การเมืองเดินมาถึงจุดพร้อมแตกหัก เป็นสถานการณ์สุ่มเสี่ยงที่อาจจะทำให้ชาติป่นปี้ยับเยินครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์การเมืองยุคใหม่ อาจจะรุนแรงถึงระดับโครงสร้างสถาบันสำคัญ ๆ ทั้งหมด
นายกฯ อภิสิทธิ์ พูดถูกที่บอกว่า เป้าหมายของขบวนการทักษิณไม่ใช่แค่กดดันให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่
นั่นเพราะเดิมพันของขบวนการเสื้อแดงไม่ใช่เรื่องประชาธิปไตย ไม่ใช่การต่อสู้ทางการเมืองช่วงชิงอำนาจบริหารตามปกติ แต่เดิมพันของเขาไปผูกติดกับผลประโยชน์ของ ทักษิณ ชินวัตร ล้วน ๆ
คดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านไม่ใช่แค่ผลประโยชน์ทางการเงินอย่างเดียว แต่หมายถึงชื่อเสียงเกียรติยศ พื้นที่ยืนในสังคมโลก หากมีการตัดสินคดีนี้เท่ากับการเปิดโปงกองทุนซิเนตรา บลูไดมอนด์ แอลเพิลริช เปลือยโฉมหน้าของนักการเมืองที่เล่นกลซุกหุ้นเงินทอง ไม่ซื่อสัตย์ต่อความเป็นนักการเมืองแจ้งทรัพย์ต่อสาธารณะ
เปิดเปลือยคน ๆ นี้ต่อสังคมโลกว่า ใช้อำนาจบริหารคดโกงเพิ่มมูลค่าทรัพย์ของตนเช่นไร
นอกจากเงินโดนยึดแล้ว แผ่นดินให้เหยียบอย่างมีศักดิ์ศรีจะหมดสิ้น เหลือเพียงประเทศยากจนในอาฟริกา หรือประเทศเผด็จการเท่านั้นที่จะต้อนรับ
กระบวนการพิจารณาคดีจะสิ้นสุดนัดสุดท้ายในวันที่ 24 ธันวาคม ต่อจากนั้นหลักฐานหักล้างทั้งหลายรวมถึงการให้ปากคำจะอยู่ในแฟ้มเพื่อพิจารณาตัดสิน คาดว่าน่าจะนั่งบัลลังก์ในเดือนมกราคมปีหน้า
ถ้าเข็นมวลชนเสื้อแดงกดดันหนักเอาแค่ประกาศยุบสภาให้เลือกตั้งใหม่ในช่วงสิ้นปี กว่าจะเลือกและตั้งรัฐบาลใหม่คงจะเลยไปถึงมีนาคม 2553 ซึ่งคงไม่พอและไม่ทันการณ์เสียแล้ว
ดังนั้นเป้าหมายการกดดันให้ยุบสภาจึงเป็นเป้าหมายขั้นรองลงไป ในทำนองกำขี้ดีกว่ากำตด
เช่นเดียวกับเรื่องนิรโทษกรรม ที่เป็นความต้องการปลดล็อกเรื่องคดีความและผลประโยชน์ส่วนตน ก็ยังต้องใช้เวลาและบริบทแวดล้อมที่ทักษิณและพวกควบคุมไม่ได้
ทักษิณ และขบวนการของเขาแสดงตนชัดเจนว่าสิ่งที่ดำเนินการไปทั้งหมดตลอดระยะที่ผ่านมาคือ “อำนาจรัฐ” เพื่อแก้ปัญหาทั้งหมดของพวกเขา
ความแหลมคมของสถานการณ์ตอนนี้ ลากเอาสถาบันหลักแทบทั้งหมดเข้ามาผูกด้วย คุณสนธิ ได้เล่านิทาน ที่เวทีท้องสนามหลวงคืนวันถูกระเบิดเอ็ม 79 เนื้อหาเดียวกับที่เล่าให้ทูตยุโรปฟัง ลองกลับไปพิจารณาความระหว่างบรรทัดอีกครั้งเถอะครับ เรื่องบางเรื่องไม่ควรนำมาขยายความในที่สาธารณะ ขอสรุปว่าการชิงบ้านชิงเมืองของทักษิณลามปามไปไกลกว่าเรื่องนักการเมืองชิงอำนาจกันตามปกติและน่ากลัวอย่างยิ่ง
