ผมเขียนในเว็บพระบาทวันนี้ด้วยหัวใจหดหู่อย่างบอกไม่ถูกว่าเศร้าอย่างยิ่งกับจิตใจของสัตว์นรกที่ช่างอำมหิตเหมือนว่ามันผุดเกิดจากนรก คนพวกนี้ฆ่าคนไทยด้วยกัน ทั้งๆ ที่ก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข แค่คิดไม่เหมือนกัน คนตายมีลูกมีเมียหาเลี้ยงครอบครัวเหมือนสัตว์ตัวนั้นเช่นมันตัวนั้น
ครับผมหมายถึงเหตุการณ์สลดที่มันซึ่งขี้ขลาดตาขาว ยิงเอ็ม 79 เข้าไปในทำเนียบยามวิกาลที่มีชาวพันธมิตรชุมนุมโดยสงบอยู่ข้างใน แน่นอนว่าระเบิดที่ยิงต้องสร้างความเสียหายแน่ เพราะมันห่างไปจากเวทีแค่ 10 กว่าเมตร เกิดผลทันทีที่คนบาดเจ็บระนาวอย่างน้อยก็ 20 กว่าราย ผู้สาหัส 2-3 ราย และไปเสียชีวิตขณะไปโรงพยาบาลถึงหนึ่งราย
ผู้เสียชีวิตคือคุณเจนกิจ กลัดสาคร โดยระเบิดที่คอ และหัวใจหยุดเต้น แม้ว่าหมอจะได้ช่วยโดยปั๊มหัวใจแล้ว แต่บาดแผลลึกเกินไปและทนไม่ไหวจริงๆ ผู้บาดเจ็บกว่า 20 คนนั้นถูกลำเลียงไปตามโรงพยาบาลที่ใกล้เคียงทั้งวชิระ, พระมงกุฎ, ร.พ.จุฬา และ ร.พ.กลางด้วย
คุณนพพร สุขราม ช่างภาพของ ASTV. นั้น ได้รับบาดเจ็บด้วยครับ
พันธมิตรฯ ได้ประชุมด่วน และหาทางป้องกันเหตุร้ายต่อไป รวมทั้งเรียกร้องให้รีบหาตัวคนร้ายขี้ขลาดตาขาวสัตว์นรกตัวนั้นมาลงโทษชดใช้หนี้เลือดที่ก่อไว้เสียโดยเร็ว
อนาถใจที่สุดก็ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ ที่บอกอย่างหน้าด้านๆ ว่าได้ดูแลอย่างเต็มที่แล้ว นี่แหละดูจนมีคนตาย มันทำได้แค่นี้หรือ แทนที่จะกันบริเวณรอบๆ ใกล้เคียงให้ปลอดจากคนร้ายไว้ก่อน
ตำรวจไทยไร้สำนึก โง่และไร้สมองแบบนี้ ยังอย่างด้านและหนา มาบอกว่าดูแลเต็มที่อีก
และไอ้ด่านที่ตั้งนั้น มันก็เคยตั้งไว้รีดไถไม่ได้มีวัตถุประสงค์จะตรวจอะไรจริงจัง แทนที่จะกันพื้นที่รอบๆ ไว้ รู้ทั้งรู้ว่าเวลาคนจะขว้างหรือยิงระเบิดนั้น พวกนรกสัตว์กะหมาเหล่านี้มันต้องการระยะเท่าไร ก็กันมันซีวะ
ปากหมาตามเคยครับ
ไม่ใช่ใครที่ไหนก็เสธ.แดงหรือ พล.ต.ขัตติยะ เป็นถึงผู้ทรงคุณวุฒิแท้ๆ พิลึกคน ออกมาพูดว่าระเบิดยิงได้ทุกวัน และถ้าพันธมิตรระดมคนครั้งใหญ่ระวังจะตายกันเป็นเบือ
ฟังพูดเข้า เหมือนกับเป็นคนลงมือเสียเองงั้นแหละ
คุณสนธิ นั้นได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 24/2551 ว่าจะระดมคนครั้งใหญ่ในวันที่ 23 พ.ย.ศก นี้ครับ
และชี้ว่าเท่าที่มีเหตุการณ์ใช้อาวุธสงครามเช่นระเบิดกับผู้มาชุมนุมนั้นสะท้อนให้เห็นว่าจะต้องเป็นฝ่ายรัฐบาลเท่านั้น และต้องมีเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ว่านอกหรือในราชการที่รู้เห็นและเป็นใจที่ยิงอาวุธสงครามเข้ามาเข่นฆ่าประชาชน
คนธรรมดาที่ไหนจะมีอาวุธสงครามล่ะ
พันธมิตรฯ นั้นมีแต่ชุมนุมโดยสงบ และตรวจสอบรัฐบาลตามสิทธิที่กำหนด และมีอยู่ในรัฐธรรมนูญทำไปเพื่อปกป้องชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้ว แต่มิวายยังโดนรบกวน รังควาญ ลอบกัดและทำร้ายจนเสียชีวิตไปหลายคนแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นไปอย่างจงใจมิพักต้องสงสัยแม้แต่น้อย
