ผมได้อ่านข่าวเรื่องของคนมือบอนชอบปาหินใส่รถยนต์คนอื่นทุกครั้งที่มีข่าวลงหนังสือพิมพ์ คนในครอบครัวผมก็จะบอกว่าไอ้พวกนี้เป็นโรคจิตชนิดหนึ่ง
ผมบอกไม่ใช่หรอก คนโรคจิตไม่ทำแบบนี้
คนทำเช่นนี้นอกจากเป็นคนจิตปกติแล้ว ยังเป็นพวกที่เรียกว่า มือบอน ชอบเห็นผู้อื่นได้รับความเสียหาย
ตัวผมนั้นไม่คิดว่าพวกปาหินจะต้องการหวังเอาทรัพย์สินจากรถยนต์ที่โดนปาหิน
แต่มันสนุกบนความฉิบหายของคนอื่นนั้นแน่นอน คนมือบอนแบบนี้ทำไมมันไม่เอา หินไปปาหัวมารดาหรือบิดามันบ้าง ไม่ก็เอาหินไล่ปาเพื่อนฝูง ญาติพี่น้องกันหรือเล่นเกมส์ปาหินกับเพื่อนๆ มันน่าจะสนุกกว่า
เรื่องนี้เลยทำให้ผมนึกถึงไฮสไตน์หรือใครผมก็จำไม่ได้แน่ชัดที่ว่าต่อไปสงครามครั้งต่อไป มนุษย์เราจะทำสงครามกันก็ด้วยการปาหินใส่กันนี้แหละ
ผมว่าถ้ามันจะเข้าเค้าแล้วนะ ได้จัญไรพวกนี้ทำสงครามครั้งต่อไปแล้ว
ขอให้มันเจริญๆ ในนรกก็คงจะดี
นี่เช้าวันนี้ แทนที่จะตื่นขึ้นมาจะได้รับข่าวดีบ้าง พอหยิบ นสพ.หัวสีออกมาอ่าน ก็เจอะพาดหัวข่าว เรื่องมีการปาหินอีกแล้ว
คราวนี้เกิดปาเข้าใส่รถยนต์ของนักร้องชื่อดัง โจอี้ บอย เสียด้วยไม่รู้ว่ามันรู้หรือเปล่าว่าเป็นรถยนต์ของนักร้องดัง
เดชะบารมียังคุ้มครอง โจอี้ บอย เพราะเขากับพรรคพวกในรถไม่ได้รับอันตราย และพวกเขายังวกรถกลับไปดูว่าใครมันมือบอนก็พบกว่าไอ้พวกนี้ มันยังนั่งอยู่แบบใจเย็นมาก
โจอี้ บอย บอกว่าตอนที่โดนปาหินมานั้น ตกใจมาก แต่ก็ยังบังคับรถได้ กระจกนั้นทะลุเป็นรู
ตำรวจก็มาดู และว่าน่าจะเป็นแก๊งที่ชอบก่อเรื่องแบบนี้มาแล้ว ตำรวจเลยระดมพวกจำนวนมาก โดยเข้าไปค้นถึง 3 หมู่บ้าน
พวกแก๊งปาหินนี้ น่าจะมีมากกว่าคนหรือ 2 คน
โจอี้ บอย ว่าคนร้ายนั้นมีจักรยานยนต์ 2 คัน เปิดไฟสูงส่องเข้ามา แถมยังวิ่งเร็วด้วย และตนกับพวกก็ไม่คิดอะไร คิดว่าเป็นพวกวัยรุ่นธรรมดาๆ
แต่ไม่นานก็ได้ยินเสียงดังที่หน้ากระจกรถก็ยังไม่ได้คิดว่าเกิดจากถูกปา
แต่หลังจากนั้นก็สงสัยเลยกลับรถไปดู เห็นว่ามีคนร้ายที่ขี่จักรยานยนต์ที่วิ่งสวนเลนมานั่น ได้ไปจอดและไปนั่งคุยอยู่ที่ศาลาพักคนโดยสาร ซึ่งห่างจากที่ตนโดนปาหินประมาณเกือบ 1 กิโลเมตร
