ในที่สุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเราก็มี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากกว่า 95% และสามารถจะเปิดประชุมสภา ได้ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ และเราก็กำลังจะได้มานายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย ภายในเดือนสิงหาคมนี้ หรืออย่างช้าน่าจะเป็นช่วงต้นเดือนหน้า
การทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เป็นเรื่องที่ประชาชน นักวิชาการและหลายๆภาคส่วนต่างก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง เรียกได้ว่าเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ไปช่วงหนึ่งเลยทีเดียว
เช่นเรื่องบัตรเลือกตั้งที่พิมพ์เกินจำนวนมากจนผิดสังเกต จะบอกว่ากลัวเรื่องบัตรเสียหายก็คงอ้างไม่ค่อยขึ้น จะบอกว่าสำรองไว้ก็เห็นท่าจะมากไปหน่อย เมื่อเทียบกับจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง
เรื่องการร้องเรียนการซื้อสิทธ์ขายเสียงที่ว่าเยอะๆ ก็หายเงียบเข้ากลีบเมฆไป กกต.ไม่เห็นจะมีทีท่าว่าจะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อลงดาบฟันบรรดานักการเมืองเลวได้สักคน
หรือการหาเสียงด้วยนโยบายที่เกินจริงนโยบายขายฝันของพรรคการเมืองต่างๆ ที่สุดท้ายเมื่อเข้ามาแล้วก็ทำไม่ได้ เช่น นโยบายค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท ของพรรคเพื่อไทยที่ติดป้ายไปทั่วประเทศ แต่พอเอาเข้าจริงก็บอกว่าจะเริ่มทำแค่ที่กรุงเทพฯก่อน
แล้วจะติดป้ายไปทั่วประเทศทำไม ถ้าไม่ใช่เพราะเล่ห์เหลี่ยมของพรรคการเมือง ที่โกหกหลอกล่อหวังคะแนนเสียง แถมหลังจากออกมาพูดเรื่องนี้ได้ไม่กี่วัน ผมก็ได้เห็นข่าวว่า พรรคเพื่อไทยบอกว่าจะขอศึกษาผลกระทบก่อน แล้วค่อยมาว่ากันอีกทีว่าจะขึ้นค่าแรงได้ไหม ประมาณว่านโยบายนี้แค่มีไว้หาเสียงเท่านั้นไม่ได้ศึกษาความเป็นไปได้ หรือเตรียมข้อมูลต่างๆอย่างรอบด้านมาก่อน
นี่ยังไม่นับนโยบายอื่นๆมากมายที่ต่างก็งัดกันออกมา เพื่อดึงคะแนนจากประชาชน และยังไม่เห็นการวางแผนเพื่อนำนโยบายไปปฏิบัติเลยสักนโยบายเดียว
กกต.มีหน้าที่มากมายที่จะต้องรับผิดชอบ และมีอำนาจล้นฟ้า เพราะเกือบทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง เป็นหน้าที่และอยู่ในการดูแลของ กกต.
แถมเวลาสืบสวน สอบสวน การร้องเรียนจากทุกฝ่ายในการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งต่างๆนาๆ เรียกได้ว่าทุกอย่างลงที่ กกต. เลยทีเดียว
รวมความแล้ว เห็นได้ว่า ภาระหน้าที่สูงมาก แต่กกต.ไม่มีน้ำยาพอจะปฏิบัติหน้าที่ เรื่องร้องเรียนในการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ว่าจะซื้อเสียง ขาย เสียง แจกของ และอีกหลาย กรณีที่ถูกร้องเรียน ซึ่งสุดท้ายแล้ว กกต.ก็ไม่สามารถจะลงโทษได้ ไม่ว่าจะพรรคไหนก็ตาม
หรือกรณีอย่างบัตรเลือกตั้งที่ไปโผล่ตามกองขยะหรือทิ้งตามที่โน่นที่นี่ กกต. ก็ไม่สามารถชี้แจ้งได้เลยสักครั้ง
