เป็นเรื่องธรรมดาของสังคมไทยที่ไสยศาสตร์มักจะควบคู่กับประเด็นการเมือง ไม่ว่าสีใดก็มักจะมีเรื่องแบบดังกล่าวปะปนอยู่เสมอ
สนธิ ลิ้มทองกุล เองใช่ย่อยที่ไหนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพบูชาเพียบ หันไปทางสีเขียวตอนที่ทำรัฐประหารก็มักจะมีข่าวคราวบิ๊กทหารเดินทางไปหาหลวงปู่ที่เชียงใหม่จนบันไดสำนักไม่แห้ง สีน้ำเงินฟากบุรีรัมย์นั้นเป็นที่รู้ว่าเป็นตัวพ่อของเรื่องแบบนี้ ถึงขนาดที่ทหารขอให้ควักเจ้านั่นมาดูว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประทับไว้ตามที่ร่ำลือจริงหรือเปล่า ?
ตอนที่พันธมิตรฯ เคลื่อนไหวยุคแรกต้นปี 2549 มีผู้หวังดีแจ้งมาว่า นายทหารใหญ่ผู้ใหญ่อุตส่าห์ไปหาพระครูชื่อดังในแวดวงสีเขียวที่วัดแห่งหนึ่งย่านแยกดอนจั่นเมืองเชียงใหม่ทำพิธีต่ออายุให้กับทักษิณ ชินวัตรตั้งกระโจมอยู่ 3 วัน ก่อนนั้นไม่นานมีข่าวคนไปทำพิธีบนวัดพระธาตุเสริมดวงรัฐบาลข่มดวงพวกพันธมิตร
เชียงใหม่นั้นเป็นแหล่งที่มีความเชื่อด้านนี้เข้มข้นมาก อาจจะมากพอ ๆ กับละแวกอีสานใต้ที่ติดเขมร คงยังจำข่าวพล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร พร้อมกับคนเสื้อแดงเชียงใหม่เคยไปทำพิธีต่อดวงชะตาให้กับ ทักษิณ ชินวัตร ที่วัดอุโมงค์วันนั้นเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล แสดงตนเป็นเจ้าพิธีใหญ่รู้คิวกับคนทรง แต่ดันปล่อยไก่ประกาศนามเจ้ามูลเมืองขึ้นมาให้คนทั้งประเทศหัวเราะกันเพราะไม่เคยมีชื่อนี้ในสารบบกษัตริย์ล้านนา
เรื่องแบบนี้เป็นความเชื่อส่วนตนและเฉพาะกลุ่ม ใครจะหัวเราะเยาะอย่างไร ถ้าเพชรวรรต พล.อ.ชัยสิทธิ์ รวมทั้งเสื้อแดงเชื่อว่า ทักษิณเป็นเจ้ามูลเมือง หรือ พระเจ้ากือนา จริงก็เป็นสิทธิ์ที่เขาจะเชื่อ และมันเป็นความเชื่อที่ไม่ได้ไปรานสิทธิ์ของใครคนอื่น
ปัญหาอยู่ที่เสื้อแดงเชียงใหม่ ไม่ได้จำกัดพิธีกรรมความเชื่อไว้ที่ลานพิธีในแต่ละคราว เพราะดันยกพวกไปกดดันขับไล่คนงานขุดค้นประตูช้างเผือกซึ่งเป็นประตูทิศเหนือ ในระบบทักษาเมืองเชื่อว่าเป็นเดชเมือง ทิศเหนือนั้นเป็นหัวเวียง ดังนั้นเวลากษัตริย์ล้านนาจะเข้าเมืองหรือทำพิธีกรรมใด ๆ ก็จะผ่านเข้าออกทางประตูนี้ ไม่เหมือนกับทิศตะวันตกเฉียงใต้ที่เป็นประตูผี สมัยก่อนมีศพออกต้องออกทางด้านนี้เท่านั้น
