ช่วงนี้คงไม่มีข่าวอะไรที่จะขึ้นมากลบข่าว ว่าที่นายกฯคนใหม่ของประเทศไทยได้ ระหว่างที่รอลุ้นหน้าตารัฐบาลใหม่ ผมก็ขอย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่วันก่อน นะครับ
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา พวกเราพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ประกาศยุติการชุมนุม ส่งพ่อแม่พี่น้องกลับไปเลือกตั้งในวันที่ 3 กรกฎาคม 2554
ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร วันนี้ผมขอเขียนถึงพี่น้องพันธมิตรอีกสักครั้ง ต้องขอคารวะความมั่นคงยืนหยัดอดทน ต้องยอมรับว่าพ่อแม่พี่น้องใจสู้กันจริงๆ หลายคนอยู่ที่สะพานมัฆวานตั้งแต่วันแรก จนวันสุดท้ายของการชุมนุม
ภาพการชุมนุมของพี่น้องจะยังคงตราตรึงอยู่ในใจผมเสมอนะครับ หลังจากนี้ถ้าผมขับรถผ่านสะพานมัฆวาน คงมีภาพต่างๆ ผุดขึ้นมาในหัวและระลึกถึงทุกครั้งอย่างแน่นอน
การชุมนุมทางการเมืองครั้งนี้ทำให้ผมค้นพบว่าศรัทธาเป็นอะไรที่ซื้อกันไม่ได้ ต้องใช้ใจล้วนๆอย่างเดียว ที่สำคัญผมพบว่า คนที่มีแนวคิดอุดมการณ์เพื่อสังคม รักชาติบ้านเมือง คำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวมและประเทศชาติเหนือกว่าผลประโยชน์ส่วนตัว มีอยู่จริง ตัวจริงเสียงจริงก็คือ พ่อแม่พี่น้องพันธมิตรนี่แหละครับ
หลายคนมีฐานะ อยู่บ้านสะดวกสบาย ยังเสียสละความสุขส่วนตัวและครอบครัว มาร่วมชุมนุมปักหลักพักค้าง นั่งนอนอยู่กลางถนน บางวันอากาศร้อนอบอ้าว บางวันฝนตกหนักเปียกปอนไปทั้งตัว คนที่เสียสละมากมายอย่างนี้ได้ ก็พ่อแม่พี่น้องพันธมิตรนี่แหละครับ
ช่วงที่เราชุมนุม ฝนตกหนักบ่อยครั้ง แต่ผมก็จะเห็นพ่อแม่พี่น้องนั่งกันได้อย่างไม่กลัวที่จะป่วยไข้กันเลย หลายๆท่านเป็นคนแก่ ผู้สูงอายุด้วยซ้ำ สงสัยเพราะออกกำลังกายสม่ำเสมอจากการเต้นกระจายหน้าเวที สุขภาพทั้งใจและกายจึงแข็งแรงดีกันทุกคน
แม้จะมาจากคนละทิศ ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน การ เอื้อเฟื้อดูแลมีน้ำใจต่อกันในกลุ่มผู้ชุมนุม สร้าง ความอบอุ่นเป็นพี่น้องญาติมิตรเหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน หลายคนยังติดต่อไปมาหาสู่กัน ถึงไม่ใช่ญาติ ก็เหมือนญาติหรือยิ่งกว่าญาติเสียอีก
ผมขอเล่าบางเรื่องที่น่าจะเล่าได้เกี่ยวกับหลังเวทีพันธมิตรที่ชุมนุมกันหน่อยนะครับ เพื่อเป็นการเก็บตกจากหลังเวที ซึ่งคนทั่วไปอาจจะไม่ทราบ หรือบางท่านอาจจะอยากรู้ หากใครอยากรู้หรือเห็นภาพแบบเต็มๆแนะนำรายการโต๊ะข่าวโต๊ะข้าววันที่ 10 กรกฎาคมนี้นะครับ น่าจะมีให้ชมแบบเต็มๆ
