สัปดาห์ที่แล้วผมไม่พลาดที่จะไปงานศพสุภาพสตรีซึ่งรู้จักกันมานาน เพราะเธอเป็นคนที่เคยป๊อบปูล่าในหมู่คนไทยที่เรียนร่วมกันในต่างประเทศ
อย่าไปทราบชื่อเธอเลยครับ
เธอเป็นคนที่เกิดมาครบจริงๆ สวยแบบคมแต่ก็หวาน มีเสน่ห์ มารยาทแบบกุลสตรีแต่ก็ทันสมัย คบคนง่าย แต่ก็เว้นระยะห่าง ไม่อยากมีแฟนเป็นตัวเป็นตน
ความที่เป็นคนสวย จนนึกว่าเป็นฝรั่ง ทำให้มีนักเรียนไทยหลายคนไปจีบเธอเยอะ เธอเคยบอกว่ารู้นะว่าใครมาจีบบ้าง ผมเคยหยอกว่าอย่างผมนะจีบเธอหรือเปล่า
“เธอน่ะหรือ? ถ้าจีบ ชั้นก็จะบอกแฟนเธอเป็นคนแรก แต่ถ้าเธอไม่มีแฟน ชั้นก็คิดดูก่อนนะ”
ความพร้อมอีกอย่างหนึ่ง คือเธอเป็นคนมีสกุล ฐานะทางบ้านร่ำรวย เท่านั้นไม่พอ เธอเรียนได้ที่ 1 ตั้งแต่อนุบาลจนจบชั้นมัธยมต้น ครอบครัวให้ทุนมาเรียนต่อ เธอเลือกมาเรียนที่ประเทศที่ผมเรียน ซึ่งเวลานั้นมีคนไทยมาเรียนไม่ถึง 60 คน
เธอเรียนเก่งจริงๆ ฝรั่งสู้ไม่ได้ ได้เกรด A ทุกวิชาจนอาจารย์งงว่าทำไมเธอจึงเก่งขนาดนี้ เพราะเธอไม่ได้ขยันจดเล็กเช่อร์
“เราฟังนะ จำได้หมด กลับมาจึงอ่านหนังสือรวดเดียวจบ 2 วัน แล้วเราจดจากหนังสือสัก 10 หน้าพอ จดอยู่ 2-3 เล่มนะ”
นอกจากนี้แล้ว ผมไม่เห็นเธอทำอะไร เว้นแต่ไปทำงานนอกเวลา โดยได้เงินสูงจนแทบไม่เชื่อ อาทิตย์ละเกือบ 5 หมื่นบาท โดยได้มากกว่าพนักงานประจำ งานที่เธอทำคือคิดระบบบัญชีทั้งหมดของบริษัทและบริหารเงินทุนให้ด้วย
พูดง่ายรวยอยู่แล้ว เธอกลับรวยด้วยฝีมือตัวเอง
หลังจากเพียรพยายามตามมาจีบเธออยู่หลายปี ไม่มีใครสำเร็จ
วันหนึ่งเธอมาบอกกับเพื่อนสนิทอีก 2-3 คน ว่า
“เฮ้ย ฉันเจอะแล้วน่ะ”
“ใคร...”
