เราทำท่าจะหยุดหวัดนรกที่แพร่ระบาดนี้ไม่ไหวเสียแล้วกระมัง เพราะผมเห็นตัวเลขที่ยังคงพุ่งขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง
โรงเรียนชื่อเสียงดังๆ ก็ปิดไปแล้วหลายแห่ง และคงจะตามมาอีกมาก
ยอดผู้ป่วยเดิมมีไม่มาก เมื่อต้นเดือนแค่ 2-3 ราย ซึ่งเข้าใจว่ากลับมาจากเมืองนอก นี่ยังไม่สิ้นเดือนดี ก็ปาเข้าไป 300 กว่าคนแล้วนะครับพี่น้อง
และพบที่หลายจังหวัดด้วยกัน ส่วนหนึ่งเป็นจังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางจากต่างประเทศเข้ามาพัก
ที่น่าวิตกก็คือแพทย์เตือนว่าระวังเด็กเล็กๆ อายุต่ำกว่า 5 ขวบ ภูมิต้านทานจะต่ำกว่าเด็กโต และมีโอกาสติดไข้หวัดนรกได้ง่าย หวัดนี้โดนเข้าไปแล้วถึงตายและทั่วโลกตายไปนับร้อยแล้วนะครับ
กระทรวงสาธารณสุขได้ระดมตรวจโรคและทำได้แค่นับพันรายเท่านั้น เนื่องจากต้องไปตรวจที่ห้องพิเศษซึ่งรองรับได้วันละ 100-200 รายเท่านั้น และก็ไม่ได้ตรวจแบบละเอียด
หากจะตรวจแบบรู้จริงๆ ละเอียดมากๆ ก็จะมีค่าใช้จ่ายและเสียงบประมาณมากพอสมควร
ที่ทำได้ก็คือเร่งการประชาสัมพันธ์กับเฝ้าระวังเท่านั้น เพราะการให้ความรู้กับประชาชนให้ป้องกันโรคดีกว่าเป็นแล้วมารักษา เพราะถ้าป่วยแล้วก็อาจแพร่เชื่อไปติดผู้อื่นจนเป็นการระบาด ซึ่งกลายเป็นเรื่องใหญ่
แม้ว่ามีตัวยาบางตัวพอต้านได้ เช่นยาต้านไวรัสโอเชลทามีเวียร์ แต่แพทย์ก็แนะนำว่าจะใช้กับเฉพาะกลุ่มเสี่ยงเท่านั้น ซึ่งกลุ่มนี้ประกอบไปด้วยเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ผู้ใหญ่อายุเกิน 65 ปี หรือผู้หญิงที่มีครรภ์ หรือคนที่ภูมิต้านทานต่ำ และพวกที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เป็นต้น กลุ่มหลังนี้
เนื่องจากใช้ยาตัวอื่น เมื่อใช้แล้วก็อาจดื้อยาได้
ครับ... การที่มีข่าวแพร่ไปมาก ก็ทำให้คนตื่นตัว มาตรวจกันตามโรงพยาบาลรัฐและเอกชนกันมาก และแพทย์ต้องทำงานหนักรวมทั้งต้องสอบประวัติโดยเฉพาะการเดินทางออกนอกหรือกลับเข้ามาจากประเทศที่มีโรคแพร่หลาย ก็จะถูกเฝ้าระวังมากเป็นพิเศษ
การแพร่ระบาดมีมากที่ภาคใต้ เช่น สงขลา, ตรัง, ภูเก็ต, เชียงใหม่, พัทยา, ชลบุรี
ทั่วโลกมีผู้ป่วยด้วยหวัดนรกไปแล้วประมาณ 500-1,000 ล้านคนต่อปี 1 คนในพันคนจะมีประมาณ 10 คนที่เกิดอาการไข้รุนแรง และในจำนวนนี้คนหนึ่งจะอ่อนแอสภาพทรุดจนตายได้ และตายไปแล้วนับร้อยราย
ปัญหาของไทยคืองบประมาณหมดครับ
ห้องปฏิบัติการตั้งงบไว้แค่ 2 ล้านบาทต่อปี ซึ่งแน่นอนว่าไม่พอแน่ครับ