ตนเห็นว่า พวกนี้อยู่กับคนอื่นก็กลัวและไม่อยากเข้าไปถามเพราะมันก็คงบอกว่าไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ทำตามแบบฉบับ
ตนก็เลยโทรไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งก็ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานในชั้นแรก คนขับรถของตนบอกว่าตอนที่ถูกปาหินนั้น ถือว่าโชคดี เพราะตนเห็นแล้ว เลยรีบหักรถยนต์หลบเสียก็ทำให้หินถูกบริเวณมุมกระจกด้านล่าง ซึ่งทำให้เสียหายไม่มาก แต่ก็เป็นรู
ภายในรถยนต์ของโจอี้ บอย พบแท่งคอนกรีตกว้าง 3 นิ้ว ยาว 5 นิ้ว ซึ่งก็ใหญ่พอควร ตกอยู่ที่เบาะหลัง
คนขับให้การว่าพวกตนกำลังจะไปส่งญาติที่สนามบินสุวรรณภูมิ
แก๊งนี้มี 3 คน 1 ในนั้นเป็นคนอ้วนผิวขาว มาจากอ.บางปะอิน
นี่แหละครับพวกมือบอน
และแบบที่ว่าไม่ใช่พวกโรคจิต
ผมว่าถ้าปล่อยให้เกิดขึ้นอีก เวลานี้ก็เกิด “ลัทธิเอาอย่าง” ขึ้นมา
มันทำให้ถนนหนทางไม่ปลอดภัย เคยมีที่หินโดนใส่คนขับหรือทะลุเข้าโดนเด็ก ถึงขึ้นอาการสาหัสมาแล้ว
การทำแบบนี้ไม่ใช่เรื่องสนุก
คนปาควรถูกลงโทษขั้นฉกรรจ์โดนติดคุกอย่างน้อยก็สัก 10 ปี เป็นอย่างต่ำ
ไม่เช่นนี้มันจะหลาบจำหรือครับ
ท่านผู้อ่านเวลาขับรถก็ระวังไว้หน่อยนะครับ
ผมบอกไม่ใช่หรอก คนโรคจิตไม่ทำแบบนี้
คนทำเช่นนี้นอกจากเป็นคนจิตปกติแล้ว ยังเป็นพวกที่เรียกว่า มือบอน ชอบเห็นผู้อื่นได้รับความเสียหาย
ตัวผมนั้นไม่คิดว่าพวกปาหินจะต้องการหวังเอาทรัพย์สินจากรถยนต์ที่โดนปาหิน
แต่มันสนุกบนความฉิบหายของคนอื่นนั้นแน่นอน คนมือบอนแบบนี้ทำไมมันไม่เอา หินไปปาหัวมารดาหรือบิดามันบ้าง ไม่ก็เอาหินไล่ปาเพื่อนฝูง ญาติพี่น้องกันหรือเล่นเกมส์ปาหินกับเพื่อนๆ มันน่าจะสนุกกว่า
เรื่องนี้เลยทำให้ผมนึกถึงไฮสไตน์หรือใครผมก็จำไม่ได้แน่ชัดที่ว่าต่อไปสงครามครั้งต่อไป มนุษย์เราจะทำสงครามกันก็ด้วยการปาหินใส่กันนี้แหละ
ผมว่าถ้ามันจะเข้าเค้าแล้วนะ ได้จัญไรพวกนี้ทำสงครามครั้งต่อไปแล้ว
ขอให้มันเจริญๆ ในนรกก็คงจะดี
นี่เช้าวันนี้ แทนที่จะตื่นขึ้นมาจะได้รับข่าวดีบ้าง พอหยิบ นสพ.หัวสีออกมาอ่าน ก็เจอะพาดหัวข่าว เรื่องมีการปาหินอีกแล้ว
คราวนี้เกิดปาเข้าใส่รถยนต์ของนักร้องชื่อดัง โจอี้ บอย เสียด้วยไม่รู้ว่ามันรู้หรือเปล่าว่าเป็นรถยนต์ของนักร้องดัง
