xs
xsm
sm
md
lg

คณะละครเนวิน ต่อเสถียรภาพ ปชป.

เผยแพร่:   โดย: บัณรส บัวคลี่

ระยะสองสัปดาห์มานี้ในบรรดานักการเมืองที่กำลังโลดแล่นอยู่เห็นจะมีอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่พูดจริง ตรงไปตรงมา ไม่ตอแหล อ้อมค้อม นั่นก็คือ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่กล่าวในวงประชุมต่อหน้าผู้สื่อข่าวว่า

“ไม่เข้าใจว่าทำไมคน กทม.ถึงโง่เง่า ซื่อบื้อไปเชื่อและเลือกพรรคประชาธิปัตย์ได้อย่างไร”

ปากของนายปลอดประสพนั้นคิดอะไรไปแบบนั้นขึ้นชื่อเรื่องเพาะศัตรูมานานแล้ว มารอบนี้นายปลอดประสพก็ใช้มาตรฐานเดิมจนกลายเป็นข่าวพาดหัวใหญ่ในวันรุ่งขึ้น

คอลัมน์นี้แม้จะไม่เห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่า เพราะคนกทม.ไม่โง่หรอกอย่างน้อยก็เลือก ส.ว.น้ำดีเข้าสภามาแล้ว แต่ก็ขอยกย่องนายปลอดประสพมา ณ ตรงนี้เนื่องจากกวาดตาดูนักการเมืองทั้งหลายในรอบเวลาเดียวกันล้วนแต่ปากอย่างใจอย่าง มีหลายอย่างที่น่าเชื่อว่าเป็นการเล่นละครตบตาคนดู

อย่างกรณีรถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคันที่ครม.ส่งเรื่องไปให้สภาพัฒน์ศึกษาเปรียบเทียบซื้อกับเช่าระยะเวลา 1 เดือนก็น่าสงสัย

อีก 1 เดือนข้างหน้าสังคมไทยจะได้เห็นผลการศึกษารูปธรรมที่มีตัวเลขและการวิเคราะห์ตามหลักวิชาการขั้นสูงออกมา อย่างไรก็ตามมีการตั้งข้อสังเกตล่วงหน้าว่าผลการศึกษาของสภาพัฒน์ฯ น่าจะออกมาแบบที่พรรคภูมิใจไทยพอใจ เพราะชื่อของ ดร.อำพน กิตติอำพน เลขาธิการสภาพัฒน์ เพิ่งจะได้รับแต่งตั้งเป็นประธานบอร์ดบริษัทการบินไทยคนใหม่ ในยุคที่พรรคภูมิใจไทยคุมกระทรวงคมนาคม

ไม่แปลกหรอกที่มีผู้ตั้งข้อสงสัยเช่นนี้เพราะ ดร.กบ - อำพน กิตติอำพน ข้ามห้วยมาจากกระทรวงเกษตรฯ ได้ดีในยุคไทยรักไทย มีงานใหญ่ที่ไหนจะคลุกอยู่กับอำนาจวงใน เข้าขากันดีกับทีมงานของไทยรักไทย โดยเฉพาะ เนวิน ชิดชอบ

นี่จึงไม่ใช่เรื่องที่ประชาธิปัตย์ หัก ภูมิใจไทย แบบไม่ไว้หน้า แต่เป็นทางออกร่วมกันที่อีกฝ่ายรับได้ !

หากผลลัพธ์เป็นไปตามที่ขบวนการเนวินต้องการละครฉากนี้มีคนของพรรคประชาธิปัตย์ร่วมเล่นด้วยอย่างแน่นอน !!

ยังมีอีกเรื่อง – การที่โฟกัสการเมืองแทบทุกสำนักพุ่งไปที่การเลือกตั้งซ่อมจังหวัดสกลนครในช่วงสี่ห้าวันมานี้ เพราะมีประเด็นการต่อสู้ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับ ภูมิใจไทย ที่จะเป็นตัวชี้วัดอนาคตภาพรวมของการเมืองใหญ่ได้

หากมองจากมาตรฐานการเมืองแบบเดิม กรณีข่าวใหญ่พาดหัวกรณีสมศักดิ์ เทพสุทิน น็อตหลุดซัดประชาธิปัตย์หาใช่เรื่องคอขาดบาดตายใหญ่โตอันใดไม่

หากเป็นนักเลงข้างถนนธรรมดา ตอกใส่หน้ากันแบบนี้ได้ซัดกันเลือดกบปากไปแล้ว ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าจะกลับจูงมือจู๋จี๋กันได้อีก แต่การเมืองกลับแตกต่างออกไป การเมืองเป็นเรื่องของเท็จปนจริง นี่จึงเป็นแค่กระบวนท่าต่อรองทางการเมืองธรรมดาเท่านั้น จริงอยู่ความไม่พอใจและรอยร้าวมีอยู่บ้างแต่ก็ไม่ถึงขั้นแตกหัก คนระดับสมศักดิ์ เทพสุทิน แม้จะเป็นเสาหลักหนึ่งในพรรคภูมใจไทยแต่ก็ไม่ใช่ศูนย์รวมอำนาจทั้งหมด

