xs
xsm
sm
md
lg

รัฐสวัสดิการเพื่อคนจน

เผยแพร่:   โดย: พระบาท นามเมือง

ผมไม่รู้ว่าประเทศกำลังพัฒนาอย่างไทยเทียบไม่ได้กับสวีเดน นอร์เวย์ เดนมาร์ก หรือนิวซีแลนด์ คิดจะใช้นโยบาย “รัฐสวัสดิการ” ไปหาสวรรค์วิมานอะไรกัน พระบาทเคยอยู่นิวซีแลนด์เกือบ 10 ปี เรียนหนังสือตั้งแต่เด็กจนโต จนจบมหาวิทยาลัยของรัฐ รัฐบาลที่นั่นให้ประชาชนโดยเฉพาะโรงเรียนดื่มนมฟรี รับประทานขนมปังนุ่มๆ ฟรี น้ำสะอาดดื่มฟรีทั่วประเทศ ไฟฟ้าก็ถูก สาธารณูปโภคก็ถูกเหมือนได้ฟรี

แต่ประเทศนิวซีแลนด์ซึ่งขึ้นชื่อว่าไม่มีคอร์รัปชั่น ติดที่หนึ่งของโลกมาหลายปี ก็ทนไม่ไหว แม้จะร่ำรวยก็ต้องใช้เสรีนิยมนำทุนนิยมมาใช้ ใช่ว่าถังแตกนะ แต่เห็นว่าสวัสดิการทำให้คนนิสัยเสีย ขี้เกียจ คนขยันก็หนีออกไปอยู่ประเทศอื่น เพราะต้องการแข่งขันทำให้คนนิวซีแลนด์ ไปสร้างชื่อให้อังกฤษ อเมริกา หรือในยุโรปกันหมด

หลังจากนั้น นิวซีแลนด์ก็ดีขึ้น ข้าวของแพง ผมกลับไปเยี่ยมได้ 10 กว่าครั้ง พบว่า นมแพง ขนมปังแพง อย่างอื่นก็ขึ้นราคาขึ้น

ประเทศสวัสดิการอื่นๆ ก็คิดแบบเดียวกัน ให้สวัสดิการบางอย่างโดยคงไว้ที่จำเป็นเท่านั้น

ความจริงอีกประการหนึ่งว่า บรรดารัฐที่ใช้สวัสดิการเท่านั้น ไม่ได้บรรจุสวัสดิการไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่กำหนดไว้ใน “นโยบาย” เท่านั้นเอง

มีแต่ประเทศไทยนี้แหละ สะเออะมาก คิดว่าจะใส่ไว้ในรัฐธรรมนูญเลย

พูดง่ายๆ กำหนดเป็นกฎหมายสุงสุดของรัฐ ของประเทศเสียฉิบ

ไทยนั้นมีความเหลื่อมล้ำต่ำสูงมาก มีคนรวยร้อยละ 20 ในจำนวนมีมหาเศรษฐีที่รวยจริงๆ ไม่กี่คน ที่เหลือก็มีแต่เขือเท่านั้นคร๊าบบ ร้อยละ 20 ครองทรัพยากรธรรมชาติถึงร้อยละ 55 คนจนร้อยละ 60 ถือครองทรัพยากรฯ แค่ร้อยละ 4

รัฐบาลทักษิณทำให้คนไทย “นิสัยเสีย” เลือกตั้งเป็นรัฐบาลก็แจกแหลก อะไรลดได้ก็ลดกันสะบั้นหั่นแหลก แถมอีกต่างหาก ต้องการสร้างภาพให้ประทับใจประชาชน ซึ่งได้ผลมาก คนคิดว่าเป็นบุญเป็นคุณใหญ่หลวงจนถึงทุกวันนี้

นี่คือแนวคิด “ประชานิยม” เป็นเอกลักษณ์ที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังทำตามโดยไม่ละอายใจแม้แต่กะผีก

