กรณีเหมืองเพชรของทักษิณมีประเด็นที่เป็นเรื่องปกติธรรมดา และผิดปกติ ปนเปกัน
ในส่วนของความเป็นปกติก็คือ ทักษิณ ชินวัตร เล่นกับอารมณ์ความรู้สึกของชาวบ้านได้ดีเสมอต้นเสมอปลาย ชีวิตของเขาตั้งแต่กิน นอน อาบน้ำ ไปเที่ยว หรือออกไปทำมาหากิน(เข้ากระเป๋าตัวเอง) สามารถแปรมาเป็นความนิยมได้หมด
นี่เป็นสไตล์การเมืองแบบอเมริกัน สังเกตว่านักการเมืองอเมริกาต่างจากอังกฤษตรงที่จำเป็นต้องเปิดพรมแดนพื้นที่ส่วนตัวออกสู่สาธารณะให้สังคมรู้สึกใกล้ชิดเป็นกันเองกับผู้นำซึ่งเป็นตัวแทนที่เสนอตัวรับเลือกเข้ามา ให้ชาวบ้านเข้าถึงเรื่องราวส่วนตัวของครอบครัวประธานาธิบดี เช่น กีฬา สัตว์เลี้ยง รสนิยม การแต่งกาย หรือแม้กระทั่งการไปพักผ่อนยิงปืน เดินป่า ฯลฯ
หลังเหตุการณ์ 911 มีข้อเสนอให้กันพื้นที่ทำเนียบขาวเป็นเขตปลอดภัย แต่ด้วยเหตุผลของการที่ผู้นำต้องเปิดให้สาธารณะเข้าถึง-สร้างความรู้สึกไม่เหินห่างจากกัน ที่สุดก็ยังต้องเปิดให้ชาวบ้านรวมถึงนักท่องเที่ยวเข้าไปถ่ายรูปประชิดรั้วทำเนียบขาวได้เช่นเดิมโดยเพิ่มระดับมาตรการป้องกันที่แนบเนียนเพิ่มขึ้น
การทำตนใกล้ชิดกับสาธารณะตามรสนิยมแบบอเมริกันนั้น ทักษิณ ทำได้ดีเหนือกว่า อภิสิทธิ์ หรือนายกฯ คนอื่น ๆ ในรอบ 20 ปี (อาจจะยกเว้นเพียงพล.อ.ชาติชายคนเดียวกระมังที่ลีลากินกันไม่ลง)
พูดแบบชาวบ้าน..ไม่ว่าจะกิน ขี้ ปี้ นอน หรือทำมาหารับประทาน ทักษิณ สามารถเอามารับใช้การเมืองได้หมด และทำอย่างแนบเนียนด้วย !
ก่อนเกิดข่าวทักษิณใส่เสื้อแดงโชว์ภาพถ่ายเหมืองเพชรเมื่อ 26 สิงหาคม ปรากฎข่าวสารปูทางมาตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม
ทักษิณจับรสนิยมของชาวบ้านแบบไทย ๆ ที่มักจะนิยมคนหาเงินเก่ง (ทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่ได้เข้าไปมีเอี่ยวกับเขาแม้แต่แดงเดียว)
เริ่มจากปลายเดือนกรกฎาคม บอกว่ามีรัฐมนตรีจากอาฟริกามาหาชวนไปเที่ยวประเทศเขา ต่อจากนั้นวันที่ 3 สิงหาคมบอกว่าได้ลงนามร่วมทุนทำเหมืองเพชร
วันรุ่งขึ้น 4 สิงหาเล่ารายละเอียดที่สะท้อนเบื้องหน้าเบื้องหลังของเรื่องได้พอประมาณ เช่นได้ศึกษาพบว่า De Beers ผูกขาดเครือข่ายทั่วโลกมีส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 50% เป็นผู้ทำให้ราคาเพชรสูงขึ้นตลอดเวลา จนเมื่อพรรคพวกจากอาฟริกา (ไม่รู้ว่าเป็นรัฐมนตรีที่มาหาหรือเปล่า?) มาเสนอว่า เศรษฐกิจโลกตกต่ำ ทำให้ราคาเพชรตก โดยเฉพาะราคาของเหมืองและเพชรดิบ ก็เลยเข้าไปทำ
ทักษิณหมกมุ่นและให้ความใส่ใจกับรายละเอียดของสื่อที่ต้องการส่งมายังประเทศไทยมาก...อีกสองชั่วโมงของวันเดียวกันก็ส่งข้อความเพิ่มมาว่า “เพชรที่ทำ ผมเช็คหลายรอบแล้ว รับรองไม่ใช่ Blood Diamond แน่นอน ไม่ต้องห่วงครับ”
นั่นเพราะเขาไม่ต้องการให้มีการไปขยายความหรือเกิดข่าวสารด้านลบต่อธุรกิจใหม่ที่กำลังเห่อ คนในวงการรู้ดีว่า Blood Diamond หรือ Conflict Diamond เป็นธุรกิจที่มาจากปืน สงครามกลางเมือง เลือดเนื้อผลประโยชน์และมาเฟียในพื้นที่สงครามกลางเมือง เป็นสินค้าที่น่ารังเกียจ