หลังเวทีจะมีโต๊ะยาวที่พี่น้องเราเอาข้าวปลาอาหารมาให้พวกเรากินทุกวัน ของอร่อยไม่เคยขาด อย่างที่โบราณว่าไว้ว่า กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ของกินเหล่านี้ทีมงานพิธีกร และแกนนำ จะแบ่งไว้ทาน บางส่วนก็จะแจกจ่ายไปให้พี่น้องที่ร่วมชุมนุมอยู่ด้วย
ในการชุมนุมของพันธมิตรไม่มีสุราของเมา แต่พวกเรามีวงเล่าครับพี่น้อง วงเล่าจริงๆครับ เล่าเรื่องโน่นเรื่องนี้ให้กันฟัง ล้อมวงแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นวงเล่าที่สนุกสนานและมีสีสันมาก อย่างวงเล่าล่าสุดที่ผมได้เข้าไปอยู่ในวงด้วยก็มีทั้งพี่สุริยะใส อาจารย์ปานเทพ และคุณลุงสุวัตร ทนายพันธมิตร ที่คุยกันให้ความรู้เรื่องของข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับโหวตโน
หลังเวทียังมีเก้าอี้นั่งมากมายและทีวีอีกหนึ่งเครื่อง ไว้ให้สำหรับแขกและผู้มาเยือนได้มานั่งฟังนั่งชมการปราศรัย เวลากลางวันอาจจะดูเงียบๆแต่กลางคืนนี่คึกคักเลยทีเดียว
ทีมงานถ่ายทอดสด เป็นทีมที่น่าชื่นชมมากที่สุดทีมหนึ่ง ถ้าไม่มีพวกพี่ๆเหล่านี้ ผลัดเปลี่ยนกันทำงานตลอดเวลา เราคงไม่ได้เห็นภาพการถ่ายทอดสดที่แสดงถึงพลังของพวกเรา นับรวมไปถึงทีมโปรดิวเซอร์ ทีมประสานงาน ฝ่ายภาพและเสียง และทุกๆคนเบื้องหลัง กลุ่มนี้เป็นคนที่ปิดทองหลังพระอย่างแท้จริง
เขียนมาถึงตรงนี้แล้วคงต้องพูดถึงผู้ใหญ่แกนนำท่านหนึ่งที่ผมเคารพมากๆ คือคุณลุงจำลอง ผู้คอยดูแลพวกเราในการชุมนุมให้เป็นระเบียบเรียบร้อย คุณลุงจะมาคอยบอกคอยเตือนเรื่องต่างๆอยู่เสมอ และด้วยเวลาที่ไม่ได้ตรงกันทุกครั้งไป ทำให้คุณลุงจำลองจะมีฟิวเจอร์บอร์ดหนึ่งแผ่นไว้ติดประกาศ เรียกว่าประกาศลุงจำลอง เพื่อคอยบอกเรื่องต่างๆ ที่ผู้ปราศรัยหรือทีมงานต้องระมัดระวัง หรือต้องทำ เพื่อให้เข้าใจตรงกันเพราะจะให้คุณลุงจำลองเดินมาบอกตลอดก็คงไม่ไหวจริงไหมครับ
พูดถึงหลังเวทีแล้วไม่เขียนถึงผู้ปราศรัยเลยก็คงไม่ได้ ผมชอบนั่งอยู่หลังเวทีและพูดคุยกับผู้ปราศรัยหลายๆคน ทำให้ผมได้เรียนรู้หลายๆอย่างบางอย่างที่ไม่เคยรู้ก็ได้รู้ บางอย่างที่รู้อยู่บ้างแล้วก็จะได้รู้มากยิ่งขึ้น แถมยังได้พบหลายๆท่านที่ไม่ได้พบกันมานานหลังการชุมนุม 193 วัน
เขียนมาถึงตรงนี้คงต้องกล่าวคำลาคารวะพ่อแม่พี่น้องพันธมิตร ขอทุกท่านพักผ่อนให้หายเหน็ดเหนื่อย ไว้พบกันใหม่เมื่อชาติบ้านเมืองมีภัย ตอนนี้ผมขอไปนั่งลุ้นผลเลือกตั้งต่อก่อนดีกว่า แต่ขณะที่เขียนบทความชิ้นนี้ก็มีแนวโน้มว่าเราจะได้นายกฯหญิงคนแรกของประเทศไทย โคลนนิ่งจากนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร อีกไม่นานเราคงได้พบกันครับ...