อีกเรื่องที่เป็นข้อสงสัยของชาวบ้านทั่วไปก็คือ การขอใช้สิทธิ์นอกเขต ที่ใครขอใช้สิทธิ์เลือกตั้งที่เขตไหนไว้ในคราวก่อน ครั้งนี้ก็ต้องไปใช้สิทธิ์ที่เดิม กกต.ไม่ได้ย้ายเขตกลับมาให้ ความบกพร่องนี้ ทำเอาประชาชนกว่าสองล้านคน ไม่ได้ใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ทั้งที่เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของประชาชน
มองในมุมกลับกัน กกต.ไม่แข็งแรงพอจะทำหน้าที่ หรือ กกต.จงใจละเลย จะมีสาเหตุใดก็ตาม เมื่อทำหน้าที่ไม่ได้ ก็ควรต้องทบทวนบทบาทอำนาจหน้าที่ โครงสร้างส่วนประกอบของกกต. เสียใหม่เช่นการต้องกระจายภาระงาน กระจายอำนาจ ไปให้องค์กรอื่นๆที่ประชาชนเชื่อมั่นไว้วางใจ หรือให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมและตรวจสอบได้มากกว่านี้
บางครั้งพวกเราเองก็อาจจะต้องเห็นใจ กกต. เพราะถ้าทำหน้าที่จริงๆ พวกเขาทำงานให้คนกว่าสี่สิบล้านคน ภาระงานหนักมาก ทุกเรื่องมาลงที่กกต. แถมกกต.ยังทำหน้าที่เสี่ยงที่จะทำผิดกฎหมายติดคุกติดตะรางเสียเอง เหมือนอย่างกกต.ชุดก่อนหน้านี้
การปล่อยคนเสื้อแดงบางส่วนเข้าสภาก็เป็นอีกหนึ่งเรื่อง ที่ผมเชื่อว่าประชาชนบางส่วนไม่พอใจ เพราะทุกคนรู้และเห็นหมดแล้วว่าใครเป็นคนสั่ง เผา ใครทิ้งประชาชน หนีเอาตัวรอด
ผมมีข้อเสนอถึง กกต. และผู้ที่เกี่ยวข้องสองข้อใหญ่ๆที่อยากจะให้เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าจะเป็นไปได้ยากก็เถอะ
ข้อแรก สิ่งที่ผมอยากจะเห็นคือการคานอำนาจกัน การตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินหรือการชี้แจงบัญชีทรัพย์สินของ เหล่า 5 เสือ กกต. และอาจจะตรวจสอบลึกไปถึงคนในครอบครัว เพื่อป้องกันการได้รับเงินสินบน หรือเรียกรับผลประโยชน์จากนักการเมือง เพื่อแลกกับการผ่านการตรวจสอบจาก กกต.
ข้อที่สอง สิ่งที่ผมอยากให้มีคือ ถ้าหากมีการเลือกตั้งซ่อมไม่ว่าจะพื้นที่ไหน กกต. และนักการเมืองที่ถูกคาดโทษไม่ว่าจะใบเหลืองหรือใบแดง ควรเป็นผู้ออกเงินค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งซ่อมทุกบาท ทุกสตางค์ เพราะการต้องเลือกตั้งใหม่ มาจากการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งของนักการเมือง ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
ส่วนท่าน กกต. ที่ดูแลการเลือกตั้งได้ใม่ดีพอ จนมีการซื้อเสียงและมีการแจกใบเหลืองใบแดง พวกท่านเองก็ควรมีส่วนรับผิดชอบในเรื่องนี้ด้วย เพราะต้องไม่ลืมว่าคนทำผิดกับคนที่ปล่อยให้เขาทำผิด ควรจะมีส่วนร่วมกันในการรับผิดชอบ ประชาชนไม่ควรจะต้องมารับผิดชอบต่อเรื่องนี้ ด้วยการเอาเงินภาษีของชาวบ้านมาจัดการเลือกตั้งอีก
ก่อนจากกันวันนี้ผมหวังว่า กกต. จะทำตามหน้าที่อย่างที่เคยบอกว่า อาจจะต้องปล่อยด้วยการประกาศรับรองสส.ไปก่อน แล้วค่อยสอยทีหลัง ก็รบกวน สอยให้จริงนะครับ ไม่ใช่ปล่อยไปแล้วทำเป็นลืมคำพูดของตัวเอง เพราะกกต.เป็น กรรมการการเลือกตั้งนะครับ ไม่ใช่ ว่ากกต. ย่อ (จากคำไม่สุภาพ) ว่า กูกลัวตอ เลยไม่กล้าทำอะไรเลย ถ้าไม่กล้าก็ไม่รู้จะอยู่ในตำแหน่งต่อไปทำไม จริงไหมครับ พ่อแม่พี่น้อง
การทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เป็นเรื่องที่ประชาชน นักวิชาการและหลายๆภาคส่วนต่างก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง เรียกได้ว่าเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ไปช่วงหนึ่งเลยทีเดียว
เช่นเรื่องบัตรเลือกตั้งที่พิมพ์เกินจำนวนมากจนผิดสังเกต จะบอกว่ากลัวเรื่องบัตรเสียหายก็คงอ้างไม่ค่อยขึ้น จะบอกว่าสำรองไว้ก็เห็นท่าจะมากไปหน่อย เมื่อเทียบกับจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง
เรื่องการร้องเรียนการซื้อสิทธ์ขายเสียงที่ว่าเยอะๆ ก็หายเงียบเข้ากลีบเมฆไป กกต.ไม่เห็นจะมีทีท่าว่าจะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อลงดาบฟันบรรดานักการเมืองเลวได้สักคน
หรือการหาเสียงด้วยนโยบายที่เกินจริงนโยบายขายฝันของพรรคการเมืองต่างๆ ที่สุดท้ายเมื่อเข้ามาแล้วก็ทำไม่ได้ เช่น นโยบายค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท ของพรรคเพื่อไทยที่ติดป้ายไปทั่วประเทศ แต่พอเอาเข้าจริงก็บอกว่าจะเริ่มทำแค่ที่กรุงเทพฯก่อน
แล้วจะติดป้ายไปทั่วประเทศทำไม ถ้าไม่ใช่เพราะเล่ห์เหลี่ยมของพรรคการเมือง ที่โกหกหลอกล่อหวังคะแนนเสียง แถมหลังจากออกมาพูดเรื่องนี้ได้ไม่กี่วัน ผมก็ได้เห็นข่าวว่า พรรคเพื่อไทยบอกว่าจะขอศึกษาผลกระทบก่อน แล้วค่อยมาว่ากันอีกทีว่าจะขึ้นค่าแรงได้ไหม ประมาณว่านโยบายนี้แค่มีไว้หาเสียงเท่านั้นไม่ได้ศึกษาความเป็นไปได้ หรือเตรียมข้อมูลต่างๆอย่างรอบด้านมาก่อน
นี่ยังไม่นับนโยบายอื่นๆมากมายที่ต่างก็งัดกันออกมา เพื่อดึงคะแนนจากประชาชน และยังไม่เห็นการวางแผนเพื่อนำนโยบายไปปฏิบัติเลยสักนโยบายเดียว
กกต.มีหน้าที่มากมายที่จะต้องรับผิดชอบ และมีอำนาจล้นฟ้า เพราะเกือบทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง เป็นหน้าที่และอยู่ในการดูแลของ กกต.
แถมเวลาสืบสวน สอบสวน การร้องเรียนจากทุกฝ่ายในการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งต่างๆนาๆ เรียกได้ว่าทุกอย่างลงที่ กกต. เลยทีเดียว
รวมความแล้ว เห็นได้ว่า ภาระหน้าที่สูงมาก แต่กกต.ไม่มีน้ำยาพอจะปฏิบัติหน้าที่ เรื่องร้องเรียนในการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ว่าจะซื้อเสียง ขาย เสียง แจกของ และอีกหลาย กรณีที่ถูกร้องเรียน ซึ่งสุดท้ายแล้ว กกต.ก็ไม่สามารถจะลงโทษได้ ไม่ว่าจะพรรคไหนก็ตาม
หรือกรณีอย่างบัตรเลือกตั้งที่ไปโผล่ตามกองขยะหรือทิ้งตามที่โน่นที่นี่ กกต. ก็ไม่สามารถชี้แจ้งได้เลยสักครั้ง