ดร.บวรศักดิ์ คงผีเข้า จึงแนะว่า “ผมและเพื่อนนักวิชาการจำนวนหนึ่ง เห็นว่าเราต้องแปลงประชานิยมของแต่ละรัฐบาลเป็น “รัฐสวัสดิการ” และก็เขียนใส่ไว้ในรัฐธรรมนูญ ต้องให้คนมั่งมีรู้จักเฉลี่ยความสุขไปให้กับคนจน ไม่ว่าจะมีภาษีเงินได้ ภาษีมรดก หรือภาษีจากการซื้อขายหุ้น ต้องเอามาแบ่งให้คนจนบ้าง ของแบบนี้ไม่ต้องแบมือขอจากรัฐบาล และไม่ต้องผลักภาระหนี้ให้กับคนรุ่นหลัง”

สรุปได้ว่า สาระของ “สวัสดิการ” นั้นก็กว้างใหญ่กว่าที่เราคิด กินลึกไปถึงการรัดภาษีนานาชนิด

เป็นการถอนขนห่านจนหมดตัวห่าน

อย่างไรก็อย่างนั้น

เอาเป็นว่า ถ้ามันเกิดขึ้นจริง คนจนจะได้ชีวิตที่ดีขึ้น หรือไม่ก็ต้องลองคิดดู

แต่คนรวยโดนบีบ และคงจะต้องถูกแบ่งเฉลี่ยผลพวงจากรายได้ไม่เว้นแม้แต่มรดก

อย่าลืมเป็นอันขาดว่า ภาษีมรดกนั้น พูดกันมาหลายสิบปีแล้ว

มันไม่เคยเกิดขึ้นได้ หรือมีเค้าว่าจะสำเร็จลงได้เลย

แม้ว่าความคิดนี้ดูจะบรรเจิดจรัสและแจ่มใส แต่ก็อย่าลืมว่าคนรวยในประเทศนี้ มีฤทธิ์มาก คาถาของคนรวยนั้น เสกได้ทุกเวลา โดยเฉพาะเสกได้ฉมัง หากรู้ว่าอยู่ๆ เงินทองกำลังถูกชิงถูกแย่งหรือเถือออกไป

คนรวยและนักธุรกิจยังมีทหารหนุนหลังอยู่ไม่น้อย

เพราะคนเหล่านี้สามารถเสกคาถาจนปฏิวัติได้มาหลายครั้งแล้ว

เมื่อปฏิวัติครั้งใดก็ยกร่างรัฐธรรมนูญกันทุกครั้งไป แต่ละครั้งก็เขียนรัฐธรรมนูญตามอำเภอใจแก่คณะของพวกตน

กล่าวโดยสรุป

ความคิดจะสร้างรัฐสวัสดิการ ถ้าไม่เป็นหมัน ก็แท้งค์ก่อนคลอดอย่างแน่นอน

ผมจึงไม่ได้สนใจอะไรมากกว่าเอามาเขียนถึงเท่านั้นแหละครับ

มันมีอะไรมีทางออกที่ดีกว่ารัฐสวัสดิการอีกไหม?

ผมเองก็ตอบไม่ได้ แต่คิดว่าของแบบนี้ควรต้องเป็นต้องไป

คือกฎหมายสามารถเปลี่ยนแปลงได้ โดยการเปลี่ยนทีละข้อและไม่ใช่แบบทันควัน ควรให้เวลาประชาชนให้คนรวยปรับตัวบ้าง

คนจนควรติดอาวุธโดยการได้รับการศึกษาให้ดี ได้รับการประกันสุขภาพเพื่อชีวิตมีอนาคตที่ดีกว่า นอกจากนั้นก็ควรที่จะให้การศึกษาแพร่ถึงผู้สูงอายุที่ยังสามารถเรียนรู้เพื่อให้ได้ศักยภาพในการสร้างสรรค์ หากยังมีสมองที่ทำงานได้

นี่เป็นสิ่งที่เป็นทางเลือกที่พอจะช่วยได้ ทางเลือกอื่นๆ ก็ยังจะมี หากเราเลือกและช่วยกันคิด
กำลังโหลดความคิดเห็น