การเมืองเดินเร็วขึ้นมาอีกรอบ และก็เป็นบังเอิญอย่างร้ายกาจที่มีข่าวมหาอำนาจอย่างอเมริกาปฏิเสธวีซ่าไม่ให้ทักษิณเข้าประเทศ ต่อจากอังกฤษ จีน ญี่ปุ่น
นี่เป็นข่าวร้ายของอดีตนายกพลัดถิ่นเพราะต่อจากนี้ยากที่จะใช้ประเทศใดเป็นฐานโฟนอิน –เคลื่อนไหวล้มล้างรัฐบาลอย่างที่เคยกระทำมา ถ้าจัดฮ่องกงไม่ได้ยังมีอีกตั้งหลายประเทศที่จัดได้เหล่าพี่น้องชินวัตรรวย ๆ ทั้งนั้นควักกระเป๋าบินไปประชุมที่อาฟริกากลางกันสักยกขนหน้าแข้งคงยังอยู่ครบ หรือถ้าจะเช่าเหมาลำแอร์บัสสักลำบินเหนือน่านฟ้าสากลเพื่อจัดประชุมผู้สนับสนุนให้มันสะใจไปเลย
จัดประชุมพบส.ส.ไม่ยากหรอก แต่ที่ยากกว่ากลับเป็นพื้นที่เคลื่อนไหวของทักษิณ ชินวัตรที่ตีบตันลงเรื่อย ๆ ไม่มีประเทศประชาธิปไตยไหนหรอกอยากให้ประเทศตัวเองเป็นฐานให้นักการเมืองต้องคดีใช้เคลื่อนไหวล้มล้างรัฐบาลที่มีความสัมพันธ์กัน
ยิ่งนายใหญ่มีทางเดินน้อยลงเท่าไร เกมการเมืองในประเทศจะยิ่งเข้มข้น
ยิ่งใกล้จนตรอก การเมืองในประเทศจะยิ่งดุขึ้น !
หลังจากที่พรรคเพื่อไทยเลือกหัวหน้าพรรคเพื่อดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาแล้ว ก็จะเข้าสู่บรรยากาศการเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างเต็มตัว
กฎหมายบอกว่าทันทีที่ยื่นญัตติห้ามมิให้รัฐบาลยุบสภาหนีคงมีแต่ต้องเตรียมข้อมูลเพื่อชี้แจงเท่านั้น และหากเป็นญัตติไม่ไว้วางใจทั้งคณะหรือนายกรัฐมนตรี ก็ต้องเสนอชื่อว่าที่นายกรัฐมนตรีที่จะมาแทนด้วย
และชื่อของ เฉลิม อยู่บำรุง ก็จะผุดขึ้นมาเพราะเจ้าตัวประกาศเองว่าพร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป เกมที่เฉลิม อยู่บำรุงเลือกเล่นระหว่างนี้คือการโหมสร้างราคาและความคาดหวังว่าเขาจะมีไม้เด็ดที่เป็นไม้ตายล้มรัฐบาล ... ถ้าพรรคเพื่อไทยปฏิเสธเขาก็อาจจะไม่ได้เห็นไม้เด็ดดังกล่าว
เกมการเมืองในสภา จะมีน้ำหนักมากขึ้นขณะที่การเมืองบนท้องถนนจะสอดประสานควบคู่กันไป
เดิมพันยิ่งสูงการเมืองดูจะยิ่งเลอะเทอะ การเมืองในระบบกับการบนถนนแทบจะแยกกันไม่ออก..ใครเป็นอันธพาล ใครเป็นผู้ทรงเกียรติ
แต่นั่นแหละครับ ! จะชั่วดีถี่ห่างสังคมไทยก็ยังจำต้องฝากความหวังไว้กับการเมืองในระบบรัฐสภา ต้องปล่อยให้บรรดานักการเมืองได้ทำหน้าที่ของตนของทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล แม้ก่อนหน้านี้บรรดา ฯพณฯ ผู้มีเกียรติจะเผลอแสดงธาตุแท้ออกอาการถ่อยเถื่อนใกล้เป็นสภาไต้หวันก็ตาม แต่สังคมนี้ยังจำเป็นต้องช่วยกันประคับประคองให้การเมืองในระบบเดินหน้า ควบคู่พร้อมกันไปกับการเมืองภาคพลเมืองประชาธิปไตยไทยจึงจะเดินหน้าไปได้
ระบบรัฐสภาบ้านเราในทุกวันนี้เหมือนใกล้ชิดประชาชน แต่เนื้อแท้แล้วยังห่างไกลกันมาก
ใกล้ตา - ไกลใจ !!