การที่เสื้อแดงใช้กำลังอันธพาลไปขับไล่ผู้รับเหมาของรัฐถือเป็นความผิดหนึ่งแล้วยังไม่พอ ยังวิสาสะไปยึดลานประตูเมืองช้างเผือกเสมือนสมบัติตน นำฆ้องอันใหญ่บอกว่าชื่อ ฆ้องแสนเสียงไปตั้ง แล้วสร้างอาคารคลุมไว้ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
เข้าใจได้ว่าคนเสื้อแดงคนมีที่ปรึกษาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่รู้เรื่องไสยศาสตร์ เพราะประวัติของเมืองเวลามีคนไปทำอะไรกำแพงเมืองหรือประตูเมืองมักจะเกิดอาเพศเสมอ คนเสื้อแดงเข้าใจว่าการที่กรมศิลปากรเอาสังกะสีไปปิดพื้นที่ประตูเมืองเพื่อขุดค้นทำให้เมืองเชียงใหม่ไม่เจริญ และคงทึกทักไปว่า ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้นำของชาวเชียงใหม่ จึงไปกดดันให้เปิดพื้นที่เพื่อช่วยทักษิณและคนเสื้อแดงให้เจริญขึ้น
เรื่องกำแพง กับ ประตูเมือง ไม่ใช้เรื่องล้อเล่นนะครับ สมัยที่อดีตผู้ว่าฯ ไพรัตน์ เครื่องบินตกตายนี่มีการพิธีล้างซวยกันครั้งใหญ่ และเชื่อว่าส่วนหนึ่งเพราะผู้ว่าฯคิดจะย้ายเมือง รวมถึงไปปิดประตูสวนดอกแบบปิดตาย จึงต้องไปเปิดประตูกันอีกครั้ง ย้อนหลังไปอีกมีผู้ว่าฯ อีกสองท่านที่ประสบเหตุไม่ดี คนเชียงใหม่ก็เชื่อกันว่าเพราะไปทำเรื่องเกี่ยวกับกำแพงเมืองนั่นเอง
คนเสื้อแดงมีสิทธิ์ที่จะเชื่อเรื่องดังกล่าว และมีสิทธิ์ที่จะพยายามทำอะไรก็ตามที่เชื่อว่าทำให้ ทักษิณ ชินวัตร มีดวงชะตาดีขึ้น
แต่คนเสื้อแดงก็ไม่มีสิทธิ์ทำผิดกฎหมาย เพราะการไปก่อสร้างอาคารตรงนั้นมันผิดกฎหมายชัดเจน
และที่สำคัญคนเสื้อแดงไม่มีสิทธิ์ไปรานสิทธิ์ของผู้อื่นซึ่งถือเป็นชาวเมืองเชียงใหม่เช่นกัน พื้นที่ประตูเมืองเป็นที่สาธารณะของทุกคน ไม่ใช่ใครกลุ่มเดียวคิดจะทำอะไรก็ทำตามอำเภอใจ
เชียงใหม่นั้นมีผู้รู้จำนวนมาก คนเสื้อแดงเชื่อผู้รู้ฝ่ายตนบอกว่าฆ้องที่ตั้งขึ้นตามแบบโบราณ แต่ขอโทษเถิดผู้รู้อีกฟากหนึ่งเขาค้นหาหลักฐานทั้งจารึก ทั้งใบลานต่าง ๆ ไม่พบในสารบบว่ามีฆ้อง โดยเฉพาะไม่มีเรื่องราวของฆ้องแสนเสียง หรือฆ้องใด ๆอยู่ด้วยเลย
เมืองเชียงใหม่ยุคพญากาวิละคือเมื่อกว่า 200 ปีมานี้เชื่อว่า มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองเมือง 28 ประการ –ไม่ปรากฏว่ามีฆ้อง ที่มีชื่อเฉียด ๆ คล้าย ๆ คือ ช้าง 8 เชือกบนฐานเจดีย์หลวงที่เชื่อว่าเป็นเสมือนเครื่องคุ้มครองเมือง อาทิ เมฆบังวัน ข่มพลแสน ดาบแสนด้าม หอกแสนลำ ก่องแสนแหล้ง หน้าไม้แสนเปี๋ยง แสนเขื่อนก๊าน และ ไฟแสนเตา
ไม่มีฆ้องแสนเสียง อะไรของพวกท่านเลย !!