“เข้ามาดูงานกำลังจะกลับเป็นข้าราชการชั้นเอกนะ”
คนที่เธอว่าหน้าตาดูไม่ได้เลย ตัวดำ ผอมเหมือนเป็นโรค และดูแล้วไม่เข้าท่า
อีก 2 ปี เธอบินไปทำปริญญาโทและเอกที่อเมริกา เรียนแค่ปีเดียว ได้ทุนจากมหาวิทยาลัยท้อปเทน
จบกลับมาก่อนไปเมืองไทย ยังแวะมานิวซีแลนด์ ผมและพวกสวนทางกับเธอ
ทราบว่าเธอมาแค่อาทิตย์เดียว มาคนเดียว ขับรถลงใต้และใช้ชีวิตสงบ นั่งดูภูเขา ทะเลเงียบๆ
มาพบกับเธออีกครั้งที่สนามกอล์ฟแห่งหนึ่งที่ชานเมืองในกทม. เธอกำลังจะแต่งงาน ซึ่งเธอไม่ได้แต่งกับชายคนนั้น แต่จะแต่งกับคนที่พ่อแม่พอใจ
พิธีแต่งงานก็แขกเยอะมาก พวกผมไปร่วมด้วย เจ้าบ่าวหน้าตาดี แต่เธอก็สวยมาก ฮันนีมูนก็นิวซีแลนด์ด้วย
กลับมาเธอบ่นมากว่า สามีไม่ชอบประเทศนี้เลย ว่ามันเงียบ เธอเลยไม่สนุก
หลังจากนั้นไม่ได้พบกันอีก รู้แต่ว่าเธอไม่มีลูก แต่เธอรวยขึ้นอีกมาก เป็นเศรษฐีเงินร่วม 100-200 ล้าน เพราะตลาดหุ้นบูมสุดขีด
ผมจนลงเพื่อนๆ ก็จนลง
วันหนึ่งผมได้การ์ดจากเธอ บอกเพียงว่าต้องการพบคนเก่าๆ และให้ไปที่บ้านในเวลาบ่ายๆ ผมก็ไป และพบว่าพวกเราอีก 3-4 คน ได้การ์ดแบบเดียวกัน
เธออยู่ในชุดสีเขียวอ่อนๆ เปิดประตูรับพวกเรา บ้านเธอก็แน่นอนมันใหญ่โตสุดขีด แต่เธอก็ดูจะดีใจที่เรามาครบทีม
“มีเรื่องจะปรึกษา”
“คือเงินฉันมันเยอะ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี อยากจะถอนมาส่วนหนึ่งส่งให้พ่อบ้านที่นิวซีแลนด์ แกไม่เคยขอนะ อยากให้แกเฉยๆ อีกส่วนนึงฉันจะส่งให้อาจารย์ที่ปรึกษา เพราะแกเคยเลี้ยงดินเนอร์ฉัน 2 ครั้ง คราวนั้นเป็นหมื่นบาทนะ แกก็ไม่ค่อยมีเงินอยู่นะ”
เธอทำอย่างนั้นจริงๆ แต่กลับเป็นว่าเธอได้รับเงินคืนจากพ่อบ้าน เช่นเดียวกับอาจารย์ แต่อาจารย์กลับเอาเงินเธอบริจาคให้กับองค์กรการกุศลเข้าใจว่าให้กับกรีนพีซ
ผมไม่ได้ข่าวอีก วันนั้นเราพูดเรื่องราวมากมาย พูดถึงอนาคต และเธอยังแหย่ว่า ถ้าเธอแต่งงานกับพวกเราคนใดคนหนึ่งก็คงจะดี เพราะเรารักกันมาก ที่ไม่แต่งก็เพราะเรากันเกินไปเหมือนพี่น้อง
เธอขอว่าถ้าเธอตายเมื่อไรให้ช่วยเอาเถ้าถ่านไปโปรยลงที่ทะเลสาบยังเมืองวานากา (ใกล้เมืองควีนสทาวน์)
