยบายเร่งด่วนจะไปถึงไหนคงไม่มีใครรู้
การประชุมครม.นัดแรกเป็นการประชุมที่รัฐมนตรีต่างคนต่างออกมาให้ความเห็นเป็นการปูทางว่าจะทำงานตามหน้าที่และตามตำแหน่งอย่างไรกันบ้าง เช่น รมต.ประจำสำนักนายกฯ ที่ทำหน้าที่ดูแลสื่อก็ออกมาว่าจะให้สื่อมีความเป็นกลางและสร้างสรรค์เป็นที่ยอมรับ ซึ่งพูดอย่างนี้ใครๆ ก็พูดได้ และไม่มีอะไรใหม่ พูดน่ะพูดได้ แต่ทำได้ยากเพราะใครที่เข้ามาใหม่ๆ ต่างก็พูดอย่างนี้ทุกคน นอกจากนั้นรมต.ท่านนี้ยังบอกว่าสื่อเสื้อเหลืองหรือเสื้อแดง ตนจะทำให้นำเสนอเรื่องราวที่คนส่วนใหญ่ยอมรับได้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าสื่อแบบนี้เป็นสื่อเฉพาะกลุ่ม แต่เขาก็มีเนื้อหาตอบสนองคนส่วนใหญ่อยู่ในบางรายการเหมือนกัน
พูดอย่างนี้แสดงว่าคงไม่ได้เคยดูรายการของเขา
เสร็จแล้วก็มาพาดพิงวิทยุชุมชนว่า จะจัดระเบียบวิทยุชุมชน ทั้งๆ ที่เรื่องนี้พูดกันมานานแล้ว แต่เห็นแล้วว่าเหลวทุกที เพราะมันมีอะไรที่ซับซ้อน ไม่ใช่แค่ลมปากที่มาพูดกันว่าจะแก้หรือจัดระเบียบกันลอยๆ
ส่วนรมว.กลาโหมก็ออกมาแสดงความเห็น โดยให้สัมภาษณ์ว่าตนได้รับเชิญจากพลเอกเตีย บันห์รองนายกฯ และรมว.กลาโหมกัมพูชา ให้ไปเยือนอย่างเป็นทางการในนามรมว.กลาโหมเรียบร้อยแล้ว โดยว่าทางกัมพูชาจะรับรองอย่างดียิ่ง ตนเองก็รับปากจะไปหลังจากแถลงนโยบายในสภาเรียบร้อยแล้ว
รมว.คลังออกมาไม่ตอบโต้กรณีอดีตรมต.กรณ์ จาติกวณิช พูดพาดพิงวิจารณ์ว่ารมว.คลังน่าจะเอาคนในมาเป็นมากกว่าเอาคนนอก และว่าสภาพเศรษฐกิจแบบนี้มีการผันผวนทั้งกรณีสหรัฐฯ และยุโรป ตนต้องหารือกับหลายฝ่ายจะเอาเวลาที่ไหนมาสนใจคำวิจารณ์จากคนอื่น
ร.ต.อ.เฉลิมบอกว่าเรื่องส.ส.บัญชีรายชื่อเมื่อรับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีแล้ว จะต้องลาออกหรือไม่นั้นทางนายกรัฐมนตรียังไม่ว่าอะไร และเรื่องนี้ต้องรอดูว่าทางพรรคจะเอาอย่างไร ที่ผ่านมาเมื่อมีการลาออกก็จะให้คนถัดไปขึ้นมาเป็นส.ส.แทนที่ คนที่ลาออกซึ่งตนเห็นว่าการลาออกเป็นเรื่องเล็ก แต่เรื่องนี้พรรคจะต้องหารือกันอีกครั้ง