เราจัดให้มีการถ่ายทอดสดการประชุมสภา หากไม่ใช่นัดสำคัญที่ฟรีทีวี.ถ่ายทอด ก็ยังมีวิทยุและทีวีรัฐสภาผ่านอินเตอร์เน็ตให้คนต่างจังหวัดเข้าถึง มีการรายงานข่าวการเคลื่อนไหวอย่างถี่ยิบในการประชุมสำคัญแต่ละครั้ง
การถ่ายทอดสดและการเปิดเผยวาระการประชุมสภา เป็นหลักการสำคัญของการเมืองแบบระบบตัวแทน เป็นการแสดงออกซึ่งความรับผิดชอบต่อประชาชนเจ้าของอำนาจ นี่เป็นหลักการพื้นฐานที่นานาอารยะประเทศเขากำหนดเป็นเรื่องพื้นฐานเลยว่าการประชุมสภาเปิดออกให้ประชาชนเข้าถึง อย่างที่อเมริกาไม่ใช่ระดับ มลรัฐ หรือเคาท์ตี้เท่านั้น แม้แต่สภาเมืองระดับ Small Town ซึ่งเป็นการปกครองระดับล่างสุดก็ยังต้องถ่ายทอดสด หรือเปิดให้ประชาชนเข้าถึง
การแสดงความรับผิดชอบพื้นฐานดังกล่าว คือการเปิดให้ประชาชนรู้-เห็นได้สัมผัสกับตาว่าตัวแทนที่เข้าไปทำหน้าที่นั้นดี-ชั่ว-ฉลาด-โง่-สุภาพ-สถุล-ถ่อยแค่ไหน เพื่อจะได้ให้สังคมทั้งสังคมตรวจสอบถ่วงดุลการทำงานของนักการเมืองที่เป็นตัวแทนพร้อมกันไป
แต่สภาไทยเป็นสภาที่ไม่เหมือนกับอารยะประเทศ เพราะนักการเมืองจำนวนหนึ่ง (ที่มากพอสมควร) ไม่รู้สึกว่าการทำหน้าที่ในสภาคือการแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจ ไอ้คนพวกนี้เข้าใจว่าการแสดงพยายามประท้วง ก่อกวน หรือการเสนอนับองค์ประชุมวันละสามเวลาเป็นความเหนือชั้นด้วยการเทคนิคกฎหมายข้อบังคับ และการใช้เวลาการประชุมเหน็บแนมด้วยวาทะเพื่อจะเอาความสะใจเป็นชัยชนะ
ไอ้พวกนักการเมืองที่ใช้เวลาของสภาเป็นชั่วโมงเพื่อจะเอาชนะกันในประเด็นบ้า ๆ บอ ๆ แค่ใครหลอกด่าอีกฝ่ายแล้วไม่ต้องถอนคำพูดถือเป็นชัยชนะ
สังคมต้องทำใจว่าในสภายังมีนักการเมืองแบบนี้ให้เห็นและต้องทำใจว่า เหล่า ฯพณฯ ใส่สูทจำพวกนี้เป็นเสมือนโคลนคอยฉุดรั้งไม่ให้ประชาธิปไตยเดินหน้า มีแต่พลังทางสังคมเท่านั้นที่จะช่วยได้โดยการกำหราบปฏิเสธการกระทำไม่เข้าท่าของนักการเมืองทั้งหลาย เป็นพลังประคับประคองให้การเมืองในระบบเดินหน้าต่อในทิศทางที่ถูกต้อง
ตอนที่สภาล่ม องค์ประชุมไม่ครบวิปฝ่ายรัฐบาลออกมาขู่ว่าจะนำชื่อคนโดดประชุมออกมาประจาน ดูเผิน ๆ เหมือนรับผิดชอบกับสังคม แต่แท้จริงไม่ใช่เลย เพราะหลักการพื้นฐานการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมรัฐสภาต้องเปิดเผยข้อมูลการประชุม ใครขาด ใครโดด ออกมาให้เป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่พอสภาล่มทีก็ออกมาขู่เปิดเผยทีหนึ่ง – วิปฝ่ายรัฐบาลพวกคุณยังไม่เข้าใจการเมืองใหม่ และยังล้าหลังประชาชน
