ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - สำนักศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่แจง กรณีเสื้อแดงกลุ่มเพชรวรรตสร้างอาคารและฆ้องบนประตูเมืองสำคัญโดยยังไม่ได้รับอนุญาตว่า ขั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของอธิบดีกรมศิลป์ เหตุที่ปล่อยให้ดำเนินการช่วงแรกเพราะเหตุการณ์ปลุกมวลชนรุนแรง ขณะที่ฝ่ายเสื้อแดงเชื่อกันว่าเป็นพิธีทำให้ “ทักษิณ” และกลุ่มของตนได้รับชัยชนะ
นายสหวัฒน์ แน่นหนา ผอ.สำนักศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่ เปิดเผยกรณีที่กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ที่นำโดย นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล ได้สร้างสิ่งปลูกสร้างเป็นอาคารเพื่อตั้งฆ้องขนาดใหญ่บริเวณหน้าประตูช้างเผือก ซึ่งเป็นประตูเมืองสำคัญที่เชื่อตามระบบทักษาเมืองว่าเป็นเดชเมือง ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมาจนถึงเวลานี้โดยระบุว่า กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ได้ทำหนังสือขออนุญาตถึงอธิบดีกรมศิลปากร สำนักงานได้ส่งหนังสือเพื่อให้พิจารณาเรื่องนี้แต่ยังไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใด
“กลุ่มเสื้อแดงได้ทำหนังสือมาเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2551 สำนักงานได้ตอบหนังสือไปว่าเรื่องดังกล่าวเป็นอำนาจอนุมัติของอธิบดีกรมศิลปากรตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ต่อจากนั้นได้ทำหนังสือไปยังกรมเมื่อวันที่ 18 มีนาคม”
นายสหวัฒน์กล่าวว่า ตนได้มีความเห็นต่อท้ายหนังสือเสนอต่ออธิบดีว่า ฆ้องและสิ่งปลูกสร้างอยู่ในเขตโบราณสถาน ความเห็นของตนในฐานะ ผอ.สำนักที่รับผิดชอบพื้นที่ดังกล่าวเห็นว่าไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าวอยู่ในช่วงตึงเครียดคาบเกี่ยวกับมวลชน หากเห็นว่าเพื่อผ่อนคลายภาวะตึงเครียดอาจจะพิจารณาอนุโลมสร้างได้โดยต้องปรับแบบให้กลมกลืน ไม่สามารถจะใช้แบบที่สร้างในปัจจุบันได้
นายสหวัฒน์กล่าวยอมรับว่า การดำเนินการของสำนักงานศิลปากรที่ 8 ในช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างยากลำบากและต้องระมัดระวังปัญหาเรื่องมวลชน เพราะก่อนหน้าที่กลุ่มเสื้อแดงเข้าไปก่อสร้างฆ้องและอาคาร ได้รวมกลุ่มกันปิดล้อมบังคับบริษัทเอกชนที่ดำเนินการขุดค้นพื้นที่ดังกล่าวเพื่อหาฐานรากพิสูจน์หลักฐานตามภาพถ่ายว่ากำแพงเมืองจุดดังกล่าวมีสองชั้น ทำให้สำนักงานต้องสั่งระงับการขุดค้น และต่อมาได้เจรจากับผู้รับเหมาให้ทราบถึงปัญหาดังกล่าวจนมีการยกเลิกสัญญาในที่สุด
ในเวลาต่อมาได้รวมพลครั้งใหญ่ทำพิธีทำบุญและปลูกสร้างอาคาร จนทำให้เรื่องดำเนินการมาถึงปัจจุบัน ที่ผ่านมาผู้ว่าราชการจังหวัดได้สอบถามปัญหามายังตนแล้ว จึงได้แต่แจ้งว่าจะต้องรอการพิจารณาหนังสือขออนุญาตจากอธิบดีเพราะสำนักงานไม่มีอำนาจ
ศ.เฉลิมพล แซมเพชร ประธานภาคีคนฮักเจียงใหม่ เปิดเผยว่า กรณีที่มีการสร้างสิ่งปลูกสร้างบนพื้นที่โบราณสถานสำคัญ คือ ประตูช้างเผือก มีความละเอียดอ่อนมาก เพราะเป็นประตูทิศเหนือที่เชื่อว่าผู้ครองนครจะเข้าเมืองทางทิศนี้ ระยะหลังผู้ว่าราชการจังหวัดที่เพิ่งมารับตำแหน่งใหม่ก็ต้องเข้าทางประตูนี้ เมื่อมีกลุ่มคนเข้าไปก่อสร้างฆ้องและอาคารสิ่งปลูกสร้างก็ควรตั้งอยู่บนฐานการศึกษาและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ชัดเจนว่าเหมาะสมเพียงใด ที่สำคัญที่สุดคือต้องอยู่บนพื้นฐานของกฎหมาย ทราบมาว่าการเข้าไปก่อสร้างดังกล่าวยังไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด
ย้อนเหตุการณ์ ฆ้องแสนเสียง-ไสยศาสตร์เสื้อแดง
พื้นที่ประตูช้างเผือกซึ่งเป็นเดชเมืองตามคติทักษาเมืองเชียงใหม่ ถือเป็นพื้นที่สำคัญตามหลักฐานในจารึกระบุว่าผู้ครองนครใช้ประตูดังกล่าวในการทำพิธีกรรมสำคัญ ก่อนหน้านี้เคยมีข้อโต้แย้งเรื่องเทศบาลนครเชียงใหม่ ยุคนายปกรณ์ บูรณุปกรณ์ ก่อสร้างน้ำพุปิดทางเข้าออกประตูเมือง ทำให้มีผู้ทักท้วงว่าไม่เหมาะสมมีการร้องเรียนไปถึงผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา
จนที่สุดเทศบาลนครเชียงใหม่ยุค นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ยอมรื้อถอนน้ำพุดังกล่าวออกไป ต่อมาสำนักศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่ได้พบหลักฐานภาพถ่ายเก่าแก่เป็นภาพกำแพงเมือง 2 ชั้นทำให้ได้ทำโครงการขุดค้นเพื่อหาหลักฐานพิสูจน์ว่าประตูช้างเผือกมีสองชั้นจริงเพื่อจำนำมาสู่การพิจารณาบูรณะให้ตรงตามหลักฐานต่อไป
เมื่อปลายเดือนมกราคม 2551 ระหว่างที่กลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่กำลังเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ รวมกลุ่มปิดล้อมสถานที่ต่าง ๆ หลายแห่งโดยเฉพาะเหตุการณ์ปิดล้อมหอประชุมใหญ่มช.เพื่อหาตัวนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และมีเหตุการณ์คนเสื้อแดงตบหน้าอาจารย์หญิงของมช. ห้วงดังกล่าวกลุ่มเสื้อแดงได้เริ่มปลุกระดมให้มวลชนของตนเพื่อกดดันให้กรมศิลปากรเลิกโครงการขุดค้นประตูช้างเผือกโดยปล่อยข่าววิทยุชุมชนของตนว่าเจ้าหน้าที่ได้พบพระโบราณที่นั่น
มวลชนเสื้อแดงนำโดยนายเพชรวรรต ขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการขุดค้นสำเร็จ ซึ่งต่อมาได้อธิบายเรื่องนี้ผ่านวิทยุของตนว่า ประตูช้างเผือกเป็นประตูสำคัญ แต่เมื่อรัฐได้ปิดประตูเพื่อขุดค้นทำให้เมืองปิด เป็นพิธีกรรมที่ข่มคนเชียงใหม่ และส่งผลต่อดวงชะตาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต่อมาในวันที่ 8 มีนาคม 2551 กลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่ระดมคนนับพันคนทำพิธีบุญครั้งใหญ่และนำฆ้องขนาดใหญ่เรียกชื่อว่า “ฆ้องแสนเสียง” ไปตั้งไว้และสร้างสิ่งปลูกสร้างคร่อมฆ้องดังกล่าวไว้ เมื่อมีการเคลื่อนไหวที่สำคัญ ๆ กลุ่มเสื้อแดงจะเคลื่อนขบวนไปสักการะฆ้องดังกล่าวเพื่อเอาฤกษ์เอาชัยก่อน โดยเฉพาะการเคลื่อนขบวนมากรุงเทพฯ ในวันนัดหมายใหญ่ 26 มีนาคม และ 8 เมษายน 2551 ที่ผ่านมา
ระหว่างที่กลุ่มเสื้อแดงรวมพลครั้งใหญ่จัดเวทีความจริงวันนี้สัญจร ที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี เมื่อ 25 มีนาคม ดีเจ วิทยุชุมชนเสื้อแดง 92.5 MHz ประกาศระหว่างที่กลุ่มเสื้อแดงเคลื่อนขบวนการสักการะฆ้องแสนเสียงที่ประตูช้างเผือก ก่อนจะไปสนามกีฬาฯ ว่า ประตูช้างเผือกเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวเชียงใหม่ที่ผ่านมามีผู้กลั่นแกล้งคนเชียงใหม่ไปปิดประตูเมืองจนทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรต้องหลุดจากตำแหน่ง การที่คนเสื้อแดงได้เคลื่อนไหวในเรื่องนี้เพื่อให้การต่อสู้ของคนเชียงใหม่ได้รับชัยชนะ
นอกจากนี้ มีเหตุการณ์อีกเหตุการณ์หนึ่งเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องประตูช้างเผือก ที่เกี่ยวข้องกับชะตาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่กลุ่มเสื้อแดงถือเป็นผู้นำของคนเชียงใหม่ คือเมื่อวันที่ 30-31 สิงหาคม 2549 ก่อนหน้าการรัฐประหาร 19 กันยายน ได้เกิดฝนตกใหญ่ทำให้ก้อนอิฐของประตูช้างเผือกพังถล่มลงมาบนถนนมณีนพรัตน์ ถึงขั้นต้องปิดการจราจรเพื่อซ่อมแซม มีสื่อมวลชนวิจารณ์ว่าเป็นอาเพศของเมือง ซึ่งต่อมาเมื่อมีเหตุการณ์รัฐประหารทำให้คนเชียงใหม่ส่วนหนึ่งเชื่อว่าเป็นสัญญาณร้ายที่ส่งเตือนต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
อย่างไรก็ตาม การกระทำของกลุ่มคนเสื้อแดงบนพื้นที่โบราณสถานขัดกับ พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2504 หากอธิบดีมีคำสั่งรื้อถอนจะต้องดำเนินการภายใน 60 วันหากยังขัดขืน กรมฯสามารถดำเนินการเองได้ ประกอบกับจังหวัดเชียงใหม่เพิ่งจะเปลี่ยนตัวผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับการตำรวจภูธรที่เข้มแข็งขึ้น จึงได้ทำหนังสือขออนุญาตปลูกสร้างอาคารบนพื้นที่โบราณสถานเป็นการย้อนหลังเมื่อวันที่ 12 มีนาคม หลังการดำเนินการโดยพลการ 4 วัน ซึ่งล่าสุดหนังสือดังกล่าวยังไม่ได้รับการพิจารณาจากอธิบดีกรมศิลปากรแต่อย่างใด