ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลมานานไม่เคยสนใจใยดีจะรื้อฟื้นความทรงจำเรื่องใครเผาบ้านเผาเมือง เพิ่งจะคิดมาโหมทำตอนกลางเดือนมิถุนายนซึ่งเหลือเวลาอีกแค่ 2 สัปดาห์จะถึงวันหย่อนบัตร มีการปล่อยคลิป ปล่อยแผ่นซีดี. กันยกใหญ่และที่สำคัญเพิ่งจะมาคิดไปจัดปราศรัยที่แยกราชประสงค์ ซึ่งก็คงไม่ต้องตีความให้เมื่อยว่าไปจัดที่นั่นทำไม ?
ทางฟากสีแดงเองก็ก้ำกึ่งเสียงยังไม่เป็นเอกฉันท์จะเอาไงกับเรื่องนี้ณัฐวุฒิปราศรัยบอกมวยนำแล้วไม่ต้องไปตามเกมของคู่แข่ง ไม่ต้องสนใจเรื่องราชประสงค์แต่ล่าสุดก็มีข่าวออกมาว่าคนเสื้อแดงจะไปที่นั่นตัดหน้าปชป.เพราะฝ่ายแดงถือว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นแลนด์มาร์คที่ใช้ทำกิจกรรม “ที่นี่มีคนตาย” ตลอดถึงการใช้รำลึกชูคนตาย 91 ศพมาทำกิจกรรมต่อเนื่อง
การไปใช้พื้นที่ถนนราชประสงค์ที่เป็นพื้นที่กายภาพจึงดูจะไม่สำคัญเท่ากับความเป็นพื้นที่ทาง “นามธรรม”ที่จะต่างก็แย่งสถาปนาสัญลักษณ์ความหมายทางการเมืองของฝ่ายตนขึ้นมาเพราะเมื่อฝ่ายหนึ่งบอกว่าพื้นที่นี้คือที่เกิดการเผาบ้านเผาเมืองก่อการร้าย อีกฝ่ายซึ่งพยายามชูภาพของที่นี่มีคนตายมีการฆ่าประชาชน
วิวาทะเรื่องนี้เป็นเกมของ ปชป.ที่พยายามจะจุดขึ้นมาในสถานการณ์เป็นรองและดูเหมือนว่าคนเสื้อแดงกำลังเดินไปในจุดนั้น แม้กระทั่งณัฐวุฒิเองก็กระโดดงับเหยื่ออภิสิทธิ์ด้วยการไปท้าสาบานว่าตนเองไม่เกี่ยวกับการเผาเมือง แม้จะมีลูกทำเหนือด้วยการขอให้อีกฝ่ายสาบานว่าไม่เกี่ยวสั่งยิงประชาชนแต่ทั้งหมดก็คือการเดินตามเกมของ ปชป.
คำสาบานของฝ่ายเต้นฝ่ายมาร์คจะมีหรือไม่ไม่รู้หรอกแต่ที่แน่ ๆ ปชป.ยิ้มรับคำวิวาทะเรื่องนี้แล้ว !
แต่สำหรับคนค้าขายผู้ค้าราชประสงค์ที่หวานอมขมกลืนกับขบวนการเสื้อแดงมาตลอดทั้งปีคงจะไม่ยินดีกับฝ่ายไหนด้วยเพราะหากพื้นที่ราชประสงค์ยังเป็นแลนด์มาร์คทางการเมืองที่แต่ละฝ่ายแย่งกันเข้าไปทำกิจกรรมย่านธุรกิจสำคัญของประเทศแห่งนี้คงจะสูญเสียภาพลักษณ์ความเป็นศูนย์กลางการค้าและช็อปปิ้งที่ดำรงมายาวนานไปอย่างแน่นอนเอะอะทีก็ไปชุมนุมปิดถนนกันที กลุ่มผู้ค้าจึงเป็นเหยื่อการเมืองตัวจริงเสียงจริง ไหนจะถูกเผา ไหนจะเสียร้าน เสียสินค้าครั้นหวังจะทำมาหากินเหมือนปกติชดเชยส่วนที่หายไปก็ทำไม่ได้เต็มที่
สำหรับผมแล้วพื้นที่ราชประสงค์ไม่ได้เป็นสัญลักษณ์ของการเผาบ้านเผาเมือง หรือสัญลักษณ์ของที่นี่มีคนตายเพียงโดด ๆ หรอก เพราะหากยังเล่นเกมยื้อแย่งพื้นที่กันในลักษณะของเกมการเมืองแบบที่เป็นอยู่ ราชประสงค์จะเพิ่มความหมายของการโกหกตอแหลและการปิดตาข้างเดียวขึ้นมาอีกความรับรู้หนึ่ง
ประชาธิปัตย์อยู่มาจนพ้นปี จู่ ๆ เพิ่งมาสำนึกได้ว่าที่ราชประสงค์มีการเผาบ้านเผาเมืองตอนที่คะแนนเป็นรอง อีแบบนี้มันเรยาทางการเมืองเกินไป..ขนาดจะหาเรื่องด่าเพื่อนยังไม่จริงใจเลย (ฮา) !
