บทเพลงเป็นแนวรบทางวัฒนธรรมที่มีพลัง
พลพรรคเสื้อแดงแต่งเพลงเพื่อขบวนการต่อสู้ของตนมาตั้งแต่หลังรัฐประหาร แต่เพลงส่วนใหญ่ยังมุ่งไปที่การยกย่องทักษิณ ชินวัตร, คิดถึงทักษิณ โจมตีฝ่ายตรงกันข้าม แจกซีดีเพลงทักษิณกับกระหึ่มเมือง แม้จะมีบ้างที่ปลุกโดยเน้นอุดมการณ์ความเท่าเทียมเรื่องสิทธิแต่ก็น้อยมาก
มารอบนี้ขบวนการเสื้อแดงงัดอาวุธใหม่ในแนวรบทางวัฒนธรรมขึ้นมา ดูท่าทีของพวกเขาแล้วหวังจะให้เป็น “อาวุธหนัก” ทรงพลานุภาพกะถล่มรัฐบาลให้จมให้ได้
ข่าวเกริ่นล่วงหน้าปูทางก่อนวันเกิดบอกว่า ทักษิณ ชินวัตร ถูกใจมากที่มีผู้แต่งเพลง “ฉันจะกลับมา” ให้เป็นของขวัญ
เป็นเซอร์ไพรส์ของจริง !
สำหรับขบวนการเสื้อแดงเพลงฉันจะกลับมาเพลงนี้ถือเป็น “อาวุธ” ในทางยุทธวิธีที่มีพลังอย่างยิ่งเพราะเน้นถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึก การนำเสนอ ก่อให้เกิดความสะเทือนใจในลักษณะ Emotional Song เปิดตัวได้ถูกจังหวะ ถูกเวลา สอดคล้องกับโอกาสวันเกิด ทั้งพรีเซนเตอร์ MV และนักร้องเหมาะเจาะลงไปตัวไปเสียหมด
โจมตีตรงไปที่หัวใจของสาวกเสื้อแดง !!!
เร้าอารมณ์ทั้งแผ่นดิน ด้วยทำนองรันทด สลด สงสาร ปนแค้น
เพลงนี้คงจะกระหึ่มวิทยุชุมชนทั้งภาคเหนือ-อีสานในอีกไม่ช้า และน่าจะดังยิ่งกว่าเพลงดาวมหา’ลัย ที่ครองอันดับมาก่อน
ใครว่าพลพรรคเสื้อแดงเขาคิดใหม่ มุ่งสู้ที่หลักการ มุ่งต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของปวงชน ส่วนทักษิณเป็นแค่แนวร่วมหรือสัญลักษณ์เท่านั้น
เพราะรูปธรรมที่ยืนยันอยู่มันชัดยิ่งกว่าชัดว่า “เสื้อแดง = ทักษิณ” ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับการต่อสู้เพื่อสิทธิ เสรีภาพและประชาธิปไตย
เพราะหากเข้าใจและตระหนักในคุณค่าของสังคมประชาธิปไตยจริงมันคงไม่สวมบทอันธพาลไประรานชาวบ้าน ใครจะจัดกิจกรรม ใครจะประชุมอะไรก็ไปข่มขู่ทำร้าย
ยุทธศาสตร์หลักการต่อสู้ของขบวนการเสื้อแดงที่เป็นมาตลอดคือ ชูทักษิณ รักทักษิณ เอาทักษิณกลับประเทศโดยไม่ต้องเข้าคุก และช่วยเอาเงินทักษิณคืน การสร้างขบวนการเสื้อแดงให้เข้มแข็งจึงจำเป็นต้องชูทักษิณ
งานวันเกิดทั้งแผ่นดินที่จัดขึ้นถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่สามัญชนทำกันแบบนี้ ในวัฒนธรรมไทยจะมีแต่วันเกิดของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินเท่านั้นที่จะจัดกันในระดับนี้คนธรรมดาสามัญที่มีสำนึกอยู่บ้างไม่กล้าคิดทำแน่เพราะวัฒนธรรมไทยสั่งสอนกันมาว่าเหาจะกินหัว
มองย้อนกลับไปผู้ยิ่งใหญ่ทางการเมืองนับจากคณะราษฎร มาถึง จอมพล ป. จอมพลสฤษดิ์ ถนอม-ประภาส หรือระดับผู้สำเร็จราชการในยุคสมบูรณาญาสิทธิราชก็ไม่มีใครคิดทำกันถึงระดับนี้ ขนาดที่โทรทัศน์ดาวเทียมนำภาพอยู่ในกรอบมีฉากหลังเป็นท้องฟ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่ออำนวยพร
ยังขาดอยู่ก็แต่รายการรำอวยพร หรือจัดฉากให้ลิ่วล้อมสวมชุดขาวมายืนแถวอ่านกลอนอวยพรแล้วโค้งคำนับเท่านั้น
ชูกันเข้าไป ชูกันให้สุด ๆ
กิจกรรมเป็นเครื่องสะท้อนยุทธศาสตร์ของขบวนการว่าเชิดชูอุดมการณ์ หรือ ตัวบุคคลกันแน่ ?