หลังงานศพเพื่อนคนหนึ่งที่ทำงานอยู่การบินไทยรับทำหน้าที่นี้จนสำเร็จ
เรามารู้ในภายหลังว่าเหตุผลอย่างหนึ่งที่เธอทำเช่นนั้น ก็เพราะที่เมืองนี้เอง เธอถูกผู้ชายคนหนึ่งซึ่งไม่ใครใครรู้จักลักพาตัวไปข่มขืนอยู่ถึง 2-3 ครั้ง โชคดีที่เธอไม่ได้ตั้งครรภ์ เหตุที่เรารู้เพราะว่ามันมีจดหมายเฉพาะตัวที่เธอฝากไว้กับผมนานแล้ว หลังจากวันที่ผมพบเธอที่บ้านในตอนบ่ายโดยเธอพูดกับผมสั้นๆ ว่า เก็บไว้อ่านหลังฉันตายนะ จะได้รู้ว่าทำไมฉันจึงรักเธอไม่ได้ ทั้งๆ ที่คิดรักเธอมาตลอด แม้ว่าจะแต่งงานแล้ว”
อย่าไปทราบชื่อเธอเลยครับ
เธอเป็นคนที่เกิดมาครบจริงๆ สวยแบบคมแต่ก็หวาน มีเสน่ห์ มารยาทแบบกุลสตรีแต่ก็ทันสมัย คบคนง่าย แต่ก็เว้นระยะห่าง ไม่อยากมีแฟนเป็นตัวเป็นตน
ความที่เป็นคนสวย จนนึกว่าเป็นฝรั่ง ทำให้มีนักเรียนไทยหลายคนไปจีบเธอเยอะ เธอเคยบอกว่ารู้นะว่าใครมาจีบบ้าง ผมเคยหยอกว่าอย่างผมนะจีบเธอหรือเปล่า
“เธอน่ะหรือ? ถ้าจีบ ชั้นก็จะบอกแฟนเธอเป็นคนแรก แต่ถ้าเธอไม่มีแฟน ชั้นก็คิดดูก่อนนะ”
ความพร้อมอีกอย่างหนึ่ง คือเธอเป็นคนมีสกุล ฐานะทางบ้านร่ำรวย เท่านั้นไม่พอ เธอเรียนได้ที่ 1 ตั้งแต่อนุบาลจนจบชั้นมัธยมต้น ครอบครัวให้ทุนมาเรียนต่อ เธอเลือกมาเรียนที่ประเทศที่ผมเรียน ซึ่งเวลานั้นมีคนไทยมาเรียนไม่ถึง 60 คน
เธอเรียนเก่งจริงๆ ฝรั่งสู้ไม่ได้ ได้เกรด A ทุกวิชาจนอาจารย์งงว่าทำไมเธอจึงเก่งขนาดนี้ เพราะเธอไม่ได้ขยันจดเล็กเช่อร์
“เราฟังนะ จำได้หมด กลับมาจึงอ่านหนังสือรวดเดียวจบ 2 วัน แล้วเราจดจากหนังสือสัก 10 หน้าพอ จดอยู่ 2-3 เล่มนะ”
นอกจากนี้แล้ว ผมไม่เห็นเธอทำอะไร เว้นแต่ไปทำงานนอกเวลา โดยได้เงินสูงจนแทบไม่เชื่อ อาทิตย์ละเกือบ 5 หมื่นบาท โดยได้มากกว่าพนักงานประจำ งานที่เธอทำคือคิดระบบบัญชีทั้งหมดของบริษัทและบริหารเงินทุนให้ด้วย
พูดง่ายรวยอยู่แล้ว เธอกลับรวยด้วยฝีมือตัวเอง
หลังจากเพียรพยายามตามมาจีบเธออยู่หลายปี ไม่มีใครสำเร็จ
วันหนึ่งเธอมาบอกกับเพื่อนสนิทอีก 2-3 คน ว่า
“เฮ้ย ฉันเจอะแล้วน่ะ”
“ใคร...”