เพราะว่าการตรวจเชื้อนั้น ส่งไปที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และมีคนอยากให้ตรวจสอบเข้ามามากทำให้เกิดความล่าช้าทำได้อย่างรวดเร็วที่สุดโดยใช้เงิน 4,000 บาทต่อรายซึ่งถือว่าสูงมาก สำหรับค่าตรวจเท่านั้น ถ้ารักษากันจริงๆ ก็จะแพงกว่านี้ไม่นับค่าห้อง ค่าอาหาร และอื่นๆ
โรงเรียนที่ปิดเรียนก็เยอะแล้ว เมื่อวานนี้ปิดไปอีก 9 โรงเรียน ส่วนหนึ่งอยู่ชานเมืองเช่น สตรีวิทยา 2 เขตลาดพร้าว โรงเรียน ภปร. ที่นครปฐม เป็นต้น ในต่างจังหวัดก็ทยอยกันปิดครับ
โรงเรียนหลายแห่งริเริ่มให้มีการสอนเสริมหลังจากต้องปิดอย่างน้อย 7 วัน
ผลที่ตามมาหน้ากาก และผ้าป้องกันจมูกและปากขายดีมาก จนเกรงกันว่าอาจถูกโก่งราคา หรือไม่ก็ขาดตลาด และแพทย์แนะนำให้ล้างมือด้วยสบู่หรือใช้เจลล้างมือ
ส่วนตามโรงเรียนหรือสถานบันเทิงก็ให้มีการทำความสะอาดและใช้ยาฆ่าเชื้อโรคทุกวัน เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
ครับ ความจริงของแบบนี้ควรทำกันอยู่แล้ว แต่เห็นได้ว่ามีการปล่อยปละละเลยกันมานาน โดยเฉพาะตามร้านอาหาร ทาง อ.ย.ก็ควรใส่ใจให้มากหน่อย
เรื่องโรคระบาดนี้ ควรทำกันอย่างจริงจัง และผมเห็นว่าผู้มีบุตรหลาน ควรสอนเรื่องความสะอาดตั้งแต่ในบ้านและควรเว้นการไปที่แออัดและดูแลสุขภาพ ควรอาบน้ำ, ล้างเท้าล้างมือ
การป้องกันดีกว่าการรักษาครับ
โรงเรียนชื่อเสียงดังๆ ก็ปิดไปแล้วหลายแห่ง และคงจะตามมาอีกมาก
ยอดผู้ป่วยเดิมมีไม่มาก เมื่อต้นเดือนแค่ 2-3 ราย ซึ่งเข้าใจว่ากลับมาจากเมืองนอก นี่ยังไม่สิ้นเดือนดี ก็ปาเข้าไป 300 กว่าคนแล้วนะครับพี่น้อง
และพบที่หลายจังหวัดด้วยกัน ส่วนหนึ่งเป็นจังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางจากต่างประเทศเข้ามาพัก
ที่น่าวิตกก็คือแพทย์เตือนว่าระวังเด็กเล็กๆ อายุต่ำกว่า 5 ขวบ ภูมิต้านทานจะต่ำกว่าเด็กโต และมีโอกาสติดไข้หวัดนรกได้ง่าย หวัดนี้โดนเข้าไปแล้วถึงตายและทั่วโลกตายไปนับร้อยแล้วนะครับ
กระทรวงสาธารณสุขได้ระดมตรวจโรคและทำได้แค่นับพันรายเท่านั้น เนื่องจากต้องไปตรวจที่ห้องพิเศษซึ่งรองรับได้วันละ 100-200 รายเท่านั้น และก็ไม่ได้ตรวจแบบละเอียด
หากจะตรวจแบบรู้จริงๆ ละเอียดมากๆ ก็จะมีค่าใช้จ่ายและเสียงบประมาณมากพอสมควร
ที่ทำได้ก็คือเร่งการประชาสัมพันธ์กับเฝ้าระวังเท่านั้น เพราะการให้ความรู้กับประชาชนให้ป้องกันโรคดีกว่าเป็นแล้วมารักษา เพราะถ้าป่วยแล้วก็อาจแพร่เชื่อไปติดผู้อื่นจนเป็นการระบาด ซึ่งกลายเป็นเรื่องใหญ่