การเมืองหรือไม่-ให้ดูจากบทบาทของ นพดล ปัทมะ ชิงแถลงข่าวตอกย้ำเอาหน้าทันทีในวันรุ่งขึ้น (5ส.ค.) บอกว่า ทักษิณ ชินวัตร ลงนามทำสัญญาร่วมทุนทำสัมปทานเหมืองเพชรกับ 3 ประเทศในทวีปแอฟริกาแต่จะเป็นประเทศใดบ้างขออุบเอาไว้ก่อนเพราะเกรงนายกษิต ภิรมย์ จะเข้าพัวพัน
คำพูดทิ้งท้ายของนพดล “ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังศึกษาถึงความเป็นไปได้ที่จะนำแรงงานไทยมาร่วมงานด้วย” เป็นการหาเสียงเรียกคะแนนนิยมทางการเมืองล้วน ๆ
หลอกชาวบ้านและเสื้อแดงกลุ่มโง่ ๆ ไร้สมอง (ที่ฉลาดก็มีนะ-อย่าเพิ่งโต้มา) เพราะแรงงานเหมืองเพชรอาฟริกานั้นค่าแรงน้อยนิด ไม่เหมือนประเทศตะวันออกกลางที่ขาดแรงงานและค่าแรงสูง ถ้าจะเอาคนไทยไปทำเหมืองมีรายได้สูงก็คงเป็นพวกวิศวกรเหมืองเท่านั้นแหละ ชาวบ้านรากหญ้าใช้แรงรับจ้างอย่างเดียวถ้าจ้างไปต้นทุนก็สูงกว่าเหมืองอื่นดังนั้นนายนพดล จึงพูดเอามัน พูดเอาแต่ได้ ในประเด็นนี้
นี่คือประเด็นที่บอกว่า เป็นปกติ นั่นคือหาเสียง หลอกตีกินสร้างกระแสดึงความนิยมเป็นปกติ !
ในส่วนของความผิดปกติ มีอยู่ดังนี้
ข้อแรก-ทักษิณโกหกสังคมมาหลายครั้งแล้ว คำพูดว่าไม่ใช่ Blood Diamond จึงยังไม่น่าเชื่อจนกว่าจะมีข้อมูลยืนยัน แต่ทว่าทั้งทักษิณ ทั้งนพดล ไม่เปิดรายละเอียด ไม่บอกประเทศ ไม่บอกรายละเอียดการร่วมทุนกับกลุ่มใด นี่จึงยังจัดชั้นในกลุ่ม “ข้อมูลข่าวสารสีเทา” ใช้หลอกตีกินเป็นหลัก
ข้อสอง-หากไม่ใช่ Blood Diamond อย่างนั้น 3 ประเทศที่นพดล ปัทมะบอกคือประเทศใด วงการเพชรโลกเขาถือหลักแหล่งที่มาของเพชรที่โปร่งใส ชัดเจน ไม่ใช่ว่าจู่ ๆ เอาเพชรดิบส่งมาให้คนไทยเจียระไนแล้วขายได้เลยนะครับ มีสาเหตุใดที่เปิดเผยไม่ได้ อย่าบอกว่ากลัวคุณกษิตเลยเพราะประเทศอาฟริกาหลายประเทศไม่มีสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายอยู่แล้ว
ข้อสาม-ทักษิณมีปัญหาเรื่องเงินที่อายัด ถูกนานาประเทศสงสัยเรื่องเงินซุกและเงินฟอก นี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ไม่กล้าเปิดรายละเอียด ลำพังไปลงทุนทำโรงงานผงซักฟอกขายในอาฟริกาคงไม่มีปัญหาแต่เรื่องเพชรมันเกี่ยวกับตลาดโลก ทันทีที่ต้นทางเป็นสีเทาธุรกิจนี้จะมีปัญหาทันที
ข้อสี่-ทักษิณถูกตั้งข้อสงสัยว่าฮั้วกับกลุ่มอาหรับเล่นละครเรื่องซื้อสโมสรแมนซิตี้ฯ ซื้อถูกขายแพงเพื่อทำส่วนต่างฟอกกำไรส่วนนี้มาใช้หรือไม่ ? ปัจจุบันชาติอาหรับมีเงินทุนหนาสนใจอาฟริกาทั้งเรื่องกวาดที่ดินทำแหล่งอาหาร รวมถึงธุรกิจเพชรด้วย สื่อที่ชื่อ arabianbusiness.com ซึ่งใกล้ชิดเป็นกระบอกเสียงให้ทักษิณตอนเผาเมืองสะท้อนว่าทุนดูไบสนใจเรื่องเพชรอาฟริกาพอสมควร ทักษิณเองก็ถูกครหาว่าใช้ช่องทางอำนาจตอนรสช.ทำสัมปทานดาวเทียมและก็ขายทำกำไรต่างชาติ โมเดลแบบนี้คือผลประโยชน์ทับซ้อนที่ได้จากอำนาจทางการเมือง ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม เรื่องเพชรอาฟริกาที่ยังเป็นสีเทาอยู่ พัวพันกับโมเดลทำมาหากินแบบนี้อีกหรือเปล่า ?