ส่วนคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยก็เกินไป ราชประสงค์ไม่ใช่ที่ส่วนตัวของคนกลุ่มไหนสีไหนจะมาผูกขาด ตัวเองจัดกิจกรรมได้คนอื่นห้าม อันที่จริงพวกเสื้อแดงที่ชอบกล่าวหาคนอื่นว่าสองมาตรฐาน เอียงข้าง ไม่เป็นประชาธิปไตยนั้นตัวเองนั่นแหละตัวยงเลยหากเป็นประชาธิปไตยจริงก็ต้องยอมให้อีกฝ่ายหาเสียงในที่สาธารณะได้ เพราะที่สุดแล้วราชประสงค์หาใช่พื้นที่ “ที่มีคนตาย” หรือถูกทำร้ายฝ่ายเดียวอย่างทารุณตามที่สายตาคนเสื้อแดงมองเพราะเหตุร้ายที่เกิดขึ้นนั้นมาจากการส่งเสริมทำนองขนมพอสมน้ำยาจากทั้งสองฝ่ายทั้งสิ้น
ถ้าให้ผมนิยามความหมายของราชประสงค์มั่ง ผมจะให้สัญลักษณ์ว่า ราชประสงค์คือพื้นที่ระลึกถึงการแตกหักของแกนนำฝ่ายพิราบกับฝ่ายเหยี่ยวภายในเสื้อแดง พวกที่อยากสันติถอนตัวออกพวกที่เลือกเข้าตาเดินหน้าตกใจก็ชุมนุมกันต่อ, ราชประสงค์เป็นที่ ๆ มีการปล้นสะดมร้านค้าในศูนย์การค้าแล้วก็จับมือใครดมไม่ได้ ขณะที่คนเสื้อแดงก็ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้อง เช่นเดียวกับที่คนเสื้อแดงบอกว่ามีมือดีที่ไม่ใช่เสื้อแดงมาเผาบ้านเมืองที่ราชประสงค์แต่คนเสื้อแดงกลับไม่ยอมพูดถึงศาลากลางจังหวัดต่าง ๆ ที่ถูกเผา การชุมนุมยืดเยื้อของคนเสื้อแดงดำเนินมาต่อเนื่องข้ามปีบ่มความรุนแรงมาเป็นลำดับ
ทำไมคนเสื้อแดงที่ปากบอกรังเกียจความรุนแรงจึงลืมเหตุการณ์ไล่ทำร้ายคนอย่างโหดร้ายที่ทุ่งศรีเมืองที่ขอนแก่นที่เชียงใหม่เหล่านี้ล้วนเป็นคำถามๆ สะท้อนไปยังคนที่พยายามจะชูเหตุการณ์ราชประสงค์มารำลึกว่าตนเองเลือกที่จะรำลึกแบบปิดตาข้างเดียวหรือไม่ ?
นับจากอดีตกาลมาคนเรามันก็เป็นพวกที่เลือกจะจำ แล้วก็เลือกไม่จำมาโดยตลอด .. ประวัติศาสตร์ที่เราเรียนรู้กันอยู่ส่วนใหญ่ก็เป็นบันทึกเลือกจะจำตัดส่วนที่ประสงค์จะจำออกไป เช่นเดียวกับพื้นที่ราชประสงค์ของคนสีแดง คน ปชป.จู่ ๆ ก็นึกอยากจะบันทึกความทรงจำในแบบของตัว ส่วนเสื้อแดงก็เลือกที่จะบันทึกในมุมที่ตัวเองอยากบันทึก
ขอโทษเถิดครับสำหรับคนที่สังเกตอยู่ภายนอกห่างออกไปมองว่าต่างก็ปิดตาข้างเดียวด้วยกันทั้งคู่นั่นแหละ
ความหมายเชิงสัญญะทางการเมืองที่แท้จริงของราชประสงค์ที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้ก็คือ “การปิดตาตัวเองข้างนึง”ซึ่งนี่คือปัญหาของการเมืองไทยระยะที่ผ่านมาและกำลังเป็นอยู่
ทางฟากสีแดงเองก็ก้ำกึ่งเสียงยังไม่เป็นเอกฉันท์จะเอาไงกับเรื่องนี้ณัฐวุฒิปราศรัยบอกมวยนำแล้วไม่ต้องไปตามเกมของคู่แข่ง ไม่ต้องสนใจเรื่องราชประสงค์แต่ล่าสุดก็มีข่าวออกมาว่าคนเสื้อแดงจะไปที่นั่นตัดหน้าปชป.เพราะฝ่ายแดงถือว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นแลนด์มาร์คที่ใช้ทำกิจกรรม “ที่นี่มีคนตาย” ตลอดถึงการใช้รำลึกชูคนตาย 91 ศพมาทำกิจกรรมต่อเนื่อง
การไปใช้พื้นที่ถนนราชประสงค์ที่เป็นพื้นที่กายภาพจึงดูจะไม่สำคัญเท่ากับความเป็นพื้นที่ทาง “นามธรรม”ที่จะต่างก็แย่งสถาปนาสัญลักษณ์ความหมายทางการเมืองของฝ่ายตนขึ้นมาเพราะเมื่อฝ่ายหนึ่งบอกว่าพื้นที่นี้คือที่เกิดการเผาบ้านเผาเมืองก่อการร้าย อีกฝ่ายซึ่งพยายามชูภาพของที่นี่มีคนตายมีการฆ่าประชาชน
วิวาทะเรื่องนี้เป็นเกมของ ปชป.ที่พยายามจะจุดขึ้นมาในสถานการณ์เป็นรองและดูเหมือนว่าคนเสื้อแดงกำลังเดินไปในจุดนั้น แม้กระทั่งณัฐวุฒิเองก็กระโดดงับเหยื่ออภิสิทธิ์ด้วยการไปท้าสาบานว่าตนเองไม่เกี่ยวกับการเผาเมือง แม้จะมีลูกทำเหนือด้วยการขอให้อีกฝ่ายสาบานว่าไม่เกี่ยวสั่งยิงประชาชนแต่ทั้งหมดก็คือการเดินตามเกมของ ปชป.
คำสาบานของฝ่ายเต้นฝ่ายมาร์คจะมีหรือไม่ไม่รู้หรอกแต่ที่แน่ ๆ ปชป.ยิ้มรับคำวิวาทะเรื่องนี้แล้ว !
แต่สำหรับคนค้าขายผู้ค้าราชประสงค์ที่หวานอมขมกลืนกับขบวนการเสื้อแดงมาตลอดทั้งปีคงจะไม่ยินดีกับฝ่ายไหนด้วยเพราะหากพื้นที่ราชประสงค์ยังเป็นแลนด์มาร์คทางการเมืองที่แต่ละฝ่ายแย่งกันเข้าไปทำกิจกรรมย่านธุรกิจสำคัญของประเทศแห่งนี้คงจะสูญเสียภาพลักษณ์ความเป็นศูนย์กลางการค้าและช็อปปิ้งที่ดำรงมายาวนานไปอย่างแน่นอนเอะอะทีก็ไปชุมนุมปิดถนนกันที กลุ่มผู้ค้าจึงเป็นเหยื่อการเมืองตัวจริงเสียงจริง ไหนจะถูกเผา ไหนจะเสียร้าน เสียสินค้าครั้นหวังจะทำมาหากินเหมือนปกติชดเชยส่วนที่หายไปก็ทำไม่ได้เต็มที่
สำหรับผมแล้วพื้นที่ราชประสงค์ไม่ได้เป็นสัญลักษณ์ของการเผาบ้านเผาเมือง หรือสัญลักษณ์ของที่นี่มีคนตายเพียงโดด ๆ หรอก เพราะหากยังเล่นเกมยื้อแย่งพื้นที่กันในลักษณะของเกมการเมืองแบบที่เป็นอยู่ ราชประสงค์จะเพิ่มความหมายของการโกหกตอแหลและการปิดตาข้างเดียวขึ้นมาอีกความรับรู้หนึ่ง
ประชาธิปัตย์อยู่มาจนพ้นปี จู่ ๆ เพิ่งมาสำนึกได้ว่าที่ราชประสงค์มีการเผาบ้านเผาเมืองตอนที่คะแนนเป็นรอง อีแบบนี้มันเรยาทางการเมืองเกินไป..ขนาดจะหาเรื่องด่าเพื่อนยังไม่จริงใจเลย (ฮา) !