ฝ่ายค้าน ออกมาประกาศว่าไล่เช็คตั๋วโดยสารเครื่องบินดูว่าใครโดดประชุมสภาบ้าง และใครเสียบบัตรแทนกัน ก็ต้องขอบคุณฝ่ายค้านที่เพิ่งรู้ว่านี่เป็นหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาที่ต้องเข้าประชุม ดังนั้นฝ่ายค้านเองต้องเป็นฝ่ายเปิดเผยให้ประชาชนรู้ด้วยว่า สมาชิกฝ่ายค้านคนไหนที่ขาดประชุม โดดประชุม ด้วยบ้างเพราะเท่าที่สังเกตส.ส.ฝ่ายค้านก็ตัวดีโดดประชุมเหมือนกัน
พวกคุณเอาเรื่ององค์ประชุมไม่ครบมาเล่นเพียงเพื่อเอาชนะอีกฝ่าย ไม่ได้ตั้งใจตรวจสอบโดยความรู้สึกที่แท้จริงว่าการขาดการปฏิบัติหน้าที่ในสภาถือเป็นการไม่รับผิดชอบต่อประชาชาชน และต่อเงินเดือนหลักแสน
จึงมีแต่พลังทางสังคมทั้งประชาชนและสื่อเท่านั้นที่จะกดดันให้พวกเขารู้ว่าไอ้ที่พวกเขาเล่นกันอยู่นั้นเลอะเทอะ ไม่เข้าท่า ไม่สมกับเป็น ฯพณฯ ตัวแทนประชาชนเอาเสียเลย
การเมืองในสภารอบนี้ตลอดกุมภาพันธ์-มีนาคมมีแนวโน้มจะดุเดือดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ยิ่งเดิมพันสูงการกัดกันและเดินเกมแบบถ่อย ๆ ยิ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
จึงมีแต่พวกเราประชาชนพลเมืองเท่านั้นที่จะแสดงให้พวกเขารับรู้ว่าสังคมไทยไม่เอา ฯพณฯ สถุล ถ่อยเรารับได้เฉพาะนักการเมืองที่เคารพและแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชนจริง ๆ เท่านั้น
นักการเมืองไทยล้าหลังประชาชนไปหลายก้าวแล้วจริง ๆ !!
นี่เป็นข่าวร้ายของอดีตนายกพลัดถิ่นเพราะต่อจากนี้ยากที่จะใช้ประเทศใดเป็นฐานโฟนอิน –เคลื่อนไหวล้มล้างรัฐบาลอย่างที่เคยกระทำมา ถ้าจัดฮ่องกงไม่ได้ยังมีอีกตั้งหลายประเทศที่จัดได้เหล่าพี่น้องชินวัตรรวย ๆ ทั้งนั้นควักกระเป๋าบินไปประชุมที่อาฟริกากลางกันสักยกขนหน้าแข้งคงยังอยู่ครบ หรือถ้าจะเช่าเหมาลำแอร์บัสสักลำบินเหนือน่านฟ้าสากลเพื่อจัดประชุมผู้สนับสนุนให้มันสะใจไปเลย
จัดประชุมพบส.ส.ไม่ยากหรอก แต่ที่ยากกว่ากลับเป็นพื้นที่เคลื่อนไหวของทักษิณ ชินวัตรที่ตีบตันลงเรื่อย ๆ ไม่มีประเทศประชาธิปไตยไหนหรอกอยากให้ประเทศตัวเองเป็นฐานให้นักการเมืองต้องคดีใช้เคลื่อนไหวล้มล้างรัฐบาลที่มีความสัมพันธ์กัน
ยิ่งนายใหญ่มีทางเดินน้อยลงเท่าไร เกมการเมืองในประเทศจะยิ่งเข้มข้น
ยิ่งใกล้จนตรอก การเมืองในประเทศจะยิ่งดุขึ้น !
