สถานการณ์บ้านเมืองที่สับสนอลหม่าน-ข่าวสารเปลี่ยนแปลงพลิกผันวันต่อวันเช่นนี้ คนในสังคมยิ่งต้องพยายามทำตัวเองให้หนักขึ้นเพื่อไม่ให้ตัวเองลอยไปกับกระแสที่พัดผ่านไปมา การเมืองเปลี่ยนเร็วมาแค่เวลาผ่านไปสัปดาห์เดียวข่าวสารพลิกกลับจากแดงรุกหนักกลับกลายเป็นแดงแตกเป็นเสี่ยง แกนนำแต่ละแนวรบก่อสงครามกันเองสาวไส้ให้กากินอย่างสนุกสนาน
ใครคนที่พาดหัวสกู๊ปว่า “แดงกัดกันแย่งชามข้าว” สมควรได้รับคำชมอย่างยิ่งเพราะสะท้อนปรากฎการณ์ลึกลงไปถึงรากเหง้า เพราะปัญหาของขบวนการคนเสื้อแดงคือคนจำนวนมากเคลื่อนไหวเพื่อหวังผลประโยชน์อำนาจ-ทรัพย์สินเป็นหลัก มีจำนวนน้อยถึงน้อยมากเท่านั้นที่เคลื่อนไหวด้วยอุดมการณ์
แต่ที่สุดเราก็ยังสรุปล่วงหน้าไม่ได้ว่าขบวนการแดงทักษิณจบสิ้นแล้ว !!
หากสร้างภาพจำลองสถานการณ์แบบที่คนส่วนใหญ่ในประเทศอยากได้ยินคือฝ่ายทักษิณพ่ายแพ้เพราะแดงกัดกัน เปิดสงครามแบบไม่พร้อมแต่ผลสรุปสุดท้ายก็คือทักษิณก็ยังคงสะดวกสบายอิ่มหนำสำราญที่ดูไบ ว่าง ๆ ก็บินมาตีกอล์ฟที่เขมร
ส่วนคนที่ต้องตกนรกก็คือเรา-ท่านคนไทยเจ้าของประเทศ
ไม่ว่าจะใส่เสื้อสีอะไรหากอยู่ในประเทศที่ไม่ปกติย่อมเจ็บปวดด้วยกันทั้งสิ้น ขาวเจ็บ ชมพูเจ็บ น้ำเงินเจ็บ เหลืองเจ็บ...อย่าคิดว่าแดงจะไม่เจ็บ แดงนั่นแหละที่จะเจ็บที่สุดในบรรดากลุ่มที่กล่าวมาทั้งหมด
ผมไม่เชื่อแบบจำลองสถานการณ์แบบแรกคือแบบทักษิณเสียสติสั่งสู้ภายใต้ภาวะแดงกัดกับตู่ เหลิมกัดกับหน่อยเกิดอลหม่านรวนเรในทัพเสื้ อแดง เพราะเหตุการณ์พิสูจน์มาครั้งแล้วครั้งเล่าว่าคนอย่างทักษิณนั้นจมไม่ลง ดังนั้นทักษิณไม่ยอมแพ้ทั้ง ๆที่ยังไม่ได้ยกทัพแน่ ๆ
หมากัดกันนั้นเขาว่าแค่โยนกระดูกลงไปให้ครบตัวเดี๋ยวมันก็เลิกกัดกัน ถ้าเชื่อในหลักการข้อนี้ประเดี๋ยวข่าวสารแกนนำแดงฟัดกันก็จะเงียบหายไป กลับมาสู่หมุดหมายการเคลื่อนไหวก่อนและหลัง 26 กุมภาพันธ์เช่นเดิม