และไม่ได้รับความสนใจที่จะคุ้มครองป้องกันหรือมีมาตรการใดๆ ที่จะทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เกิดความปลอดภัย
กลับเป็นที่ชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง น่ามีส่วนรู้เห็นไม่ก็เป็นใจเสียเอง สร้างความเสียหายจนถึงแก่ชีวิตและทรัพย์สินแก่พันธมิตร ดังเห็นได้จากการทำร้ายซึ่งหน้าจนมีคนตายและขาขาดไป 2-3 ราย แล้ว เมื่อไม่นานมานี้
นี่เป็นเรื่องสลดใจเรื่องแรก
อีกเรื่องหนึ่ง ก็คือถึงคราวที่ผู้จัดการต้องโบกมืออำลาเพราะว่าเรายืนหยัดอยู่ไม่ได้ หลังจากที่ได้ก่อตั้งมาตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน ปี 2533 และผู้จัดการทำหน้าที่สื่อมวลชนอย่างกล้าหาญที่จะเปิดเผยข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา โดยเราเลือกยืนอยู่ฝ่ายที่เป็นธรรมและท้าทายกับอธรรม จนโค่นรัฐบาลที่ฉ้อฉลมาก็หลายรัฐบาล
ร่วม 18 ปีกว่า ๆ เราไม่สยบหรือขายตัวให้อำนาจรัฐที่ชั่วช้า ไม่ขายจิตวิญญาณ และไม่เคยทรยศต่อประชาชน รวมทั้งไม่ตกเป็นทาสของนายทุน
เหตุนี้เราจึงโดนคุกคามจากอำนาจรัฐและอำนาจทุน
ปี 2547 ฐานะและผลประกอบการเราดีขึ้นจนสามารถแปลงหนี้บางส่วนเป็นทุนได้ และเตรียมมีเงื่อนไขให้มีการเพิ่มทุน 2,000 ล้านบาทภายใน 2 ปี
แต่กลุ่มคนในระบอบทักษิณใช้อิทธิพลและอำนาจชั่วคุกคามรวมทั้งกลั่นแกล้งโดยข่มขู่ และดำเนินการคุกคามไปจนกระทั่งบีบให้ผู้ที่ได้มาร่วมเพิ่มทุนให้ถอนตัวออกไป ทำให้เราไม่สามารถเพิ่มทุนกันตามแผนฟื้นฟูกิจการได้เลย
นี่แหละคือผลของการกระทำของระบอบทักษิณ
แต่ผู้จัดการยังคงออกตามปกติภายใต้ชื่อ ASTV ผู้จัดการรายวันในสถานการณ์สงครามครั้งสุดท้ายที่ยังยืดเยื้อแม้ชัยชนะจะเห็นอยู่แค่เอื้อมก็ตาม
ครับผมหมายถึงเหตุการณ์สลดที่มันซึ่งขี้ขลาดตาขาว ยิงเอ็ม 79 เข้าไปในทำเนียบยามวิกาลที่มีชาวพันธมิตรชุมนุมโดยสงบอยู่ข้างใน แน่นอนว่าระเบิดที่ยิงต้องสร้างความเสียหายแน่ เพราะมันห่างไปจากเวทีแค่ 10 กว่าเมตร เกิดผลทันทีที่คนบาดเจ็บระนาวอย่างน้อยก็ 20 กว่าราย ผู้สาหัส 2-3 ราย และไปเสียชีวิตขณะไปโรงพยาบาลถึงหนึ่งราย
ผู้เสียชีวิตคือคุณเจนกิจ กลัดสาคร โดยระเบิดที่คอ และหัวใจหยุดเต้น แม้ว่าหมอจะได้ช่วยโดยปั๊มหัวใจแล้ว แต่บาดแผลลึกเกินไปและทนไม่ไหวจริงๆ ผู้บาดเจ็บกว่า 20 คนนั้นถูกลำเลียงไปตามโรงพยาบาลที่ใกล้เคียงทั้งวชิระ, พระมงกุฎ, ร.พ.จุฬา และ ร.พ.กลางด้วย
คุณนพพร สุขราม ช่างภาพของ ASTV. นั้น ได้รับบาดเจ็บด้วยครับ
พันธมิตรฯ ได้ประชุมด่วน และหาทางป้องกันเหตุร้ายต่อไป รวมทั้งเรียกร้องให้รีบหาตัวคนร้ายขี้ขลาดตาขาวสัตว์นรกตัวนั้นมาลงโทษชดใช้หนี้เลือดที่ก่อไว้เสียโดยเร็ว
อนาถใจที่สุดก็ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ ที่บอกอย่างหน้าด้านๆ ว่าได้ดูแลอย่างเต็มที่แล้ว นี่แหละดูจนมีคนตาย มันทำได้แค่นี้หรือ แทนที่จะกันบริเวณรอบๆ ใกล้เคียงให้ปลอดจากคนร้ายไว้ก่อน
ตำรวจไทยไร้สำนึก โง่และไร้สมองแบบนี้ ยังอย่างด้านและหนา มาบอกว่าดูแลเต็มที่อีก