การที่จะไปทำอะไรกับที่สาธารณะโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับโบราณสถาน-โบราณวัตถุนั้นควรต้องอาศัยการปรึกษาหารือสอบทานกับผู้รู้รวมทั้งข้อมูลหลักฐานให้รอบคอบที่สุด อย่างล่าสุดมีการสังคายนากันเรื่องจะรื้อคุกกลางเวียงเพื่อทำสวนสาธารณะได้มีการระดมผู้รู้ของเมืองครั้งใหญ่มาลงความเห็นกัน
นี่คือหนทางที่ควรจะเป็นในประเทศไทย และเมืองใหญ่ ๆ ยุคใหม่ ไม่ใช่ปล่อยให้ราชการ หรือ คณะพวกหนึ่งใดมากำหนดทิศทางของเมือง
เชื่อกันว่าเมืองเชียงใหม่มีของศักดิ์สิทธิ์ ใครบังอาจไปทำสิ่งใดที่ไม่ดีงามเหมาะสม แม้จะมีเจตนาดีแต่ผิดที่ผิดทาง ผิดฝาผิดตัวดังที่คนเมืองเรียกว่าเป็นอาเพศ หรือ ขึด (ทางฉิบหาย) คนเหล่านั้นจะมีอันเป็นไป
ที่ผ่านมามีผู้ว่าฯ เจตนาดี แต่ดันรื้อกำแพงไปทำถนน สร้างกำแพงและประตูขึ้นใหม่ก็มีอันเป็นไป
มีผู้ว่าฯ เจตนาดีแต่ดันปิดประตูไม่ให้เข้าออกจัดระเบียบจราจร ก็มีอันเป็นไป
ถ้าเสื้อแดงยังดื้อดึง คิดว่า การอุตริไปสร้างฆ้องตรงปากประตูเมือง ใช้กำลังคนไปกดดันข่มขู่คนโดยผิดขั้นตอน เข้าใจว่านี่เป็นเจตนาดีและเป็นทางแห่งความเจริญ-ขอเตือนให้คิดใหม่
สิ่งที่จะลงโทษคนได้นอกจากกฎหมายแล้ว ยังมีกฎของเมืองที่เชื่อถือกันมาแต่โบราณ !
ละเมิดกฎหมายจะถูกลงโทษ แต่ละเมิดกฎเมืองเขาว่าจะมีอันเป็นไป !!!
สนธิ ลิ้มทองกุล เองใช่ย่อยที่ไหนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพบูชาเพียบ หันไปทางสีเขียวตอนที่ทำรัฐประหารก็มักจะมีข่าวคราวบิ๊กทหารเดินทางไปหาหลวงปู่ที่เชียงใหม่จนบันไดสำนักไม่แห้ง สีน้ำเงินฟากบุรีรัมย์นั้นเป็นที่รู้ว่าเป็นตัวพ่อของเรื่องแบบนี้ ถึงขนาดที่ทหารขอให้ควักเจ้านั่นมาดูว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประทับไว้ตามที่ร่ำลือจริงหรือเปล่า ?
ตอนที่พันธมิตรฯ เคลื่อนไหวยุคแรกต้นปี 2549 มีผู้หวังดีแจ้งมาว่า นายทหารใหญ่ผู้ใหญ่อุตส่าห์ไปหาพระครูชื่อดังในแวดวงสีเขียวที่วัดแห่งหนึ่งย่านแยกดอนจั่นเมืองเชียงใหม่ทำพิธีต่ออายุให้กับทักษิณ ชินวัตรตั้งกระโจมอยู่ 3 วัน ก่อนนั้นไม่นานมีข่าวคนไปทำพิธีบนวัดพระธาตุเสริมดวงรัฐบาลข่มดวงพวกพันธมิตร
เชียงใหม่นั้นเป็นแหล่งที่มีความเชื่อด้านนี้เข้มข้นมาก อาจจะมากพอ ๆ กับละแวกอีสานใต้ที่ติดเขมร คงยังจำข่าวพล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร พร้อมกับคนเสื้อแดงเชียงใหม่เคยไปทำพิธีต่อดวงชะตาให้กับ ทักษิณ ชินวัตร ที่วัดอุโมงค์วันนั้นเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล แสดงตนเป็นเจ้าพิธีใหญ่รู้คิวกับคนทรง แต่ดันปล่อยไก่ประกาศนามเจ้ามูลเมืองขึ้นมาให้คนทั้งประเทศหัวเราะกันเพราะไม่เคยมีชื่อนี้ในสารบบกษัตริย์ล้านนา