การประกาศว่าเสื้อแดงเคลื่อนไหวแบบสันติอหิงสานั้นเป็นแค่ภาพลักษณ์ภายนอก เป็นการประกาศแค่ในนามหากมีการยกคนไปทำร้ายร่างกาย ยึดรถน้ำมัน เผารถเมล์เขาก็โบ้ยว่าเป็นมือที่สามกลั่นแกล้ง ยิ่งมารอบนี้ประกาศสันติอหิงสาล่วงหน้าทั้งนายบ่าวจนผิดสังเกตยิ่งต้องระวังปฏิบัติการโบ้ยมือที่สามอ้างว่าพวกเขียวเหลืองน้ำเงินปลอมตัวมาปั่นสถานการณ์เช่นเดิม
ความเป็นไปได้ของสถานการณ์ในห้วงนั้นคือแดงที่ชุมนุมก็ประกาศสันติของแดงไป อีกทางหนึ่งมีกำลังไม่ทราบฝ่ายเป็นจรยุทธ์ก่อการร้ายต่อทั้งชีวิตเป้าหมายตรงกันข้ามที่กำหนดไว้ก่อน-ทรัพย์สินราชการ-การคมนาคมขนส่ง รวมทั้งแหล่งเชื้อเพลิงไวไฟ ประสานกับกองกำลังที่เตรียมไว้
เมื่อถึงจุดสุดท้ายพวกเขาสามารถประกาศกับโลกภายนอกว่านี่เป็นการลุกฮือของขบวนการประชาธิปไตยและประชาชน ในนามของการปฏิวัติประชาธิปไตยประชาชน
ก่อนหน้านี้คนเสื้อแดงได้กลิ่นปฏิวัติ ขณะที่ส.ว.คำนูณ สิทธิสมานได้ยินข่าวการเคลื่อนไหวจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติซึ่งต่อมามีการตรวจสอบทางการข่าวซ้ำพบเป็นเรื่องที่มีมูล
ทั้งสองเรื่องก็คือข่าวของฝ่ายที่ 3 และ 4 / สถานการณ์ตอนนี้จึงมิใช่แค่การประจันหน้าระหว่างรัฐบาลอภิสิทธิ์ กับ ขบวนการทักษิณเท่านั้น แต่มีฝ่ายอื่น ๆ ที่พร้อมยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้อง
ทำให้นึกถึงภาษิตจีนยุคชุนชิวที่ยืนยาวมาถึงปัจจุบันบอกว่า “ตั๊กแตนจับแมลง นกตามหลัง” และสำนวนนิยายกำลังภายในมักกล่าวปฏิบัติการฉวยประโยชน์ช่วงชุลมุนว่า “จับปลาตอนน้ำขุ่น”
ภายใต้ภาวะการเมืองแบบดังกล่าวจึงอดสงสารพี่น้องมวลชนคนเสื้อแดงเสียมิได้ เพราะการบรรลุเป้าหมายชัยชนะของขบวนการเสื้อแดงจะต้องอาศัยความโกลาหล ชุลมุน ความปั่นป่วนเป็นพาหะ ลองพิจารณาดี ๆ เถอะครับว่าการออกคำสั่งให้คนเสื้อแดงไปล้อมค่ายทหารหลังจากยกพวกไปด่านายทหารถึงหน้ากองบัญชาการทหารบก (และรวมถึงระเบิดเอ็ม79) ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนการนี้ พวกเขาบางส่วนเข้าใจว่าการกวนบาทาล่อให้ทหารออกมาจากค่ายจะนำชัยชนะมาให้พวกเขาในบั้นปลาย
ขณะที่อีกฟากหนึ่งซึ่งเป็นฝ่ายที่ 3-4หรือ 5 ก็ต้องการสถานการณ์ปั่นป่วน วุ่นวาย โกลาหล ซึ่งอาจรวมถึงอาศัยสถานการณ์เกิดการลอบสังหารคนฝ่ายต่าง ๆ เพื่อเป็นพาหะให้เข้ามาจับปลาตอนน้ำขุ่น