และไอ้ด่านที่ตั้งนั้น มันก็เคยตั้งไว้รีดไถไม่ได้มีวัตถุประสงค์จะตรวจอะไรจริงจัง แทนที่จะกันพื้นที่รอบๆ ไว้ รู้ทั้งรู้ว่าเวลาคนจะขว้างหรือยิงระเบิดนั้น พวกนรกสัตว์กะหมาเหล่านี้มันต้องการระยะเท่าไร ก็กันมันซีวะ
ปากหมาตามเคยครับ
ไม่ใช่ใครที่ไหนก็เสธ.แดงหรือ พล.ต.ขัตติยะ เป็นถึงผู้ทรงคุณวุฒิแท้ๆ พิลึกคน ออกมาพูดว่าระเบิดยิงได้ทุกวัน และถ้าพันธมิตรระดมคนครั้งใหญ่ระวังจะตายกันเป็นเบือ
ฟังพูดเข้า เหมือนกับเป็นคนลงมือเสียเองงั้นแหละ
คุณสนธิ นั้นได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 24/2551 ว่าจะระดมคนครั้งใหญ่ในวันที่ 23 พ.ย.ศก นี้ครับ
และชี้ว่าเท่าที่มีเหตุการณ์ใช้อาวุธสงครามเช่นระเบิดกับผู้มาชุมนุมนั้นสะท้อนให้เห็นว่าจะต้องเป็นฝ่ายรัฐบาลเท่านั้น และต้องมีเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ว่านอกหรือในราชการที่รู้เห็นและเป็นใจที่ยิงอาวุธสงครามเข้ามาเข่นฆ่าประชาชน
คนธรรมดาที่ไหนจะมีอาวุธสงครามล่ะ
พันธมิตรฯ นั้นมีแต่ชุมนุมโดยสงบ และตรวจสอบรัฐบาลตามสิทธิที่กำหนด และมีอยู่ในรัฐธรรมนูญทำไปเพื่อปกป้องชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้ว แต่มิวายยังโดนรบกวน รังควาญ ลอบกัดและทำร้ายจนเสียชีวิตไปหลายคนแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นไปอย่างจงใจมิพักต้องสงสัยแม้แต่น้อย
และไม่ได้รับความสนใจที่จะคุ้มครองป้องกันหรือมีมาตรการใดๆ ที่จะทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เกิดความปลอดภัย
กลับเป็นที่ชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง น่ามีส่วนรู้เห็นไม่ก็เป็นใจเสียเอง สร้างความเสียหายจนถึงแก่ชีวิตและทรัพย์สินแก่พันธมิตร ดังเห็นได้จากการทำร้ายซึ่งหน้าจนมีคนตายและขาขาดไป 2-3 ราย แล้ว เมื่อไม่นานมานี้
นี่เป็นเรื่องสลดใจเรื่องแรก
อีกเรื่องหนึ่ง ก็คือถึงคราวที่ผู้จัดการต้องโบกมืออำลาเพราะว่าเรายืนหยัดอยู่ไม่ได้ หลังจากที่ได้ก่อตั้งมาตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน ปี 2533 และผู้จัดการทำหน้าที่สื่อมวลชนอย่างกล้าหาญที่จะเปิดเผยข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา โดยเราเลือกยืนอยู่ฝ่ายที่เป็นธรรมและท้าทายกับอธรรม จนโค่นรัฐบาลที่ฉ้อฉลมาก็หลายรัฐบาล
ร่วม 18 ปีกว่า ๆ เราไม่สยบหรือขายตัวให้อำนาจรัฐที่ชั่วช้า ไม่ขายจิตวิญญาณ และไม่เคยทรยศต่อประชาชน รวมทั้งไม่ตกเป็นทาสของนายทุน
เหตุนี้เราจึงโดนคุกคามจากอำนาจรัฐและอำนาจทุน
ปี 2547 ฐานะและผลประกอบการเราดีขึ้นจนสามารถแปลงหนี้บางส่วนเป็นทุนได้ และเตรียมมีเงื่อนไขให้มีการเพิ่มทุน 2,000 ล้านบาทภายใน 2 ปี
แต่กลุ่มคนในระบอบทักษิณใช้อิทธิพลและอำนาจชั่วคุกคามรวมทั้งกลั่นแกล้งโดยข่มขู่ และดำเนินการคุกคามไปจนกระทั่งบีบให้ผู้ที่ได้มาร่วมเพิ่มทุนให้ถอนตัวออกไป ทำให้เราไม่สามารถเพิ่มทุนกันตามแผนฟื้นฟูกิจการได้เลย
นี่แหละคือผลของการกระทำของระบอบทักษิณ
แต่ผู้จัดการยังคงออกตามปกติภายใต้ชื่อ ASTV ผู้จัดการรายวันในสถานการณ์สงครามครั้งสุดท้ายที่ยังยืดเยื้อแม้ชัยชนะจะเห็นอยู่แค่เอื้อมก็ตาม