เดชะบารมียังคุ้มครอง โจอี้ บอย เพราะเขากับพรรคพวกในรถไม่ได้รับอันตราย และพวกเขายังวกรถกลับไปดูว่าใครมันมือบอนก็พบกว่าไอ้พวกนี้ มันยังนั่งอยู่แบบใจเย็นมาก
โจอี้ บอย บอกว่าตอนที่โดนปาหินมานั้น ตกใจมาก แต่ก็ยังบังคับรถได้ กระจกนั้นทะลุเป็นรู
ตำรวจก็มาดู และว่าน่าจะเป็นแก๊งที่ชอบก่อเรื่องแบบนี้มาแล้ว ตำรวจเลยระดมพวกจำนวนมาก โดยเข้าไปค้นถึง 3 หมู่บ้าน
พวกแก๊งปาหินนี้ น่าจะมีมากกว่าคนหรือ 2 คน
โจอี้ บอย ว่าคนร้ายนั้นมีจักรยานยนต์ 2 คัน เปิดไฟสูงส่องเข้ามา แถมยังวิ่งเร็วด้วย และตนกับพวกก็ไม่คิดอะไร คิดว่าเป็นพวกวัยรุ่นธรรมดาๆ
แต่ไม่นานก็ได้ยินเสียงดังที่หน้ากระจกรถก็ยังไม่ได้คิดว่าเกิดจากถูกปา
แต่หลังจากนั้นก็สงสัยเลยกลับรถไปดู เห็นว่ามีคนร้ายที่ขี่จักรยานยนต์ที่วิ่งสวนเลนมานั่น ได้ไปจอดและไปนั่งคุยอยู่ที่ศาลาพักคนโดยสาร ซึ่งห่างจากที่ตนโดนปาหินประมาณเกือบ 1 กิโลเมตร
ตนเห็นว่า พวกนี้อยู่กับคนอื่นก็กลัวและไม่อยากเข้าไปถามเพราะมันก็คงบอกว่าไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ทำตามแบบฉบับ
ตนก็เลยโทรไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งก็ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานในชั้นแรก คนขับรถของตนบอกว่าตอนที่ถูกปาหินนั้น ถือว่าโชคดี เพราะตนเห็นแล้ว เลยรีบหักรถยนต์หลบเสียก็ทำให้หินถูกบริเวณมุมกระจกด้านล่าง ซึ่งทำให้เสียหายไม่มาก แต่ก็เป็นรู
ภายในรถยนต์ของโจอี้ บอย พบแท่งคอนกรีตกว้าง 3 นิ้ว ยาว 5 นิ้ว ซึ่งก็ใหญ่พอควร ตกอยู่ที่เบาะหลัง
คนขับให้การว่าพวกตนกำลังจะไปส่งญาติที่สนามบินสุวรรณภูมิ
แก๊งนี้มี 3 คน 1 ในนั้นเป็นคนอ้วนผิวขาว มาจากอ.บางปะอิน
นี่แหละครับพวกมือบอน
และแบบที่ว่าไม่ใช่พวกโรคจิต
ผมว่าถ้าปล่อยให้เกิดขึ้นอีก เวลานี้ก็เกิด “ลัทธิเอาอย่าง” ขึ้นมา
มันทำให้ถนนหนทางไม่ปลอดภัย เคยมีที่หินโดนใส่คนขับหรือทะลุเข้าโดนเด็ก ถึงขึ้นอาการสาหัสมาแล้ว
การทำแบบนี้ไม่ใช่เรื่องสนุก
คนปาควรถูกลงโทษขั้นฉกรรจ์โดนติดคุกอย่างน้อยก็สัก 10 ปี เป็นอย่างต่ำ
ไม่เช่นนี้มันจะหลาบจำหรือครับ
ท่านผู้อ่านเวลาขับรถก็ระวังไว้หน่อยนะครับ