แม้ว่ามีตัวยาบางตัวพอต้านได้ เช่นยาต้านไวรัสโอเชลทามีเวียร์ แต่แพทย์ก็แนะนำว่าจะใช้กับเฉพาะกลุ่มเสี่ยงเท่านั้น ซึ่งกลุ่มนี้ประกอบไปด้วยเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ผู้ใหญ่อายุเกิน 65 ปี หรือผู้หญิงที่มีครรภ์ หรือคนที่ภูมิต้านทานต่ำ และพวกที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เป็นต้น กลุ่มหลังนี้
เนื่องจากใช้ยาตัวอื่น เมื่อใช้แล้วก็อาจดื้อยาได้
ครับ... การที่มีข่าวแพร่ไปมาก ก็ทำให้คนตื่นตัว มาตรวจกันตามโรงพยาบาลรัฐและเอกชนกันมาก และแพทย์ต้องทำงานหนักรวมทั้งต้องสอบประวัติโดยเฉพาะการเดินทางออกนอกหรือกลับเข้ามาจากประเทศที่มีโรคแพร่หลาย ก็จะถูกเฝ้าระวังมากเป็นพิเศษ
การแพร่ระบาดมีมากที่ภาคใต้ เช่น สงขลา, ตรัง, ภูเก็ต, เชียงใหม่, พัทยา, ชลบุรี
ทั่วโลกมีผู้ป่วยด้วยหวัดนรกไปแล้วประมาณ 500-1,000 ล้านคนต่อปี 1 คนในพันคนจะมีประมาณ 10 คนที่เกิดอาการไข้รุนแรง และในจำนวนนี้คนหนึ่งจะอ่อนแอสภาพทรุดจนตายได้ และตายไปแล้วนับร้อยราย
ปัญหาของไทยคืองบประมาณหมดครับ
ห้องปฏิบัติการตั้งงบไว้แค่ 2 ล้านบาทต่อปี ซึ่งแน่นอนว่าไม่พอแน่ครับ
เพราะว่าการตรวจเชื้อนั้น ส่งไปที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และมีคนอยากให้ตรวจสอบเข้ามามากทำให้เกิดความล่าช้าทำได้อย่างรวดเร็วที่สุดโดยใช้เงิน 4,000 บาทต่อรายซึ่งถือว่าสูงมาก สำหรับค่าตรวจเท่านั้น ถ้ารักษากันจริงๆ ก็จะแพงกว่านี้ไม่นับค่าห้อง ค่าอาหาร และอื่นๆ
โรงเรียนที่ปิดเรียนก็เยอะแล้ว เมื่อวานนี้ปิดไปอีก 9 โรงเรียน ส่วนหนึ่งอยู่ชานเมืองเช่น สตรีวิทยา 2 เขตลาดพร้าว โรงเรียน ภปร. ที่นครปฐม เป็นต้น ในต่างจังหวัดก็ทยอยกันปิดครับ
โรงเรียนหลายแห่งริเริ่มให้มีการสอนเสริมหลังจากต้องปิดอย่างน้อย 7 วัน
ผลที่ตามมาหน้ากาก และผ้าป้องกันจมูกและปากขายดีมาก จนเกรงกันว่าอาจถูกโก่งราคา หรือไม่ก็ขาดตลาด และแพทย์แนะนำให้ล้างมือด้วยสบู่หรือใช้เจลล้างมือ
ส่วนตามโรงเรียนหรือสถานบันเทิงก็ให้มีการทำความสะอาดและใช้ยาฆ่าเชื้อโรคทุกวัน เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
ครับ ความจริงของแบบนี้ควรทำกันอยู่แล้ว แต่เห็นได้ว่ามีการปล่อยปละละเลยกันมานาน โดยเฉพาะตามร้านอาหาร ทาง อ.ย.ก็ควรใส่ใจให้มากหน่อย
เรื่องโรคระบาดนี้ ควรทำกันอย่างจริงจัง และผมเห็นว่าผู้มีบุตรหลาน ควรสอนเรื่องความสะอาดตั้งแต่ในบ้านและควรเว้นการไปที่แออัดและดูแลสุขภาพ ควรอาบน้ำ, ล้างเท้าล้างมือ
การป้องกันดีกว่าการรักษาครับ