เช่นเดียวกับบทเพลงปลุกใจของขบวนการ ก็เป็นเครื่องสะท้อนยุทธศาสตร์ของขบวนการ !
เนื้อหาของเพลงฉันจะกลับมาไม่ไปไหน วนเวียนอยู่แต่เรื่องของทักษิณ และทักษิณ ....
“ต้องมีสักวันฉันจะกลับมา...มาตามสัญญาด้วยศรัทธาและเยื่อใย...กลายเป็นคนต้องพเนจร โยกย้ายที่นอน ดังผู้ร้ายหลบหนี...ต้องมีสักวันฉันจะกลับห้องหอ ทุกคนจงรอวันคนช้ำ..มีชัย”
มองจากมุมเหลืองถือเป็นคนละเรื่องกับเพลงเทียนแห่งธรรมโดยไม่ต้องสาธยายใด ๆ เพิ่มเติม
อย่างที่บอกตอนต้นว่าบทเพลงเป็นแนวรบทางวัฒนธรรมที่มีพลังสูง
บทเพลงเพื่อการต่อสู้มักสะท้อนจิตวิญญาณ ปลุกปลอบอารมณ์ เสริมสร้างความมุ่งมั่น
มีบทเพลงในประวัติศาสตร์การต่อสู้ที่ยืนยงมานานและเป็นอมตะ เช่น แองเตอร์นาซิอองนาล(L'Internationale) ที่กลายเป็นเพลงประจำขบวนการต่อสู้กรรมาชีพทั่วโลก
มีอีกเพลงหนึ่งที่ต้องประหวัดนึกถึง นั่นคือเพลง We shall overcome ซึ่งมีประวัติความเป็นมายาวนานในการต่อสู้เรียกร้องสิทธิของคนผิวสีในสหรัฐอเมริกา
เพลงนี้ได้รับการปรับแต่งเนื้อร้องหลายเวอร์ชั่น กลายเป็นบทเพลงที่หลอมดวงใจของคนผิวสีในอเมริกาที่ทรงพลัง ไล่มาตั้งแต่ยุคมาร์ติน ลูกเธอร์ คิง ที่ประกาศว่าตนมีความเชื่อมั่นว่า We shall overcome
บทเพลงนี้สะท้อนอุดมการณ์และความเจ็บปวดของคนผิวสี We shall overcome some day... We shall all be free some day.
มาจนถึงยุคที่บารัค โอบามา เป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรก ก็มีผู้ทำป้ายเขียนคำว่า We have overcome “เราชนะแล้ว” ในระหว่างพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง ถือเป็นการปิดฉากการต่อสู้ของคนผิวสีที่ยาวนานอย่างน่าประทับใจยิ่ง
กลับมาเมืองไทย...บทเพลง ฉันจะกลับมา ของ ทักษิณ ชินวัตร กำลังจะเป็นบทเพลงแห่งการต่อสู้เพลงใหม่ของขบวนการเสื้อแดง ที่ผู้เกี่ยวข้องหวังว่าจะเป็นอาวุธแห่งขบวนการต่อสู้ที่ทรงพลัง
ซึ่งหากขบวนการเสื้อแดงซาบซึ้งน้ำตาไหลพราก ๆ ลุกขึ้นจากบ้านทิ้งนาทิ้งสวนเลิกขับแท็กซี่วางตะหลิวออกมาต่อสู้เพื่อให้ทักษิณกลับบ้านโดยไม่ต้องรับโทษและไม่ต้องถูกยึดทรัพย์ได้จริง
เพลงฉันจะกลับมาของทักษิณ ชินวัตร จะฉีกนิยามความหมายบทเพลงเพื่อการต่อสู้ที่โลกเคยรับรู้มาอย่างสิ้นเชิง
We shall overcome ที่สะท้อนภาพมาติน ลูเธอร์ คิง, บารัค โอบามา จะต้องตกกระป๋อง
อย่าล้อเล่นไป เพลงเพื่อการต่อสู้ที่วนเวียนกับเรื่องของคน ๆ เดียวเพลงนี้ อาจจะเป็นเพลงอมตะที่ยิ่งใหญ่กว่า L'Internationale ก็เป็นได้
นับจากนี้ชาวประชาทั้งหลายเตรียมล้างหูรอรับฟังเพลงฉันจะกลับมาตามสถานีวิทยุท้องถิ่นทั้งหลายได้ตามอัธยาศัย !