ข้อห้า-ต่อเนื่องจากข้อสี่ มีข่าวเก่าสมัยรัฐบาลสมัคร รายงานไว้ดังนี้
นสพ.เดลินิวส์ 26 มี.ค.51 – มิ่งขวัญขนสินค้าเกษตรแลกเพชร
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รอ งนายกฯและรมว.พาณิชย์ แถลงข่าวร่วมกับเอกอัครราชทูตนามิเบีย ประจำประเทศไทย สมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับว่า รัฐบาลไทยได้ร่วมมือกับนามิเบีย ที่จะพัฒนาและขยายการค้าอุตสาหกรรมอัญมณีและเพชรพลอยร่วมกัน ในฐานะหุ้นส่วนธุรกิจเชิงยุทธศาสตร์ เพราะรัฐบาล นามิเบียได้เปิดให้เอกชนไทยสามารถเข้าไปซื้อเพชรดิบมาเจียระไนในไทย หรือเข้าไปลงทุนตั้งโรงงานเจียระไนเพชรในนามิเบีย หรืออาจเข้าไปร่วมลงทุนทำเหมืองเพชรในนามิเบีย จากเดิมที่เอกชนไทยต้องซื้อเพชรดิบผ่านบริษัท เดอ เบียร์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับสัมปทานแต่เพียงรายเดียว ซึ่งเชื่อว่าจะสร้างรายได้เข้าประเทศได้ถึง 250,000 ล้านบาทในปี 51 นี้
รายละเอียดเพิ่มดูที่ นสพ.สยามธุรกิจ ช่วงเวลาเดียวกัน ได้บอกว่ารัฐบาลมีแผนดึงเอกชนไทยไปลงทุนทำเหมือง หรือ ทำโรงงานเจียระไนที่โน่นด้วย
สรุป – ถ้าทักษิณ ยังไม่เปิดรายละเอียดการลงทุน ไม่บอกสถานที่ ก็ยังไม่ควรเชื่อข้อมูลตีกินสีเทา ๆ ที่ปล่อยออกมาหลอกคนโง่ให้เตรียมตัวตัดเสื้อแดงไปขุดเพชร
การเข้าไปทำเพชรน่ะมีความเป็นไปได้แต่เข้าไปแบบไหน อาศัยคอนเน็คชั่นที่ทางการไทยเจรจาใช้เงินภาษีไทยดำเนินการ ใช้ข้อมูลและเครือข่ายจากอำนาจการเมืองรัฐบาลนอมินีเอาอาหรับร่วมทุนตบตา แล้วขายทิ้งทำกำไรตอนเพชรขาขึ้นแบบเดียวกับที่ถูกครหาขายแมนซิตี้ฟอกเงินหรือเปล่า ?
คำถามเหล่านี้ทักษิณจะตอบหรือไม่ก็ช่างเขาเถิด แค่มีคนรู้ทันอยู่บ้างก็ดีแล้ว
ส่วนนพดล ปัทมะนั้นแน่จริงให้ออกมาย้ำว่าชาวรากหญ้าจะได้ไปขุดเพชรอาฟริการ่ำรวยกันยกใหญ่อีกสักครั้งเถิด คราวนี้จะตามไปฮากันให้ขี้แตกขี้แตนถึงที่แถลงข่าวเลย.
หมายเหตุ – ขออภัยที่ค่อนข้างยาวเพราะต้องใช้ข้อมูลยืนยัน ท่านผู้อ่านที่อยากร่วมสนุกหากสามารถต่อยอดหาข้อมูลค่าแรงงานขั้นต่ำในประเทศอาฟริกา โดยเฉพาะนามิเบีย สวาซิแลนด์ ยูกันดา มาเสริมเพื่อตบหน้านักการเมืองและเพิ่มความรู้ต่อสาธารณะจักเป็นพระคุณยิ่ง เท่าที่หาพบในบทความว่าด้วยเหมืองเพชรกลุ่ม Blood Diamond ในคองโกเขาได้คนละไม่ถึง 2 เหรียญต่อวันด้วยซ้ำไป