อีกเรื่องที่เป็นข้อสงสัยของชาวบ้านทั่วไปก็คือ การขอใช้สิทธิ์นอกเขต ที่ใครขอใช้สิทธิ์เลือกตั้งที่เขตไหนไว้ในคราวก่อน ครั้งนี้ก็ต้องไปใช้สิทธิ์ที่เดิม กกต.ไม่ได้ย้ายเขตกลับมาให้ ความบกพร่องนี้ ทำเอาประชาชนกว่าสองล้านคน ไม่ได้ใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ทั้งที่เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของประชาชน
มองในมุมกลับกัน กกต.ไม่แข็งแรงพอจะทำหน้าที่ หรือ กกต.จงใจละเลย จะมีสาเหตุใดก็ตาม เมื่อทำหน้าที่ไม่ได้ ก็ควรต้องทบทวนบทบาทอำนาจหน้าที่ โครงสร้างส่วนประกอบของกกต. เสียใหม่เช่นการต้องกระจายภาระงาน กระจายอำนาจ ไปให้องค์กรอื่นๆที่ประชาชนเชื่อมั่นไว้วางใจ หรือให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมและตรวจสอบได้มากกว่านี้
บางครั้งพวกเราเองก็อาจจะต้องเห็นใจ กกต. เพราะถ้าทำหน้าที่จริงๆ พวกเขาทำงานให้คนกว่าสี่สิบล้านคน ภาระงานหนักมาก ทุกเรื่องมาลงที่กกต. แถมกกต.ยังทำหน้าที่เสี่ยงที่จะทำผิดกฎหมายติดคุกติดตะรางเสียเอง เหมือนอย่างกกต.ชุดก่อนหน้านี้
การปล่อยคนเสื้อแดงบางส่วนเข้าสภาก็เป็นอีกหนึ่งเรื่อง ที่ผมเชื่อว่าประชาชนบางส่วนไม่พอใจ เพราะทุกคนรู้และเห็นหมดแล้วว่าใครเป็นคนสั่ง เผา ใครทิ้งประชาชน หนีเอาตัวรอด
ผมมีข้อเสนอถึง กกต. และผู้ที่เกี่ยวข้องสองข้อใหญ่ๆที่อยากจะให้เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าจะเป็นไปได้ยากก็เถอะ
ข้อแรก สิ่งที่ผมอยากจะเห็นคือการคานอำนาจกัน การตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินหรือการชี้แจงบัญชีทรัพย์สินของ เหล่า 5 เสือ กกต. และอาจจะตรวจสอบลึกไปถึงคนในครอบครัว เพื่อป้องกันการได้รับเงินสินบน หรือเรียกรับผลประโยชน์จากนักการเมือง เพื่อแลกกับการผ่านการตรวจสอบจาก กกต.
ข้อที่สอง สิ่งที่ผมอยากให้มีคือ ถ้าหากมีการเลือกตั้งซ่อมไม่ว่าจะพื้นที่ไหน กกต. และนักการเมืองที่ถูกคาดโทษไม่ว่าจะใบเหลืองหรือใบแดง ควรเป็นผู้ออกเงินค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งซ่อมทุกบาท ทุกสตางค์ เพราะการต้องเลือกตั้งใหม่ มาจากการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งของนักการเมือง ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
ส่วนท่าน กกต. ที่ดูแลการเลือกตั้งได้ใม่ดีพอ จนมีการซื้อเสียงและมีการแจกใบเหลืองใบแดง พวกท่านเองก็ควรมีส่วนรับผิดชอบในเรื่องนี้ด้วย เพราะต้องไม่ลืมว่าคนทำผิดกับคนที่ปล่อยให้เขาทำผิด ควรจะมีส่วนร่วมกันในการรับผิดชอบ ประชาชนไม่ควรจะต้องมารับผิดชอบต่อเรื่องนี้ ด้วยการเอาเงินภาษีของชาวบ้านมาจัดการเลือกตั้งอีก
ก่อนจากกันวันนี้ผมหวังว่า กกต. จะทำตามหน้าที่อย่างที่เคยบอกว่า อาจจะต้องปล่อยด้วยการประกาศรับรองสส.ไปก่อน แล้วค่อยสอยทีหลัง ก็รบกวน สอยให้จริงนะครับ ไม่ใช่ปล่อยไปแล้วทำเป็นลืมคำพูดของตัวเอง เพราะกกต.เป็น กรรมการการเลือกตั้งนะครับ ไม่ใช่ ว่ากกต. ย่อ (จากคำไม่สุภาพ) ว่า กูกลัวตอ เลยไม่กล้าทำอะไรเลย ถ้าไม่กล้าก็ไม่รู้จะอยู่ในตำแหน่งต่อไปทำไม จริงไหมครับ พ่อแม่พี่น้อง