พลพรรคเสื้อแดงแต่งเพลงเพื่อขบวนการต่อสู้ของตนมาตั้งแต่หลังรัฐประหาร แต่เพลงส่วนใหญ่ยังมุ่งไปที่การยกย่องทักษิณ ชินวัตร, คิดถึงทักษิณ โจมตีฝ่ายตรงกันข้าม แจกซีดีเพลงทักษิณกับกระหึ่มเมือง แม้จะมีบ้างที่ปลุกโดยเน้นอุดมการณ์ความเท่าเทียมเรื่องสิทธิแต่ก็น้อยมาก
มารอบนี้ขบวนการเสื้อแดงงัดอาวุธใหม่ในแนวรบทางวัฒนธรรมขึ้นมา ดูท่าทีของพวกเขาแล้วหวังจะให้เป็น “อาวุธหนัก” ทรงพลานุภาพกะถล่มรัฐบาลให้จมให้ได้
ข่าวเกริ่นล่วงหน้าปูทางก่อนวันเกิดบอกว่า ทักษิณ ชินวัตร ถูกใจมากที่มีผู้แต่งเพลง “ฉันจะกลับมา” ให้เป็นของขวัญ
เป็นเซอร์ไพรส์ของจริง !
สำหรับขบวนการเสื้อแดงเพลงฉันจะกลับมาเพลงนี้ถือเป็น “อาวุธ” ในทางยุทธวิธีที่มีพลังอย่างยิ่งเพราะเน้นถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึก การนำเสนอ ก่อให้เกิดความสะเทือนใจในลักษณะ Emotional Song เปิดตัวได้ถูกจังหวะ ถูกเวลา สอดคล้องกับโอกาสวันเกิด ทั้งพรีเซนเตอร์ MV และนักร้องเหมาะเจาะลงไปตัวไปเสียหมด
โจมตีตรงไปที่หัวใจของสาวกเสื้อแดง !!!
เร้าอารมณ์ทั้งแผ่นดิน ด้วยทำนองรันทด สลด สงสาร ปนแค้น
เพลงนี้คงจะกระหึ่มวิทยุชุมชนทั้งภาคเหนือ-อีสานในอีกไม่ช้า และน่าจะดังยิ่งกว่าเพลงดาวมหา’ลัย ที่ครองอันดับมาก่อน
ใครว่าพลพรรคเสื้อแดงเขาคิดใหม่ มุ่งสู้ที่หลักการ มุ่งต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของปวงชน ส่วนทักษิณเป็นแค่แนวร่วมหรือสัญลักษณ์เท่านั้น
เพราะรูปธรรมที่ยืนยันอยู่มันชัดยิ่งกว่าชัดว่า “เสื้อแดง = ทักษิณ” ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับการต่อสู้เพื่อสิทธิ เสรีภาพและประชาธิปไตย
เพราะหากเข้าใจและตระหนักในคุณค่าของสังคมประชาธิปไตยจริงมันคงไม่สวมบทอันธพาลไประรานชาวบ้าน ใครจะจัดกิจกรรม ใครจะประชุมอะไรก็ไปข่มขู่ทำร้าย
ยุทธศาสตร์หลักการต่อสู้ของขบวนการเสื้อแดงที่เป็นมาตลอดคือ ชูทักษิณ รักทักษิณ เอาทักษิณกลับประเทศโดยไม่ต้องเข้าคุก และช่วยเอาเงินทักษิณคืน การสร้างขบวนการเสื้อแดงให้เข้มแข็งจึงจำเป็นต้องชูทักษิณ
งานวันเกิดทั้งแผ่นดินที่จัดขึ้นถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่สามัญชนทำกันแบบนี้ ในวัฒนธรรมไทยจะมีแต่วันเกิดของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินเท่านั้นที่จะจัดกันในระดับนี้คนธรรมดาสามัญที่มีสำนึกอยู่บ้างไม่กล้าคิดทำแน่เพราะวัฒนธรรมไทยสั่งสอนกันมาว่าเหาจะกินหัว
มองย้อนกลับไปผู้ยิ่งใหญ่ทางการเมืองนับจากคณะราษฎร มาถึง จอมพล ป. จอมพลสฤษดิ์ ถนอม-ประภาส หรือระดับผู้สำเร็จราชการในยุคสมบูรณาญาสิทธิราชก็ไม่มีใครคิดทำกันถึงระดับนี้ ขนาดที่โทรทัศน์ดาวเทียมนำภาพอยู่ในกรอบมีฉากหลังเป็นท้องฟ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่ออำนวยพร
ยังขาดอยู่ก็แต่รายการรำอวยพร หรือจัดฉากให้ลิ่วล้อมสวมชุดขาวมายืนแถวอ่านกลอนอวยพรแล้วโค้งคำนับเท่านั้น
ชูกันเข้าไป ชูกันให้สุด ๆ
กิจกรรมเป็นเครื่องสะท้อนยุทธศาสตร์ของขบวนการว่าเชิดชูอุดมการณ์ หรือ ตัวบุคคลกันแน่ ?