เรื่องแบบนี้เป็นความเชื่อส่วนตนและเฉพาะกลุ่ม ใครจะหัวเราะเยาะอย่างไร ถ้าเพชรวรรต พล.อ.ชัยสิทธิ์ รวมทั้งเสื้อแดงเชื่อว่า ทักษิณเป็นเจ้ามูลเมือง หรือ พระเจ้ากือนา จริงก็เป็นสิทธิ์ที่เขาจะเชื่อ และมันเป็นความเชื่อที่ไม่ได้ไปรานสิทธิ์ของใครคนอื่น
ปัญหาอยู่ที่เสื้อแดงเชียงใหม่ ไม่ได้จำกัดพิธีกรรมความเชื่อไว้ที่ลานพิธีในแต่ละคราว เพราะดันยกพวกไปกดดันขับไล่คนงานขุดค้นประตูช้างเผือกซึ่งเป็นประตูทิศเหนือ ในระบบทักษาเมืองเชื่อว่าเป็นเดชเมือง ทิศเหนือนั้นเป็นหัวเวียง ดังนั้นเวลากษัตริย์ล้านนาจะเข้าเมืองหรือทำพิธีกรรมใด ๆ ก็จะผ่านเข้าออกทางประตูนี้ ไม่เหมือนกับทิศตะวันตกเฉียงใต้ที่เป็นประตูผี สมัยก่อนมีศพออกต้องออกทางด้านนี้เท่านั้น
การที่เสื้อแดงใช้กำลังอันธพาลไปขับไล่ผู้รับเหมาของรัฐถือเป็นความผิดหนึ่งแล้วยังไม่พอ ยังวิสาสะไปยึดลานประตูเมืองช้างเผือกเสมือนสมบัติตน นำฆ้องอันใหญ่บอกว่าชื่อ ฆ้องแสนเสียงไปตั้ง แล้วสร้างอาคารคลุมไว้ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
เข้าใจได้ว่าคนเสื้อแดงคนมีที่ปรึกษาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่รู้เรื่องไสยศาสตร์ เพราะประวัติของเมืองเวลามีคนไปทำอะไรกำแพงเมืองหรือประตูเมืองมักจะเกิดอาเพศเสมอ คนเสื้อแดงเข้าใจว่าการที่กรมศิลปากรเอาสังกะสีไปปิดพื้นที่ประตูเมืองเพื่อขุดค้นทำให้เมืองเชียงใหม่ไม่เจริญ และคงทึกทักไปว่า ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้นำของชาวเชียงใหม่ จึงไปกดดันให้เปิดพื้นที่เพื่อช่วยทักษิณและคนเสื้อแดงให้เจริญขึ้น
เรื่องกำแพง กับ ประตูเมือง ไม่ใช้เรื่องล้อเล่นนะครับ สมัยที่อดีตผู้ว่าฯ ไพรัตน์ เครื่องบินตกตายนี่มีการพิธีล้างซวยกันครั้งใหญ่ และเชื่อว่าส่วนหนึ่งเพราะผู้ว่าฯคิดจะย้ายเมือง รวมถึงไปปิดประตูสวนดอกแบบปิดตาย จึงต้องไปเปิดประตูกันอีกครั้ง ย้อนหลังไปอีกมีผู้ว่าฯ อีกสองท่านที่ประสบเหตุไม่ดี คนเชียงใหม่ก็เชื่อกันว่าเพราะไปทำเรื่องเกี่ยวกับกำแพงเมืองนั่นเอง
คนเสื้อแดงมีสิทธิ์ที่จะเชื่อเรื่องดังกล่าว และมีสิทธิ์ที่จะพยายามทำอะไรก็ตามที่เชื่อว่าทำให้ ทักษิณ ชินวัตร มีดวงชะตาดีขึ้น
