xs
xsm
sm
md
lg

ปราสาทนครหลวง...ของดีในอยุธยาที่ถูกลืม

เผยแพร่:   โดย: ยุรชัฏ ชาติสุทธิชัย


เมื่อสัปดาห์ก่อนผมและครอบครัวได้ขับรถออกไปนอกเมือง ขึ้นไปทางเหนือของกรุงเทพฯ พร้อมกับกล้องถ่ายรูป หวังจะเก็บภาพมุมสวยๆ ชีวิตผู้คน ทิวทัศน์ท้องทุ่งสองข้างทาง และโบราณสถานที่อยุธยา

แม้จะเป็นช่วงหน้าฝน และไม่แน่ใจว่าแดดจะเป็นใจแค่ไหน แต่ก็เล็งว่า คงจะพอมีแดดบ้าง ก่อนที่ฝนจะมาตอนบ่ายหรือเย็น

ผมว่าช่วงเข้าพรรษา จังหวัดใกล้ๆรอบกรุงเทพฯ เป็นที่เหมาะสมจะไปเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ ท้องทุ่งหน้าฝนเขียวชอุ่มสดชื่น มีวัดมากมายตามเส้นทางผ่าน ให้สามารถแวะไปไหว้พระทำบุญ มีอาหารมื้อเที่ยงอร่อยๆให้แวะชิม พอบ่ายๆ ฝนตั้งเค้ามาก็สามารถขับรถกลับกรุงเทพฯได้ในเวลาอันรวดเร็ว

อยุธยาจึงเหมาะสมมากที่สุดด้วยประการทั้งปวง ด้วยระยะทางจากกรุงเทพฯเพียง 76 กิโลเมตร แถมสามารถเลือกได้หลายเส้นทาง ทั้งทางเส้นบางปะอิน ถนนสายเอเชีย เส้นทางอ.เสนา และถนนเส้นทาง อ.วังน้อย

ต้องยอมรับก่อนเลยนะครับว่าสิ่งที่ดึงดูดให้ผมอยากไปอยุธยานั้น ก็คือเรื่องหาอาหารกลางวันในวันหยุด โดยเฉพาะกุ้งแม่น้ำตัว โตๆ สดๆ เนื้อแน่นๆ ยิ่งส่วนหัวที่เต็มไปด้วยมันกุ้งหวานๆ ยิ่งทำให้ยั่วน้ำลายไปตั้งแต่กรุงเทพฯเลยทีเดียว

ออกจากกรุงเทพฯตอนสาย ขับรถสบายๆ ถึงอยุธยาก็เที่ยงพอดี เป้าหมายแรกของการแวะ อย่างที่บอกครับ หาอาหารอร่อย ๆ ร้านอาหารหลายร้านคนแน่นเชียวครับ มีคนมาเที่ยวอยุธยามากทีเดียว ร้านที่เราเลือกอยู่ริมน้ำใกล้วัดกษัตราธิราชวรวิหาร เป็นบ้านสวน บรรยากาศร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ๆ นั่งชมเรือที่ล่องผ่านไปมา ฝั่งตรงข้ามมีชาวบ้านนั่งตกปลาใต้ร่มไม้ใหญ่

อาหารแนะนำที่นี่ ได้แก่ กุ้งเผา ทอดมันปลากราย ต้มโคล้งปลาสลิดยอดมะขามอ่อน เป็นต้น เมนูอย่างกุ้งเผาน้ำจิ้มอร่อยมากเลยครับขอบอก แต่น่าเศร้ากุ้งไม่สดเลยครับ ฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อน ก็ได้ปลาไม่สดเนื้อยุ่ย ทั้งๆ ที่ถามพนักงานเสิร์ฟก่อนแล้วว่า วันนี้กุ้งและปลาสดไหม ผิดหวังมาก นอกนั้นจานอื่นๆ อาหารอร่อยครับ

อีกที่หนึ่งที่ผมและครอบครัวได้แวะไป คือ วัดการ้อง มีเสียงกาหลายตัวร้องอยู่บนต้นไม้ใหญ่สมชื่อจริงๆ นอกนั้นมีทั้งดอกไม้ ผลไม้เทียมสีสันสดใสมากมาย คนแน่นเต็มวัดเลยครับ

ท่าน้ำของวัดยังจัดเป็นตลาดน้ำ แม่ค้าขายของในเรือ มีอาหารคาวหวานขายกันคึกคัก ทั้งก๋วยเตี๋ยวเรือ ผัดไทย ข้าวคลุกกะปิ หมูสะเต๊ะ ข้าวเหนียวมูลหน้าต่างๆ วันที่ผมไปข้างแพยังมีดนตรีเพลงลูกทุ่งพร้อมหางเครื่องดึงดูดคนดูมาเต็มหน้าเวที

วัดนี้มีโลงศพ กล่องและบาตรไว้ให้หยอดทำบุญทุกจุดทั่ววัดไปหมด ไม่ว่าจะหันไปทางไหน เป็นหนึ่งในวัดที่เรียกได้ว่าใช้ระบบศรัทธามาร์เก็ตติง และเป็นพุทธพาณิชย์ วัดนี้ไม่ได้ดังในเรื่องการทำบุญตัดกรรมอย่างเดียว แต่ยังดังเรื่องห้องน้ำติดแอร์ สะอาด เย็นสบาย ไว้บริการด้วย