หลังจากที่พรรคเพื่อไทยเลือกหัวหน้าพรรคเพื่อดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาแล้ว ก็จะเข้าสู่บรรยากาศการเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างเต็มตัว
กฎหมายบอกว่าทันทีที่ยื่นญัตติห้ามมิให้รัฐบาลยุบสภาหนีคงมีแต่ต้องเตรียมข้อมูลเพื่อชี้แจงเท่านั้น และหากเป็นญัตติไม่ไว้วางใจทั้งคณะหรือนายกรัฐมนตรี ก็ต้องเสนอชื่อว่าที่นายกรัฐมนตรีที่จะมาแทนด้วย
และชื่อของ เฉลิม อยู่บำรุง ก็จะผุดขึ้นมาเพราะเจ้าตัวประกาศเองว่าพร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป เกมที่เฉลิม อยู่บำรุงเลือกเล่นระหว่างนี้คือการโหมสร้างราคาและความคาดหวังว่าเขาจะมีไม้เด็ดที่เป็นไม้ตายล้มรัฐบาล ... ถ้าพรรคเพื่อไทยปฏิเสธเขาก็อาจจะไม่ได้เห็นไม้เด็ดดังกล่าว
เกมการเมืองในสภา จะมีน้ำหนักมากขึ้นขณะที่การเมืองบนท้องถนนจะสอดประสานควบคู่กันไป
เดิมพันยิ่งสูงการเมืองดูจะยิ่งเลอะเทอะ การเมืองในระบบกับการบนถนนแทบจะแยกกันไม่ออก..ใครเป็นอันธพาล ใครเป็นผู้ทรงเกียรติ
แต่นั่นแหละครับ ! จะชั่วดีถี่ห่างสังคมไทยก็ยังจำต้องฝากความหวังไว้กับการเมืองในระบบรัฐสภา ต้องปล่อยให้บรรดานักการเมืองได้ทำหน้าที่ของตนของทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล แม้ก่อนหน้านี้บรรดา ฯพณฯ ผู้มีเกียรติจะเผลอแสดงธาตุแท้ออกอาการถ่อยเถื่อนใกล้เป็นสภาไต้หวันก็ตาม แต่สังคมนี้ยังจำเป็นต้องช่วยกันประคับประคองให้การเมืองในระบบเดินหน้า ควบคู่พร้อมกันไปกับการเมืองภาคพลเมืองประชาธิปไตยไทยจึงจะเดินหน้าไปได้
ระบบรัฐสภาบ้านเราในทุกวันนี้เหมือนใกล้ชิดประชาชน แต่เนื้อแท้แล้วยังห่างไกลกันมาก
ใกล้ตา - ไกลใจ !!
เราจัดให้มีการถ่ายทอดสดการประชุมสภา หากไม่ใช่นัดสำคัญที่ฟรีทีวี.ถ่ายทอด ก็ยังมีวิทยุและทีวีรัฐสภาผ่านอินเตอร์เน็ตให้คนต่างจังหวัดเข้าถึง มีการรายงานข่าวการเคลื่อนไหวอย่างถี่ยิบในการประชุมสำคัญแต่ละครั้ง
การถ่ายทอดสดและการเปิดเผยวาระการประชุมสภา เป็นหลักการสำคัญของการเมืองแบบระบบตัวแทน เป็นการแสดงออกซึ่งความรับผิดชอบต่อประชาชนเจ้าของอำนาจ นี่เป็นหลักการพื้นฐานที่นานาอารยะประเทศเขากำหนดเป็นเรื่องพื้นฐานเลยว่าการประชุมสภาเปิดออกให้ประชาชนเข้าถึง อย่างที่อเมริกาไม่ใช่ระดับ มลรัฐ หรือเคาท์ตี้เท่านั้น แม้แต่สภาเมืองระดับ Small Town ซึ่งเป็นการปกครองระดับล่างสุดก็ยังต้องถ่ายทอดสด หรือเปิดให้ประชาชนเข้าถึง
การแสดงความรับผิดชอบพื้นฐานดังกล่าว คือการเปิดให้ประชาชนรู้-เห็นได้สัมผัสกับตาว่าตัวแทนที่เข้าไปทำหน้าที่นั้นดี-ชั่ว-ฉลาด-โง่-สุภาพ-สถุล-ถ่อยแค่ไหน เพื่อจะได้ให้สังคมทั้งสังคมตรวจสอบถ่วงดุลการทำงานของนักการเมืองที่เป็นตัวแทนพร้อมกันไป