เช่นเดียวกับบทเพลงปลุกใจของขบวนการ ก็เป็นเครื่องสะท้อนยุทธศาสตร์ของขบวนการ !
เนื้อหาของเพลงฉันจะกลับมาไม่ไปไหน วนเวียนอยู่แต่เรื่องของทักษิณ และทักษิณ ....
“ต้องมีสักวันฉันจะกลับมา...มาตามสัญญาด้วยศรัทธาและเยื่อใย...กลายเป็นคนต้องพเนจร โยกย้ายที่นอน ดังผู้ร้ายหลบหนี...ต้องมีสักวันฉันจะกลับห้องหอ ทุกคนจงรอวันคนช้ำ..มีชัย”
มองจากมุมเหลืองถือเป็นคนละเรื่องกับเพลงเทียนแห่งธรรมโดยไม่ต้องสาธยายใด ๆ เพิ่มเติม
อย่างที่บอกตอนต้นว่าบทเพลงเป็นแนวรบทางวัฒนธรรมที่มีพลังสูง
บทเพลงเพื่อการต่อสู้มักสะท้อนจิตวิญญาณ ปลุกปลอบอารมณ์ เสริมสร้างความมุ่งมั่น
มีบทเพลงในประวัติศาสตร์การต่อสู้ที่ยืนยงมานานและเป็นอมตะ เช่น แองเตอร์นาซิอองนาล(L'Internationale) ที่กลายเป็นเพลงประจำขบวนการต่อสู้กรรมาชีพทั่วโลก
มีอีกเพลงหนึ่งที่ต้องประหวัดนึกถึง นั่นคือเพลง We shall overcome ซึ่งมีประวัติความเป็นมายาวนานในการต่อสู้เรียกร้องสิทธิของคนผิวสีในสหรัฐอเมริกา
เพลงนี้ได้รับการปรับแต่งเนื้อร้องหลายเวอร์ชั่น กลายเป็นบทเพลงที่หลอมดวงใจของคนผิวสีในอเมริกาที่ทรงพลัง ไล่มาตั้งแต่ยุคมาร์ติน ลูกเธอร์ คิง ที่ประกาศว่าตนมีความเชื่อมั่นว่า We shall overcome
บทเพลงนี้สะท้อนอุดมการณ์และความเจ็บปวดของคนผิวสี We shall overcome some day... We shall all be free some day.
มาจนถึงยุคที่บารัค โอบามา เป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรก ก็มีผู้ทำป้ายเขียนคำว่า We have overcome “เราชนะแล้ว” ในระหว่างพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง ถือเป็นการปิดฉากการต่อสู้ของคนผิวสีที่ยาวนานอย่างน่าประทับใจยิ่ง
กลับมาเมืองไทย...บทเพลง ฉันจะกลับมา ของ ทักษิณ ชินวัตร กำลังจะเป็นบทเพลงแห่งการต่อสู้เพลงใหม่ของขบวนการเสื้อแดง ที่ผู้เกี่ยวข้องหวังว่าจะเป็นอาวุธแห่งขบวนการต่อสู้ที่ทรงพลัง
ซึ่งหากขบวนการเสื้อแดงซาบซึ้งน้ำตาไหลพราก ๆ ลุกขึ้นจากบ้านทิ้งนาทิ้งสวนเลิกขับแท็กซี่วางตะหลิวออกมาต่อสู้เพื่อให้ทักษิณกลับบ้านโดยไม่ต้องรับโทษและไม่ต้องถูกยึดทรัพย์ได้จริง
เพลงฉันจะกลับมาของทักษิณ ชินวัตร จะฉีกนิยามความหมายบทเพลงเพื่อการต่อสู้ที่โลกเคยรับรู้มาอย่างสิ้นเชิง
We shall overcome ที่สะท้อนภาพมาติน ลูเธอร์ คิง, บารัค โอบามา จะต้องตกกระป๋อง
อย่าล้อเล่นไป เพลงเพื่อการต่อสู้ที่วนเวียนกับเรื่องของคน ๆ เดียวเพลงนี้ อาจจะเป็นเพลงอมตะที่ยิ่งใหญ่กว่า L'Internationale ก็เป็นได้
นับจากนี้ชาวประชาทั้งหลายเตรียมล้างหูรอรับฟังเพลงฉันจะกลับมาตามสถานีวิทยุท้องถิ่นทั้งหลายได้ตามอัธยาศัย !