ที่จริงวัดนี้มีประวัติศาสตร์น่าสนใจ มีศาลาไม้หลังใหญ่เก่าแก่กว่าร้อยปีเป็นสถาปัตยกรรมไทยสวยงามทีเดียวครับ ไม้แต่ละแผ่นใหญ่มาก ที่สำคัญยังแข็งแรงใช้งานได้ เป็นที่ ประกอบพิธีสงฆ์อยู่จนถึงทุกวันนี้ ในช่วงสงครามระหว่างไทยกับพม่าตอนปลายสมัยอยุธยา พม่ายังยึดวัดการ้องเป็นที่ตั้งค่าย แล้วใช้ปืนใหญ่ยิงข้ามแม่น้ำเขาไปในตัวเกาะอยุธยาที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งในบรรดาวัดในสังคมไทยปัจจุบัน ผู้คนไปทำบุญกันแน่น วัดมีรายได้มหาศาล บุญกรรมแลกเปลี่ยนกันด้วยเงิน รังสีของทุนนิยมและวัตถุนิยมบดบังแก่นพระพุทธศาสนา แทบจะไม่เห็นเงาของศีลธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า

ผมออกจากวัดมาด้วยความรู้สึกอึดอัด ตั้งใจไว้แต่แรกว่า จะไป อ.นครหลวง ซึ่งอยู่ไกลออกไปทางทิศเหนือของจังหวัด เพื่อไปชมปราสาทนครหลวง เป็นที่ที่ไม่เคยไปสักครั้ง แม้ว่าจะไปอยุธยาหลายหนแล้วก็ตาม

ต้องขับรถออกจากอยุธยา ใช้ถนนสายเอเชีย ผ่านบ้านอรัญญิก แหล่งทำมีดที่มีชื่อเสียงมายาวนาน เส้นทางนี้มีโรงสีข้าวขนาดใหญ่หลายโรง เพราะสะดวกในการขนส่งข้าวทั้งทางน้ำและถนน

ปราสาทนครหลวง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก ฝั่งทิศตะวันออก ในตำบลนครหลวง เป็นตำหนักที่ประทับของพระมหากษัตริย์ ในระหว่างเสด็จไปสักการะพระพุทธบาทที่สระบุรี และเป็นที่ประทับแรมในระหว่างเสด็จลพบุรี

สันนิษฐานว่าเดิมมีการก่อสร้างในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม แล้วมาสร้างเป็นที่ประทับขนาดใหญ่ ก่ออิฐถือปูนในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ตอนปลายอยุธยา

ในแผ่นดินพระเจ้าปราสาททอง โปรดฯ ให้ช่างไปถ่ายแบบปราสาทศิลาที่เรียกว่า "พระนครหลวง" ในกรุงกัมพูชาเมื่อ พ.ศ. 2174 มาสร้างใกล้วัดเทพจันทร์ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติที่ได้กรุงกัมพูชา กลับมาเป็นประเทศราชอีก แต่สร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ด้วยประการใดไม่ปรากฏ ต่อมาจึงมีผู้สร้างมณฑปและพระบาทสี่รอย ขึ้นบนปราสาทนี้ นอกจากปราสาทองค์ใหญ่แล้ว เดิมยังมีตำหนักที่สร้างข้างปราสาท ตอนนี้ได้ปรักหักพังหมดแล้ว

ในอดีต พระมหากษัตริย์ไทยทั้งสมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ จะเสด็จไปสักการะพระพุทธบาทที่สระบุรี ขบวนเสด็จล่องเรือขึ้นเลยตัวเกาะอยุธยาไปทางแม่น้ำป่าสัก จุดประทับที่นี่จึงใหญ่โตเป็นที่พักค้างแรมสำหรับขบวนเสด็จและผู้ติดตามเสด็จจำนวนมาก

เสียดายตอนที่เรามาถึงที่นี่ แสงแดดน้อยมาก ต้องคอยพักใหญ่จึงจะมีแสงผ่านเมฆลงมาบ้าง ถ้าฟ้าใส แสงดีๆ คงถ่ายมุมสวยๆได้บ้าง

แต่ที่น่าเสียดายมากกว่านั้นหลายเท่า คือ ปราสาทนครหลวง ถูกทอดทิ้ง ไม่ได้รับการดูแล ผู้คนจำนวนมากไม่รู้จัก วันที่ผมไปไม่มีนักท่องเที่ยวคนอื่นเลย มีแต่ผมและครอบครัวเท่านั้น

นี่ขนาดอยุธยา เมืองหลวงเก่า อยู่ใกล้กรุงเทพฯนิดเดียว แถมจังหวัดและการท่องเที่ยวฯขึ้นป้ายว่า อยุธยาเมืองมรดกโลก ยังมีโบราณสถานที่ถูกลืมได้ถึงขนาดนี้

ชุมชน ท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องรีบลุกขึ้นมาดูแลรักษา อย่าปล่อยให้มรดกไทยถูกลืมอย่างนี้เลยครับ

อย่าปล่อยให้ปราสาทนครหลวง เป็นของดีที่ถูกลืมเลยครับ

กำลังโหลดความคิดเห็น