คนอย่าง พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร มีเครือข่ายพอสมควรจึงรู้ว่าลามปามไปไกลจึงตัดสินใจออกจากพรรคเพื่อไทย
คนอย่าง เฉลิม อยู่บำรุง ก็นกรู้ แม้จะมีสายต่อมาให้ช่วยออกหน้ากู้สถานการณ์ให้หน่อย เฉลิม อยู่บำรุง เลือกที่จะเข้าโรงพยาบาลแทน
ยกมาให้เห็นเฉพาะคนที่อยู่ในพรรคเพื่อไทยโดยตรงเพื่อให้สำเหนียกกัน
นี่เป็นสงคราม ในเมื่อเป็นสงครามจึงไม่ถูกจำกัดด้วยวิธีการ
การเคลื่อนไหวของขบวนการเสื้อแดงในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมามีเข็มมุ่งไปสู่การเอาชนะด้วยการปฏิวัติประชาชนชัดเจนมาขึ้นเรื่อย ๆ
หนึ่ง-แนวคิดลองมาร์ช เดินทางไกลจากอีสานเข้ากรุงฯ จากที่เป็นแค่ข้อเสนอในช่วงเมษายนบัดนี้ กลายเป็นส่วนหนึ่งของแผนแล้ว ขึ้นกับจะงัดมาใช้ให้ถูกจังหวะตอนไหน
สอง-กิจกรรมของคนเสื้อแดงในรอบ 2 เดือนเป็นเสมือนการทดสอบระบบ เช่น เวทีนัดหมายที่ทำเนียบเมื่อเดือนก่อนต้องการดูว่าคนเสื้อแดงในกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่ไม่ได้จัดตั้งจะมาด้วยตนเองจำนวนเท่าไหร่ เพื่อนำไปประกอบการวางแผนใหญ่ต่อ
สาม-หลักสูตรการสัมมนาผู้นำ นปช. จำลองเทคนิควิธีการทำงานมวลชนและขับเคลื่อนการชุมนุมตามรอยพันธมิตรแทบทุกก้าว มีเรื่องเทคนิคการควบคุมมวลชนระยะไกลด้วยรถโมบายล์ จะถ่ายทอดเสียงจากเวทีใหญ่อย่างไร ทำอย่างไรให้ขบวนที่ส่งไปสื่อสารและรับคำสั่งจากเวทีใหญ่ เรื่องระบบส่งกำลังบำรุงกรณีดาวกระจาย เรื่องการจัดตั้งเครือข่ายระดับกลางและล่าง ซึ่งที่สุดเป็นเสมือนกองร้อย และ กองพัน ในการขับเคลื่อนมวลชนขนาดใหญ่ ในเรื่องนี้จะมีการทดสอบระบบจริงในวันที่ 29-30 พฤศจิกายน
สี่-กองกำลังพร้อมติดอาวุธ และหน่วยฮาร์ดคอร์ ที่เป็นเสมือนทัพพิสดาร การข่าวที่ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ปูดมาว่ามีการเอาคนจากชายแดนเข้ามานั้นสอดคล้องกับการข่าวของอีกหลายหน่วย เป็นข่าวที่มีน้ำหนักมากไม่ควรละทิ้งประเด็นนี้
ห้า-การเอาชีวิตฝ่ายตรงกันข้าม ตอนเมษายนมีตัวอย่างให้เห็นแล้วทั้งอภิสิทธิ์ และนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ ที่เชียงใหม่เป็นแค่เพชรวรรตปากมากอยากดังไม่ใช่ของจริง แต่ของจริงที่ทำเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ไม่มีมูล
นับจากวันที่ 28 พฤศจิกายนเป็นต้นไปถึงสิ้นปี..ทุก ๆ วันมีความหมายทั้งสิ้น วันดีเดย์จะเป็นวันใดก็ได้เมื่อโอกาสถึงพร้อม