แดงก็ต้องการน้ำขุ่น พวกที่ไม่ใช่แดงก็ต้องการสถานการณ์น้ำขุ่น เห็นจะมีเพียงประชาธิปัตย์และอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเพียงฝ่ายเดียวที่ไม่อยากให้น้ำขุ่น
มวลชนคนเสื้อแดงสำเหนียกไว้เถอะว่านี่ไม่ใช่การยกพวกไปตีเขาข้างเดียวอย่างที่ได้แสดงกันมาที่เขายายเที่ยง ที่เชียงใหม่ หรือที่หน้าค่ายทหาร เมื่อถึงเวลาชุลมุนที่ถูกโต้กลับแกนนำทั้งหลายไม่ได้อยู่แถวหน้าหรอก
ในสถานการณ์จริงจรยุทธ์แดงอาจจะเคลื่อนไปทำร้ายเป้าหมาย หรือก่อจลาจลแต่ในเวลาเดียวกันอีกฝ่ายหนึ่งสามารถใช้จังหวะนี้จัดการกับเสื้อแดงที่อยู่ในบัญชีสะสางเช่นเดียวกัน
เมื่อถึงสถานการณ์นั้นจริงคนที่น่าสงสารคือมวลชนเสื้อแดงที่ถูกเชื้อเชิญให้ไปนั่งตากแดดในเมืองหลวงช่วงที่สถานการณ์วุ่นวายถึงขีดสุด ขอให้ทุกคนโชคดีไม่ถูกลูกหลง ภาวนาให้ลูกหลานสามีของท่านอย่าเข้าร่วมกับปฏิบัติสุ่มเสี่ยงแบบเอามันเพราะจะตายฟรีเอาง่าย ๆ
พี่น้องเสื้อแดงเปิดหูฟังทางนี้หน่อยเถอะ ให้สังเกตแกนนำของท่านหลังเวทีให้ดี ถ้าคนสำคัญหายไปพึงสำเหนียกได้เลยว่าเขาหลบเข้าเซฟเฮ้าส์หรือลงสปีตโบ๊ตไปเขมรแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นท่องอัตตาหิ อัตตโน นาโถกันได้เลย
ขอย้ำว่าในสถานการณ์ของการเมืองแบบหลายฝ่ายรอจังหวะ มีเพียงฝ่ายอภิสิทธิ์ฝ่ายเดียวเท่านั้นที่ไม่ต้องการน้ำขุ่น
มวลชนคนเสื้อแดงเป็นแค่เครื่องมือของการกวนน้ำให้ขุ่นเท่านั้น ส่วนใครจะได้ปลายังต้องรอดูใกล้สถานการณ์จริงอีกที เพราะการเมืองตอนนี้ไปเร็วมาก-พลิกผันวันต่อวัน.
ใครคนที่พาดหัวสกู๊ปว่า “แดงกัดกันแย่งชามข้าว” สมควรได้รับคำชมอย่างยิ่งเพราะสะท้อนปรากฎการณ์ลึกลงไปถึงรากเหง้า เพราะปัญหาของขบวนการคนเสื้อแดงคือคนจำนวนมากเคลื่อนไหวเพื่อหวังผลประโยชน์อำนาจ-ทรัพย์สินเป็นหลัก มีจำนวนน้อยถึงน้อยมากเท่านั้นที่เคลื่อนไหวด้วยอุดมการณ์
แต่ที่สุดเราก็ยังสรุปล่วงหน้าไม่ได้ว่าขบวนการแดงทักษิณจบสิ้นแล้ว !!