รมว.ที่ถูกวิจารณ์ในการแต่งตั้งมากที่สุดว่าไม่เหมาะสมในตำแหน่งเห็นจะเป็น รมว.กระทรวงการต่างประเทศ นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ใครๆ มองว่า นี่เป็นจุดอ่อนที่สุดในรัฐบาลชุดนี้ แต่ยิ่งลักษณ์ในฐานะนายกรัฐมนตรีกลับออกมาปกป้อง และว่าเขาเป็นผู้มีวิสัยทัศน์และมีความรู้ความสามารถหลายด้าน น่าจะทำหน้าที่นี้ได้ดี ส่วนที่ว่านายสุรพงษ์เตรียมคืนพาสปอร์ตแดงให้อดีตนายกทักษิณนั้นจริงหรือไม่ ยิ่งลักษณ์กลับตอบเลี่ยงประเด็นไปว่ายามนี้ทุกคนควรพูดถึงการทำงานเพื่อชาติไปเสียฉิบ
ครับ..สำหรับการทำงานโดยทั่วๆ ไป คุณยิ่งลักษณ์แกว่าจะทำงานโดยยึดเอาพระกระแสรับสั่งของในหลวงตอนที่ไปถวายสัตย์ปฏิญญาณ ว่าพระองค์ทรงอยากเห็นบ้านเมืองของเราก้าวไปสู่ความสามัคคีปรองดองรักกัน ตนจะทำหน้าที่นี้ตามที่รับสั่ง
ในที่ประชุมครม.นัดแรกนี้ นายกฯยิ่งลักษณ์ ได้ขอร้องรัฐมนตรีทุกคนว่า อยากให้ทำงานกันอย่างบูรณาการและให้เป็นทีมเวิร์กกันอีกด้วย
ผู้เขียนเห็นว่า การเน้นเรื่องทั้งสองเป็นเพราะครม.ต่างตอบแทนเป็นเรื่องของการสรรหารัฐมนตรีกันมากแบบร้อยพ่อพันธุ์แม่ ต่างคนต่างมา มีการทำงานกันคนละแบบ จำเป็นต้องใช้เวลาที่จะต้องปรับเข้าหากัน เพราะอย่างน้อยก็จะต้องรู้ใจกันก่อนว่า วิธีการทำงานกันคนละแบบนั้นเข้าขากันได้หรือไม่ และแต่ละคนมีสไตล์การทำงานกันอย่างไร
พูดง่ายๆ ต่างคนต่างมีที่มาต่างกันจะให้เข้าขากันเลยในทันทีเป็นเรื่องยาก
สำหรับนักวิชาการและสื่อมวลชนบางส่วนเห็นว่าครม.ชุดต่างตอบแทนนี้ ไม่น่าประทับใจนัก เพราะแต่ละคนต่างไม่มีประวัติการทำงานที่ตรงกับสายงานทีเดียวนัก และบางคนก็เป็นมือใหม่ บางคนก็แก่เกินไปกับตำแหน่งหน้าที่ บางคนก็ไม่เหมาะหรือเหมาะกับตำแหน่งอื่นมากกว่า
เรียกว่าอยู่ในตำแหน่งที่ผิดฝาผิดตัวกันหลายคนว่างั้นเถอะ
ในด้านนโยบาย รัฐบาลมีปัญหาตรงที่ต้องทำนโยบายเร่งด่วนในการหาเสียงคือ การแก้ไขปัญหายาเสพติด ค่าแรงขั้นต่ำ ๓๐๐ บาทต่อวัน ปัญหาปากท้อง บัตรเครดิตเกษตรกร ปัญหาแจกแทบเล็ต ปัญหาแก้ไขน้ำท่วม รวมทั้งนโยบายปรองดอง
สิ่งเหล่านี้ต้องทำโดยเร็วเพราะหาเสียงไว้และต้องทำให้เห็นเป็นรูปธรรมด้วย
ครม.ชุดใหม่นี้กว่าจะเข้ารูปเข้ารอยน่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า ๓ เดือนถึงเวลานั้นนโยบายเร่งด่วนจะไปถึงไหนคงไม่มีใครรู้