หากยังจำได้ เนวิน ชิดชอบ เคยปราศรัยเป็นภาษาเขมรที่บุรีรัมย์บอกจะกระโดดเตะก้านคอ บรรหาร ศิลปอาชา แล้วกระโดดเตะจริงหรือเปล่า ? ครั้งนี้ก็เช่นกัน กลยุทธ์การหาเสียงของภูมิใจในภาคอีสานฐานที่มั่นของคนรักทักษิณย่อมต้องกันตัวเองออกจากพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อสุเทพ เทือกสุบรรณ โทรศัพท์ไปบอกให้เบา ๆ หน่อยก็เข้าทางถูกปูดให้กลายเป็นข่าวใหญ่ให้ทำนองที่คนเสื้อนำเงินไม่แยแสประชาธิปัตย์ทันที

เท็จปนจริง ..จริงปนเท็จ เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนท่าการเล่นการเมืองที่ถูกปล่อยออกมาให้สื่อมวลชนทั้งหลายนำไปขยายผล และครั้งนี้ก็เช่นกัน นอกจากการสร้างภาพยกขบวนเสนาบดีไปดำนาแล้วยังมีนโยบายซื้อใจทยอยเป็นข่าวออกมาอีกเป็นขบวน โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณผ่านองค์กรปกครองท้องถิ่นที่พรรคภูมิใจคุมอยู่

คนการเมืองไม่ว่า ชวรัตน์ ชาญวีรกูล ที่ต้องถกขากางเกงดำนา จุมพฎ บุญใหญ่ ที่ถอดเสื้อย้ายพรรคต่อหน้ากล้อง รวมไปถึงการทยอยปล่อยหมัดใส่พรรคประชาธิปัตย์เป็นระลอก ล้วนแต่เป็นส่วนหนึ่งของละครการเมืองที่คนดูต้องกลั่นกรองแยกแยะเท็จ-จริงอีกรอบทั้งสิ้น

การเมืองบนเวทีระยะนี้เป็นช่วงของการต่อรองครั้งใหญ่ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล กระบวนการต่อรองดังกล่าวปรากฏในละครฉากใหญ่ที่ถูกรายงานบนหน้าหนังสือพิมพ์วันแล้ววันเล่า

รัฐบาลจะยังคงเดินหน้าต่อไปด้วยดีอีกอย่างน้อย 1 เดือนรอจนผ่านกฎหมายงบประมาณและกฎหมายกู้เงิน รวมไปถึงผลการศึกษาของสภาพัฒน์เรื่องรถเมล์ 4 พันคันเป็นรูปร่างขึ้นมา

ปัจจัยที่ส่งผลต่อเสถียรภาพรัฐบาลไม่ใช่ พรรคร่วม หรือ พรรคฝ่ายค้าน หากแต่เป็นตัวพรรคประชาธิปัตย์เองว่าจะเลือกเดินทางไหน !!!?

กรณีพรรคฝ่ายค้านและคนเสื้อแดงที่กำหนดระดมพลครั้งใหม่ปลายเดือนมิถุนายน ยังไม่ใช่ปัจจัยหลักเพราะเป็นเพียงการผสมโรงเวทีรัฐสภาที่กำหนดพิจารณากฎหมายการเงิน แกนนำคนเสื้อแดงทั้งระดับบน-ล่างล้วนแต่ถูกคดีรุงรัง

แม้กระทั่งที่เชียงใหม่ซึ่งเป็นฐานที่มั่นสำคัญก็ยังแผ่วลง มีผู้หลักผู้ใหญ่บอกว่า ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากคนเสื้อแดงไปทำอาเพศที่ประตูเมืองช้างเผือกซึ่งเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์

ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่นะครับคนเฒ่าคนแก่เขาบอกไว้อย่างนี้จริง ๆ ว่าการที่เอาฆ้องไปตั้งและบวงสรวงมีเจตนาอยากให้ฝ่ายตนมีชื่อเสียงโด่งดัง ทำอะไรสำเร็จเป็นมรรคผลที่เป็นเจตนาแรกบัดนี้เปลี่ยนแปรไปแล้วเพราะมีคนอวดอุตริล้อมรั้วเหล็กปิดประตูลั่นดาลฆ้องดังกล่าวเอาไว้ คนเมืองบอกว่า ฆ้องเป็นสัญลักษณ์ของเสียงโด่งดังแต่เอาคอก (ภาษาเหนือแปลว่าคุก) ไปล้อมไว้ หมายถึง “ดังในคอก” แปลความได้ว่า จะโดดเด่นในเรื่องของคดีความ หรือ เข้าคุกตาราง ซึ่งก็เป็นผลในบัดดลไม่ว่า ทักษิณ สามเกลอ มาจนถึงแกนนำระดับจังหวัดล้วนคลุกอยู่กับคดีความนับจากนั้นเป็นต้นมา

ส่วนกรณีพรรคร่วมที่ออกอาการฮึดฮัดแท้จริงไม่มีอะไรมากนอกจากการแสดงท่าทีเพื่อต่อรองสิ่งที่ต้องการเท่านั้น

การเมืองจะเดินอย่างไรต่อไปแทบทุกอย่างอยู่ในมือของพรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้กำหนด ว่าจะขับเคลื่อนการเมืองแบบมีเสถียรภาพภายใต้ธรรมเนียมโกง-กิน-ฮั้ว-ไม่เห็นหัวประชาชนแบบเก่า

หรือจะยกระดับการเมืองขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง แม้จะต้องแลกกับความเจ็บปวดบ้างพอสมควร !
กำลังโหลดความคิดเห็น