เหมือนกับกองทัพล้อมเมือง กดดัน บดขยี้ ทำให้อ่อนเปลี้ย เมื่อถึงจังหวะก็จะบุกตีทันทีด้วยแผนที่วางไว้ล่วงหน้า
วันที่ 30 พฤศจิกายนเป็นวันจันทร์ รถจะติดทั้งเมืองและเป็นแผนการกระจายออกเพื่อสลายกำลังฝ่ายรับให้กระจายตามเพื่อเฝ้าระวัง อ่อนแรงลง
ขณะที่ดาวกระจายจะเป็นการทดสอบระบบหลักสูตรโรงเรียนผู้นำ รถโมบายล์ประสานงาน และการส่งกำลังบำรุง ดูประสิทธิภาพของกองร้อยและกองพันที่จัดตั้งขึ้นรับคำสั่งเคลื่อนย้าย หรือขับเคลื่อนถูกต้องตรงกันหรือไม่ ซึ่งหากฝ่ายข่าวรัฐขยันน่าจะจำแนกที่มาของมวลชนแต่ละชุดรวมถึงแกนนำระดับกองร้อยและกองพันแต่ละชุด
เจ้าหน้าที่จะทำงานหนักตั้งแต่ 28 พฤศจิกายนเป็นต้นไป ระหว่าง 3-6 ธันวาคมเป็นวันสำคัญก็ไม่ได้พัก และต้องทำงานหนักต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ นับจาก 6 ธันวาคมยิ่งหากดาวกระจายต่อเนื่องการก็ยิ่งกินแรงและย่อยสลายกำลังฝ่ายรับ
การปฏิวัติประชาชนจะเกิดขึ้นได้เมื่อมวลชนมีวินัยและมีโครงสร้างหมวดหมู่ชัดเจนรับคำสั่งจากเวทีใหญ่ จะไม่เหมือนเมษายนที่แท็กซี่ไม่ฟังเวทีใหญ่ กระจายออกไปปฏิบัติการวงกว้าง กำลังรับที่อ่อนล้าอยู่แล้วจะถูกย่อยสลายออกไปอีก
ประสานกับกองกำลังฮาร์ดคอร์ หรือกลุ่มพร้อมติดอาวุธที่สามารถทำสิ่งไม่คาดฝัน กลายเป็นทัพพิสดารก่อเหตุ ถ้าใช้มวลชนบังหน้าเป็นเกราะมุ่งเข้าหาคนสำคัญจับตัวไว้ให้ได้
มวลชนที่มีแกนนำสั่งการจะเป็นระเบียบกว่าฝูงคนบ้าคลั่ง ยากจะทำสิ่งรุนแรงตอบกลับไป เกราะมวลชนผสานกับกองกำลังหลักที่ปกปิดแอบแฝงกระจายดำเนินการในจุดต่าง ๆ พร้อมกัน
ประสานกับข้าราชการที่เกษียณและยังอยู่ในระบบ
ถ้าจำเป็นต้องลองมาร์ชเปิดศึกอีกด้าน เหมือนมีทัพหนุนกระหนาบก็ทำ ..ถ้าไม่จำเป็นก็ลงที่ใจกลางกรุงเทพฯ พร้อมประกาศชัย
นี่คือการรัฐประหารโดยวางกำลังหลักเอาไว้ แต่ใช้มวลชนบังหน้าและเป็นเกราะกำบังให้ ในนามของการปฏิวัติประชาชน..ซึ่งแม้จะเป็นการวิเคราะห์คาดการณ์แต่ใช่จะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว
ผมไม่อยากให้เหตุเกิดแบบนี้หรอก เพราะเลือดไทยต้องท่วมท้องถนนอย่างแน่นอน
สำหรับรัฐบาลที่เป็นฝ่ายตั้งรับ ก็อย่าได้เลียนแบบกังตั๋งรอพระเจ้าเมตตา เหมือนรอลมทะเลพัดกลับไปเผาทัพเรือโจโฉ แม้ฟ้าจะมีตาแต่คนต้องพยายามแก้ปัญหาตนเองก่อน
แม้ทักษิณ เคยพลาดง่าย ๆ สะดุดขาตัวเอง..สวรรค์ลิขิตให้ผิดพลาดในจังหวะสำคัญทุกครั้งไป..ก็ตามที
แต่ครั้งนี้อย่าได้ประมาทกิ้งกือที่เคยเดินตกท่อมาแล้วเป็นอันขาด !