แต่คนเสื้อแดงก็ไม่มีสิทธิ์ทำผิดกฎหมาย เพราะการไปก่อสร้างอาคารตรงนั้นมันผิดกฎหมายชัดเจน
และที่สำคัญคนเสื้อแดงไม่มีสิทธิ์ไปรานสิทธิ์ของผู้อื่นซึ่งถือเป็นชาวเมืองเชียงใหม่เช่นกัน พื้นที่ประตูเมืองเป็นที่สาธารณะของทุกคน ไม่ใช่ใครกลุ่มเดียวคิดจะทำอะไรก็ทำตามอำเภอใจ
เชียงใหม่นั้นมีผู้รู้จำนวนมาก คนเสื้อแดงเชื่อผู้รู้ฝ่ายตนบอกว่าฆ้องที่ตั้งขึ้นตามแบบโบราณ แต่ขอโทษเถิดผู้รู้อีกฟากหนึ่งเขาค้นหาหลักฐานทั้งจารึก ทั้งใบลานต่าง ๆ ไม่พบในสารบบว่ามีฆ้อง โดยเฉพาะไม่มีเรื่องราวของฆ้องแสนเสียง หรือฆ้องใด ๆอยู่ด้วยเลย
เมืองเชียงใหม่ยุคพญากาวิละคือเมื่อกว่า 200 ปีมานี้เชื่อว่า มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองเมือง 28 ประการ –ไม่ปรากฏว่ามีฆ้อง ที่มีชื่อเฉียด ๆ คล้าย ๆ คือ ช้าง 8 เชือกบนฐานเจดีย์หลวงที่เชื่อว่าเป็นเสมือนเครื่องคุ้มครองเมือง อาทิ เมฆบังวัน ข่มพลแสน ดาบแสนด้าม หอกแสนลำ ก่องแสนแหล้ง หน้าไม้แสนเปี๋ยง แสนเขื่อนก๊าน และ ไฟแสนเตา
ไม่มีฆ้องแสนเสียง อะไรของพวกท่านเลย !!
การที่จะไปทำอะไรกับที่สาธารณะโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับโบราณสถาน-โบราณวัตถุนั้นควรต้องอาศัยการปรึกษาหารือสอบทานกับผู้รู้รวมทั้งข้อมูลหลักฐานให้รอบคอบที่สุด อย่างล่าสุดมีการสังคายนากันเรื่องจะรื้อคุกกลางเวียงเพื่อทำสวนสาธารณะได้มีการระดมผู้รู้ของเมืองครั้งใหญ่มาลงความเห็นกัน
นี่คือหนทางที่ควรจะเป็นในประเทศไทย และเมืองใหญ่ ๆ ยุคใหม่ ไม่ใช่ปล่อยให้ราชการ หรือ คณะพวกหนึ่งใดมากำหนดทิศทางของเมือง
เชื่อกันว่าเมืองเชียงใหม่มีของศักดิ์สิทธิ์ ใครบังอาจไปทำสิ่งใดที่ไม่ดีงามเหมาะสม แม้จะมีเจตนาดีแต่ผิดที่ผิดทาง ผิดฝาผิดตัวดังที่คนเมืองเรียกว่าเป็นอาเพศ หรือ ขึด (ทางฉิบหาย) คนเหล่านั้นจะมีอันเป็นไป
ที่ผ่านมามีผู้ว่าฯ เจตนาดี แต่ดันรื้อกำแพงไปทำถนน สร้างกำแพงและประตูขึ้นใหม่ก็มีอันเป็นไป
มีผู้ว่าฯ เจตนาดีแต่ดันปิดประตูไม่ให้เข้าออกจัดระเบียบจราจร ก็มีอันเป็นไป
ถ้าเสื้อแดงยังดื้อดึง คิดว่า การอุตริไปสร้างฆ้องตรงปากประตูเมือง ใช้กำลังคนไปกดดันข่มขู่คนโดยผิดขั้นตอน เข้าใจว่านี่เป็นเจตนาดีและเป็นทางแห่งความเจริญ-ขอเตือนให้คิดใหม่
สิ่งที่จะลงโทษคนได้นอกจากกฎหมายแล้ว ยังมีกฎของเมืองที่เชื่อถือกันมาแต่โบราณ !
ละเมิดกฎหมายจะถูกลงโทษ แต่ละเมิดกฎเมืองเขาว่าจะมีอันเป็นไป !!!