แต่สภาไทยเป็นสภาที่ไม่เหมือนกับอารยะประเทศ เพราะนักการเมืองจำนวนหนึ่ง (ที่มากพอสมควร) ไม่รู้สึกว่าการทำหน้าที่ในสภาคือการแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจ ไอ้คนพวกนี้เข้าใจว่าการแสดงพยายามประท้วง ก่อกวน หรือการเสนอนับองค์ประชุมวันละสามเวลาเป็นความเหนือชั้นด้วยการเทคนิคกฎหมายข้อบังคับ และการใช้เวลาการประชุมเหน็บแนมด้วยวาทะเพื่อจะเอาความสะใจเป็นชัยชนะ
ไอ้พวกนักการเมืองที่ใช้เวลาของสภาเป็นชั่วโมงเพื่อจะเอาชนะกันในประเด็นบ้า ๆ บอ ๆ แค่ใครหลอกด่าอีกฝ่ายแล้วไม่ต้องถอนคำพูดถือเป็นชัยชนะ
สังคมต้องทำใจว่าในสภายังมีนักการเมืองแบบนี้ให้เห็นและต้องทำใจว่า เหล่า ฯพณฯ ใส่สูทจำพวกนี้เป็นเสมือนโคลนคอยฉุดรั้งไม่ให้ประชาธิปไตยเดินหน้า มีแต่พลังทางสังคมเท่านั้นที่จะช่วยได้โดยการกำหราบปฏิเสธการกระทำไม่เข้าท่าของนักการเมืองทั้งหลาย เป็นพลังประคับประคองให้การเมืองในระบบเดินหน้าต่อในทิศทางที่ถูกต้อง
ตอนที่สภาล่ม องค์ประชุมไม่ครบวิปฝ่ายรัฐบาลออกมาขู่ว่าจะนำชื่อคนโดดประชุมออกมาประจาน ดูเผิน ๆ เหมือนรับผิดชอบกับสังคม แต่แท้จริงไม่ใช่เลย เพราะหลักการพื้นฐานการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมรัฐสภาต้องเปิดเผยข้อมูลการประชุม ใครขาด ใครโดด ออกมาให้เป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่พอสภาล่มทีก็ออกมาขู่เปิดเผยทีหนึ่ง – วิปฝ่ายรัฐบาลพวกคุณยังไม่เข้าใจการเมืองใหม่ และยังล้าหลังประชาชน
ฝ่ายค้าน ออกมาประกาศว่าไล่เช็คตั๋วโดยสารเครื่องบินดูว่าใครโดดประชุมสภาบ้าง และใครเสียบบัตรแทนกัน ก็ต้องขอบคุณฝ่ายค้านที่เพิ่งรู้ว่านี่เป็นหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาที่ต้องเข้าประชุม ดังนั้นฝ่ายค้านเองต้องเป็นฝ่ายเปิดเผยให้ประชาชนรู้ด้วยว่า สมาชิกฝ่ายค้านคนไหนที่ขาดประชุม โดดประชุม ด้วยบ้างเพราะเท่าที่สังเกตส.ส.ฝ่ายค้านก็ตัวดีโดดประชุมเหมือนกัน
พวกคุณเอาเรื่ององค์ประชุมไม่ครบมาเล่นเพียงเพื่อเอาชนะอีกฝ่าย ไม่ได้ตั้งใจตรวจสอบโดยความรู้สึกที่แท้จริงว่าการขาดการปฏิบัติหน้าที่ในสภาถือเป็นการไม่รับผิดชอบต่อประชาชาชน และต่อเงินเดือนหลักแสน
จึงมีแต่พลังทางสังคมทั้งประชาชนและสื่อเท่านั้นที่จะกดดันให้พวกเขารู้ว่าไอ้ที่พวกเขาเล่นกันอยู่นั้นเลอะเทอะ ไม่เข้าท่า ไม่สมกับเป็น ฯพณฯ ตัวแทนประชาชนเอาเสียเลย
การเมืองในสภารอบนี้ตลอดกุมภาพันธ์-มีนาคมมีแนวโน้มจะดุเดือดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ยิ่งเดิมพันสูงการกัดกันและเดินเกมแบบถ่อย ๆ ยิ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
จึงมีแต่พวกเราประชาชนพลเมืองเท่านั้นที่จะแสดงให้พวกเขารับรู้ว่าสังคมไทยไม่เอา ฯพณฯ สถุล ถ่อยเรารับได้เฉพาะนักการเมืองที่เคารพและแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชนจริง ๆ เท่านั้น
นักการเมืองไทยล้าหลังประชาชนไปหลายก้าวแล้วจริง ๆ !!