ย้ำอีกครั้ง นี่แม้จะเป็นการวิเคราะห์คาดการณ์แต่ใช่จะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว.
นายกฯ อภิสิทธิ์ พูดถูกที่บอกว่า เป้าหมายของขบวนการทักษิณไม่ใช่แค่กดดันให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่
นั่นเพราะเดิมพันของขบวนการเสื้อแดงไม่ใช่เรื่องประชาธิปไตย ไม่ใช่การต่อสู้ทางการเมืองช่วงชิงอำนาจบริหารตามปกติ แต่เดิมพันของเขาไปผูกติดกับผลประโยชน์ของ ทักษิณ ชินวัตร ล้วน ๆ
คดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านไม่ใช่แค่ผลประโยชน์ทางการเงินอย่างเดียว แต่หมายถึงชื่อเสียงเกียรติยศ พื้นที่ยืนในสังคมโลก หากมีการตัดสินคดีนี้เท่ากับการเปิดโปงกองทุนซิเนตรา บลูไดมอนด์ แอลเพิลริช เปลือยโฉมหน้าของนักการเมืองที่เล่นกลซุกหุ้นเงินทอง ไม่ซื่อสัตย์ต่อความเป็นนักการเมืองแจ้งทรัพย์ต่อสาธารณะ
เปิดเปลือยคน ๆ นี้ต่อสังคมโลกว่า ใช้อำนาจบริหารคดโกงเพิ่มมูลค่าทรัพย์ของตนเช่นไร
นอกจากเงินโดนยึดแล้ว แผ่นดินให้เหยียบอย่างมีศักดิ์ศรีจะหมดสิ้น เหลือเพียงประเทศยากจนในอาฟริกา หรือประเทศเผด็จการเท่านั้นที่จะต้อนรับ
กระบวนการพิจารณาคดีจะสิ้นสุดนัดสุดท้ายในวันที่ 24 ธันวาคม ต่อจากนั้นหลักฐานหักล้างทั้งหลายรวมถึงการให้ปากคำจะอยู่ในแฟ้มเพื่อพิจารณาตัดสิน คาดว่าน่าจะนั่งบัลลังก์ในเดือนมกราคมปีหน้า
ถ้าเข็นมวลชนเสื้อแดงกดดันหนักเอาแค่ประกาศยุบสภาให้เลือกตั้งใหม่ในช่วงสิ้นปี กว่าจะเลือกและตั้งรัฐบาลใหม่คงจะเลยไปถึงมีนาคม 2553 ซึ่งคงไม่พอและไม่ทันการณ์เสียแล้ว
ดังนั้นเป้าหมายการกดดันให้ยุบสภาจึงเป็นเป้าหมายขั้นรองลงไป ในทำนองกำขี้ดีกว่ากำตด
เช่นเดียวกับเรื่องนิรโทษกรรม ที่เป็นความต้องการปลดล็อกเรื่องคดีความและผลประโยชน์ส่วนตน ก็ยังต้องใช้เวลาและบริบทแวดล้อมที่ทักษิณและพวกควบคุมไม่ได้
ทักษิณ และขบวนการของเขาแสดงตนชัดเจนว่าสิ่งที่ดำเนินการไปทั้งหมดตลอดระยะที่ผ่านมาคือ “อำนาจรัฐ” เพื่อแก้ปัญหาทั้งหมดของพวกเขา
ความแหลมคมของสถานการณ์ตอนนี้ ลากเอาสถาบันหลักแทบทั้งหมดเข้ามาผูกด้วย คุณสนธิ ได้เล่านิทาน ที่เวทีท้องสนามหลวงคืนวันถูกระเบิดเอ็ม 79 เนื้อหาเดียวกับที่เล่าให้ทูตยุโรปฟัง ลองกลับไปพิจารณาความระหว่างบรรทัดอีกครั้งเถอะครับ เรื่องบางเรื่องไม่ควรนำมาขยายความในที่สาธารณะ ขอสรุปว่าการชิงบ้านชิงเมืองของทักษิณลามปามไปไกลกว่าเรื่องนักการเมืองชิงอำนาจกันตามปกติและน่ากลัวอย่างยิ่ง