“เข้ามาดูงานกำลังจะกลับเป็นข้าราชการชั้นเอกนะ”
คนที่เธอว่าหน้าตาดูไม่ได้เลย ตัวดำ ผอมเหมือนเป็นโรค และดูแล้วไม่เข้าท่า
อีก 2 ปี เธอบินไปทำปริญญาโทและเอกที่อเมริกา เรียนแค่ปีเดียว ได้ทุนจากมหาวิทยาลัยท้อปเทน
จบกลับมาก่อนไปเมืองไทย ยังแวะมานิวซีแลนด์ ผมและพวกสวนทางกับเธอ
ทราบว่าเธอมาแค่อาทิตย์เดียว มาคนเดียว ขับรถลงใต้และใช้ชีวิตสงบ นั่งดูภูเขา ทะเลเงียบๆ
มาพบกับเธออีกครั้งที่สนามกอล์ฟแห่งหนึ่งที่ชานเมืองในกทม. เธอกำลังจะแต่งงาน ซึ่งเธอไม่ได้แต่งกับชายคนนั้น แต่จะแต่งกับคนที่พ่อแม่พอใจ
พิธีแต่งงานก็แขกเยอะมาก พวกผมไปร่วมด้วย เจ้าบ่าวหน้าตาดี แต่เธอก็สวยมาก ฮันนีมูนก็นิวซีแลนด์ด้วย
กลับมาเธอบ่นมากว่า สามีไม่ชอบประเทศนี้เลย ว่ามันเงียบ เธอเลยไม่สนุก
หลังจากนั้นไม่ได้พบกันอีก รู้แต่ว่าเธอไม่มีลูก แต่เธอรวยขึ้นอีกมาก เป็นเศรษฐีเงินร่วม 100-200 ล้าน เพราะตลาดหุ้นบูมสุดขีด
ผมจนลงเพื่อนๆ ก็จนลง
วันหนึ่งผมได้การ์ดจากเธอ บอกเพียงว่าต้องการพบคนเก่าๆ และให้ไปที่บ้านในเวลาบ่ายๆ ผมก็ไป และพบว่าพวกเราอีก 3-4 คน ได้การ์ดแบบเดียวกัน
เธออยู่ในชุดสีเขียวอ่อนๆ เปิดประตูรับพวกเรา บ้านเธอก็แน่นอนมันใหญ่โตสุดขีด แต่เธอก็ดูจะดีใจที่เรามาครบทีม
“มีเรื่องจะปรึกษา”
“คือเงินฉันมันเยอะ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี อยากจะถอนมาส่วนหนึ่งส่งให้พ่อบ้านที่นิวซีแลนด์ แกไม่เคยขอนะ อยากให้แกเฉยๆ อีกส่วนนึงฉันจะส่งให้อาจารย์ที่ปรึกษา เพราะแกเคยเลี้ยงดินเนอร์ฉัน 2 ครั้ง คราวนั้นเป็นหมื่นบาทนะ แกก็ไม่ค่อยมีเงินอยู่นะ”
เธอทำอย่างนั้นจริงๆ แต่กลับเป็นว่าเธอได้รับเงินคืนจากพ่อบ้าน เช่นเดียวกับอาจารย์ แต่อาจารย์กลับเอาเงินเธอบริจาคให้กับองค์กรการกุศลเข้าใจว่าให้กับกรีนพีซ
ผมไม่ได้ข่าวอีก วันนั้นเราพูดเรื่องราวมากมาย พูดถึงอนาคต และเธอยังแหย่ว่า ถ้าเธอแต่งงานกับพวกเราคนใดคนหนึ่งก็คงจะดี เพราะเรารักกันมาก ที่ไม่แต่งก็เพราะเรากันเกินไปเหมือนพี่น้อง
เธอขอว่าถ้าเธอตายเมื่อไรให้ช่วยเอาเถ้าถ่านไปโปรยลงที่ทะเลสาบยังเมืองวานากา (ใกล้เมืองควีนสทาวน์)
หลังงานศพเพื่อนคนหนึ่งที่ทำงานอยู่การบินไทยรับทำหน้าที่นี้จนสำเร็จ
เรามารู้ในภายหลังว่าเหตุผลอย่างหนึ่งที่เธอทำเช่นนั้น ก็เพราะที่เมืองนี้เอง เธอถูกผู้ชายคนหนึ่งซึ่งไม่ใครใครรู้จักลักพาตัวไปข่มขืนอยู่ถึง 2-3 ครั้ง โชคดีที่เธอไม่ได้ตั้งครรภ์ เหตุที่เรารู้เพราะว่ามันมีจดหมายเฉพาะตัวที่เธอฝากไว้กับผมนานแล้ว หลังจากวันที่ผมพบเธอที่บ้านในตอนบ่ายโดยเธอพูดกับผมสั้นๆ ว่า เก็บไว้อ่านหลังฉันตายนะ จะได้รู้ว่าทำไมฉันจึงรักเธอไม่ได้ ทั้งๆ ที่คิดรักเธอมาตลอด แม้ว่าจะแต่งงานแล้ว”