ส่วนคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยก็เกินไป ราชประสงค์ไม่ใช่ที่ส่วนตัวของคนกลุ่มไหนสีไหนจะมาผูกขาด ตัวเองจัดกิจกรรมได้คนอื่นห้าม อันที่จริงพวกเสื้อแดงที่ชอบกล่าวหาคนอื่นว่าสองมาตรฐาน เอียงข้าง ไม่เป็นประชาธิปไตยนั้นตัวเองนั่นแหละตัวยงเลยหากเป็นประชาธิปไตยจริงก็ต้องยอมให้อีกฝ่ายหาเสียงในที่สาธารณะได้ เพราะที่สุดแล้วราชประสงค์หาใช่พื้นที่ “ที่มีคนตาย” หรือถูกทำร้ายฝ่ายเดียวอย่างทารุณตามที่สายตาคนเสื้อแดงมองเพราะเหตุร้ายที่เกิดขึ้นนั้นมาจากการส่งเสริมทำนองขนมพอสมน้ำยาจากทั้งสองฝ่ายทั้งสิ้น
ถ้าให้ผมนิยามความหมายของราชประสงค์มั่ง ผมจะให้สัญลักษณ์ว่า ราชประสงค์คือพื้นที่ระลึกถึงการแตกหักของแกนนำฝ่ายพิราบกับฝ่ายเหยี่ยวภายในเสื้อแดง พวกที่อยากสันติถอนตัวออกพวกที่เลือกเข้าตาเดินหน้าตกใจก็ชุมนุมกันต่อ, ราชประสงค์เป็นที่ ๆ มีการปล้นสะดมร้านค้าในศูนย์การค้าแล้วก็จับมือใครดมไม่ได้ ขณะที่คนเสื้อแดงก็ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้อง เช่นเดียวกับที่คนเสื้อแดงบอกว่ามีมือดีที่ไม่ใช่เสื้อแดงมาเผาบ้านเมืองที่ราชประสงค์แต่คนเสื้อแดงกลับไม่ยอมพูดถึงศาลากลางจังหวัดต่าง ๆ ที่ถูกเผา การชุมนุมยืดเยื้อของคนเสื้อแดงดำเนินมาต่อเนื่องข้ามปีบ่มความรุนแรงมาเป็นลำดับ
ทำไมคนเสื้อแดงที่ปากบอกรังเกียจความรุนแรงจึงลืมเหตุการณ์ไล่ทำร้ายคนอย่างโหดร้ายที่ทุ่งศรีเมืองที่ขอนแก่นที่เชียงใหม่เหล่านี้ล้วนเป็นคำถามๆ สะท้อนไปยังคนที่พยายามจะชูเหตุการณ์ราชประสงค์มารำลึกว่าตนเองเลือกที่จะรำลึกแบบปิดตาข้างเดียวหรือไม่ ?
นับจากอดีตกาลมาคนเรามันก็เป็นพวกที่เลือกจะจำ แล้วก็เลือกไม่จำมาโดยตลอด .. ประวัติศาสตร์ที่เราเรียนรู้กันอยู่ส่วนใหญ่ก็เป็นบันทึกเลือกจะจำตัดส่วนที่ประสงค์จะจำออกไป เช่นเดียวกับพื้นที่ราชประสงค์ของคนสีแดง คน ปชป.จู่ ๆ ก็นึกอยากจะบันทึกความทรงจำในแบบของตัว ส่วนเสื้อแดงก็เลือกที่จะบันทึกในมุมที่ตัวเองอยากบันทึก
ขอโทษเถิดครับสำหรับคนที่สังเกตอยู่ภายนอกห่างออกไปมองว่าต่างก็ปิดตาข้างเดียวด้วยกันทั้งคู่นั่นแหละ
ความหมายเชิงสัญญะทางการเมืองที่แท้จริงของราชประสงค์ที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้ก็คือ “การปิดตาตัวเองข้างนึง”ซึ่งนี่คือปัญหาของการเมืองไทยระยะที่ผ่านมาและกำลังเป็นอยู่