คนอย่าง พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร มีเครือข่ายพอสมควรจึงรู้ว่าลามปามไปไกลจึงตัดสินใจออกจากพรรคเพื่อไทย
คนอย่าง เฉลิม อยู่บำรุง ก็นกรู้ แม้จะมีสายต่อมาให้ช่วยออกหน้ากู้สถานการณ์ให้หน่อย เฉลิม อยู่บำรุง เลือกที่จะเข้าโรงพยาบาลแทน
ยกมาให้เห็นเฉพาะคนที่อยู่ในพรรคเพื่อไทยโดยตรงเพื่อให้สำเหนียกกัน
นี่เป็นสงคราม ในเมื่อเป็นสงครามจึงไม่ถูกจำกัดด้วยวิธีการ
การเคลื่อนไหวของขบวนการเสื้อแดงในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมามีเข็มมุ่งไปสู่การเอาชนะด้วยการปฏิวัติประชาชนชัดเจนมาขึ้นเรื่อย ๆ
หนึ่ง-แนวคิดลองมาร์ช เดินทางไกลจากอีสานเข้ากรุงฯ จากที่เป็นแค่ข้อเสนอในช่วงเมษายนบัดนี้ กลายเป็นส่วนหนึ่งของแผนแล้ว ขึ้นกับจะงัดมาใช้ให้ถูกจังหวะตอนไหน
สอง-กิจกรรมของคนเสื้อแดงในรอบ 2 เดือนเป็นเสมือนการทดสอบระบบ เช่น เวทีนัดหมายที่ทำเนียบเมื่อเดือนก่อนต้องการดูว่าคนเสื้อแดงในกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่ไม่ได้จัดตั้งจะมาด้วยตนเองจำนวนเท่าไหร่ เพื่อนำไปประกอบการวางแผนใหญ่ต่อ
สาม-หลักสูตรการสัมมนาผู้นำ นปช. จำลองเทคนิควิธีการทำงานมวลชนและขับเคลื่อนการชุมนุมตามรอยพันธมิตรแทบทุกก้าว มีเรื่องเทคนิคการควบคุมมวลชนระยะไกลด้วยรถโมบายล์ จะถ่ายทอดเสียงจากเวทีใหญ่อย่างไร ทำอย่างไรให้ขบวนที่ส่งไปสื่อสารและรับคำสั่งจากเวทีใหญ่ เรื่องระบบส่งกำลังบำรุงกรณีดาวกระจาย เรื่องการจัดตั้งเครือข่ายระดับกลางและล่าง ซึ่งที่สุดเป็นเสมือนกองร้อย และ กองพัน ในการขับเคลื่อนมวลชนขนาดใหญ่ ในเรื่องนี้จะมีการทดสอบระบบจริงในวันที่ 29-30 พฤศจิกายน
สี่-กองกำลังพร้อมติดอาวุธ และหน่วยฮาร์ดคอร์ ที่เป็นเสมือนทัพพิสดาร การข่าวที่ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ปูดมาว่ามีการเอาคนจากชายแดนเข้ามานั้นสอดคล้องกับการข่าวของอีกหลายหน่วย เป็นข่าวที่มีน้ำหนักมากไม่ควรละทิ้งประเด็นนี้
ห้า-การเอาชีวิตฝ่ายตรงกันข้าม ตอนเมษายนมีตัวอย่างให้เห็นแล้วทั้งอภิสิทธิ์ และนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ ที่เชียงใหม่เป็นแค่เพชรวรรตปากมากอยากดังไม่ใช่ของจริง แต่ของจริงที่ทำเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ไม่มีมูล
นับจากวันที่ 28 พฤศจิกายนเป็นต้นไปถึงสิ้นปี..ทุก ๆ วันมีความหมายทั้งสิ้น วันดีเดย์จะเป็นวันใดก็ได้เมื่อโอกาสถึงพร้อม
เหมือนกับกองทัพล้อมเมือง กดดัน บดขยี้ ทำให้อ่อนเปลี้ย เมื่อถึงจังหวะก็จะบุกตีทันทีด้วยแผนที่วางไว้ล่วงหน้า