หากสร้างภาพจำลองสถานการณ์แบบที่คนส่วนใหญ่ในประเทศอยากได้ยินคือฝ่ายทักษิณพ่ายแพ้เพราะแดงกัดกัน เปิดสงครามแบบไม่พร้อมแต่ผลสรุปสุดท้ายก็คือทักษิณก็ยังคงสะดวกสบายอิ่มหนำสำราญที่ดูไบ ว่าง ๆ ก็บินมาตีกอล์ฟที่เขมร
ส่วนคนที่ต้องตกนรกก็คือเรา-ท่านคนไทยเจ้าของประเทศ
ไม่ว่าจะใส่เสื้อสีอะไรหากอยู่ในประเทศที่ไม่ปกติย่อมเจ็บปวดด้วยกันทั้งสิ้น ขาวเจ็บ ชมพูเจ็บ น้ำเงินเจ็บ เหลืองเจ็บ...อย่าคิดว่าแดงจะไม่เจ็บ แดงนั่นแหละที่จะเจ็บที่สุดในบรรดากลุ่มที่กล่าวมาทั้งหมด
ผมไม่เชื่อแบบจำลองสถานการณ์แบบแรกคือแบบทักษิณเสียสติสั่งสู้ภายใต้ภาวะแดงกัดกับตู่ เหลิมกัดกับหน่อยเกิดอลหม่านรวนเรในทัพเสื้ อแดง เพราะเหตุการณ์พิสูจน์มาครั้งแล้วครั้งเล่าว่าคนอย่างทักษิณนั้นจมไม่ลง ดังนั้นทักษิณไม่ยอมแพ้ทั้ง ๆที่ยังไม่ได้ยกทัพแน่ ๆ
หมากัดกันนั้นเขาว่าแค่โยนกระดูกลงไปให้ครบตัวเดี๋ยวมันก็เลิกกัดกัน ถ้าเชื่อในหลักการข้อนี้ประเดี๋ยวข่าวสารแกนนำแดงฟัดกันก็จะเงียบหายไป กลับมาสู่หมุดหมายการเคลื่อนไหวก่อนและหลัง 26 กุมภาพันธ์เช่นเดิม
การประกาศว่าเสื้อแดงเคลื่อนไหวแบบสันติอหิงสานั้นเป็นแค่ภาพลักษณ์ภายนอก เป็นการประกาศแค่ในนามหากมีการยกคนไปทำร้ายร่างกาย ยึดรถน้ำมัน เผารถเมล์เขาก็โบ้ยว่าเป็นมือที่สามกลั่นแกล้ง ยิ่งมารอบนี้ประกาศสันติอหิงสาล่วงหน้าทั้งนายบ่าวจนผิดสังเกตยิ่งต้องระวังปฏิบัติการโบ้ยมือที่สามอ้างว่าพวกเขียวเหลืองน้ำเงินปลอมตัวมาปั่นสถานการณ์เช่นเดิม
ความเป็นไปได้ของสถานการณ์ในห้วงนั้นคือแดงที่ชุมนุมก็ประกาศสันติของแดงไป อีกทางหนึ่งมีกำลังไม่ทราบฝ่ายเป็นจรยุทธ์ก่อการร้ายต่อทั้งชีวิตเป้าหมายตรงกันข้ามที่กำหนดไว้ก่อน-ทรัพย์สินราชการ-การคมนาคมขนส่ง รวมทั้งแหล่งเชื้อเพลิงไวไฟ ประสานกับกองกำลังที่เตรียมไว้
เมื่อถึงจุดสุดท้ายพวกเขาสามารถประกาศกับโลกภายนอกว่านี่เป็นการลุกฮือของขบวนการประชาธิปไตยและประชาชน ในนามของการปฏิวัติประชาธิปไตยประชาชน
ก่อนหน้านี้คนเสื้อแดงได้กลิ่นปฏิวัติ ขณะที่ส.ว.คำนูณ สิทธิสมานได้ยินข่าวการเคลื่อนไหวจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติซึ่งต่อมามีการตรวจสอบทางการข่าวซ้ำพบเป็นเรื่องที่มีมูล
ทั้งสองเรื่องก็คือข่าวของฝ่ายที่ 3 และ 4 / สถานการณ์ตอนนี้จึงมิใช่แค่การประจันหน้าระหว่างรัฐบาลอภิสิทธิ์ กับ ขบวนการทักษิณเท่านั้น แต่มีฝ่ายอื่น ๆ ที่พร้อมยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้อง
ทำให้นึกถึงภาษิตจีนยุคชุนชิวที่ยืนยาวมาถึงปัจจุบันบอกว่า “ตั๊กแตนจับแมลง นกตามหลัง” และสำนวนนิยายกำลังภายในมักกล่าวปฏิบัติการฉวยประโยชน์ช่วงชุลมุนว่า “จับปลาตอนน้ำขุ่น”
ภายใต้ภาวะการเมืองแบบดังกล่าวจึงอดสงสารพี่น้องมวลชนคนเสื้อแดงเสียมิได้ เพราะการบรรลุเป้าหมายชัยชนะของขบวนการเสื้อแดงจะต้องอาศัยความโกลาหล ชุลมุน ความปั่นป่วนเป็นพาหะ ลองพิจารณาดี ๆ เถอะครับว่าการออกคำสั่งให้คนเสื้อแดงไปล้อมค่ายทหารหลังจากยกพวกไปด่านายทหารถึงหน้ากองบัญชาการทหารบก (และรวมถึงระเบิดเอ็ม79) ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนการนี้ พวกเขาบางส่วนเข้าใจว่าการกวนบาทาล่อให้ทหารออกมาจากค่ายจะนำชัยชนะมาให้พวกเขาในบั้นปลาย
ขณะที่อีกฟากหนึ่งซึ่งเป็นฝ่ายที่ 3-4หรือ 5 ก็ต้องการสถานการณ์ปั่นป่วน วุ่นวาย โกลาหล ซึ่งอาจรวมถึงอาศัยสถานการณ์เกิดการลอบสังหารคนฝ่ายต่าง ๆ เพื่อเป็นพาหะให้เข้ามาจับปลาตอนน้ำขุ่น
แดงก็ต้องการน้ำขุ่น พวกที่ไม่ใช่แดงก็ต้องการสถานการณ์น้ำขุ่น เห็นจะมีเพียงประชาธิปัตย์และอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเพียงฝ่ายเดียวที่ไม่อยากให้น้ำขุ่น
มวลชนคนเสื้อแดงสำเหนียกไว้เถอะว่านี่ไม่ใช่การยกพวกไปตีเขาข้างเดียวอย่างที่ได้แสดงกันมาที่เขายายเที่ยง ที่เชียงใหม่ หรือที่หน้าค่ายทหาร เมื่อถึงเวลาชุลมุนที่ถูกโต้กลับแกนนำทั้งหลายไม่ได้อยู่แถวหน้าหรอก
ในสถานการณ์จริงจรยุทธ์แดงอาจจะเคลื่อนไปทำร้ายเป้าหมาย หรือก่อจลาจลแต่ในเวลาเดียวกันอีกฝ่ายหนึ่งสามารถใช้จังหวะนี้จัดการกับเสื้อแดงที่อยู่ในบัญชีสะสางเช่นเดียวกัน
เมื่อถึงสถานการณ์นั้นจริงคนที่น่าสงสารคือมวลชนเสื้อแดงที่ถูกเชื้อเชิญให้ไปนั่งตากแดดในเมืองหลวงช่วงที่สถานการณ์วุ่นวายถึงขีดสุด ขอให้ทุกคนโชคดีไม่ถูกลูกหลง ภาวนาให้ลูกหลานสามีของท่านอย่าเข้าร่วมกับปฏิบัติสุ่มเสี่ยงแบบเอามันเพราะจะตายฟรีเอาง่าย ๆ
พี่น้องเสื้อแดงเปิดหูฟังทางนี้หน่อยเถอะ ให้สังเกตแกนนำของท่านหลังเวทีให้ดี ถ้าคนสำคัญหายไปพึงสำเหนียกได้เลยว่าเขาหลบเข้าเซฟเฮ้าส์หรือลงสปีตโบ๊ตไปเขมรแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นท่องอัตตาหิ อัตตโน นาโถกันได้เลย
ขอย้ำว่าในสถานการณ์ของการเมืองแบบหลายฝ่ายรอจังหวะ มีเพียงฝ่ายอภิสิทธิ์ฝ่ายเดียวเท่านั้นที่ไม่ต้องการน้ำขุ่น
มวลชนคนเสื้อแดงเป็นแค่เครื่องมือของการกวนน้ำให้ขุ่นเท่านั้น ส่วนใครจะได้ปลายังต้องรอดูใกล้สถานการณ์จริงอีกที เพราะการเมืองตอนนี้ไปเร็วมาก-พลิกผันวันต่อวัน.