วันที่ 30 พฤศจิกายนเป็นวันจันทร์ รถจะติดทั้งเมืองและเป็นแผนการกระจายออกเพื่อสลายกำลังฝ่ายรับให้กระจายตามเพื่อเฝ้าระวัง อ่อนแรงลง
ขณะที่ดาวกระจายจะเป็นการทดสอบระบบหลักสูตรโรงเรียนผู้นำ รถโมบายล์ประสานงาน และการส่งกำลังบำรุง ดูประสิทธิภาพของกองร้อยและกองพันที่จัดตั้งขึ้นรับคำสั่งเคลื่อนย้าย หรือขับเคลื่อนถูกต้องตรงกันหรือไม่ ซึ่งหากฝ่ายข่าวรัฐขยันน่าจะจำแนกที่มาของมวลชนแต่ละชุดรวมถึงแกนนำระดับกองร้อยและกองพันแต่ละชุด
เจ้าหน้าที่จะทำงานหนักตั้งแต่ 28 พฤศจิกายนเป็นต้นไป ระหว่าง 3-6 ธันวาคมเป็นวันสำคัญก็ไม่ได้พัก และต้องทำงานหนักต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ นับจาก 6 ธันวาคมยิ่งหากดาวกระจายต่อเนื่องการก็ยิ่งกินแรงและย่อยสลายกำลังฝ่ายรับ
การปฏิวัติประชาชนจะเกิดขึ้นได้เมื่อมวลชนมีวินัยและมีโครงสร้างหมวดหมู่ชัดเจนรับคำสั่งจากเวทีใหญ่ จะไม่เหมือนเมษายนที่แท็กซี่ไม่ฟังเวทีใหญ่ กระจายออกไปปฏิบัติการวงกว้าง กำลังรับที่อ่อนล้าอยู่แล้วจะถูกย่อยสลายออกไปอีก
ประสานกับกองกำลังฮาร์ดคอร์ หรือกลุ่มพร้อมติดอาวุธที่สามารถทำสิ่งไม่คาดฝัน กลายเป็นทัพพิสดารก่อเหตุ ถ้าใช้มวลชนบังหน้าเป็นเกราะมุ่งเข้าหาคนสำคัญจับตัวไว้ให้ได้
มวลชนที่มีแกนนำสั่งการจะเป็นระเบียบกว่าฝูงคนบ้าคลั่ง ยากจะทำสิ่งรุนแรงตอบกลับไป เกราะมวลชนผสานกับกองกำลังหลักที่ปกปิดแอบแฝงกระจายดำเนินการในจุดต่าง ๆ พร้อมกัน
ประสานกับข้าราชการที่เกษียณและยังอยู่ในระบบ
ถ้าจำเป็นต้องลองมาร์ชเปิดศึกอีกด้าน เหมือนมีทัพหนุนกระหนาบก็ทำ ..ถ้าไม่จำเป็นก็ลงที่ใจกลางกรุงเทพฯ พร้อมประกาศชัย
นี่คือการรัฐประหารโดยวางกำลังหลักเอาไว้ แต่ใช้มวลชนบังหน้าและเป็นเกราะกำบังให้ ในนามของการปฏิวัติประชาชน..ซึ่งแม้จะเป็นการวิเคราะห์คาดการณ์แต่ใช่จะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว
ผมไม่อยากให้เหตุเกิดแบบนี้หรอก เพราะเลือดไทยต้องท่วมท้องถนนอย่างแน่นอน
สำหรับรัฐบาลที่เป็นฝ่ายตั้งรับ ก็อย่าได้เลียนแบบกังตั๋งรอพระเจ้าเมตตา เหมือนรอลมทะเลพัดกลับไปเผาทัพเรือโจโฉ แม้ฟ้าจะมีตาแต่คนต้องพยายามแก้ปัญหาตนเองก่อน
แม้ทักษิณ เคยพลาดง่าย ๆ สะดุดขาตัวเอง..สวรรค์ลิขิตให้ผิดพลาดในจังหวะสำคัญทุกครั้งไป..ก็ตามที
แต่ครั้งนี้อย่าได้ประมาทกิ้งกือที่เคยเดินตกท่อมาแล้วเป็นอันขาด !
ย้ำอีกครั้ง นี่แม้จะเป็นการวิเคราะห์คาดการณ์แต่ใช่จะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว.