xs
xsm
sm
md
lg

‘แพ้ก็ยกประเทศให้เขาไปเลย’

เผยแพร่:   โดย: บัณรส บัวคลี่

ประโยคที่คุ้นหูบนเวทีพันธมิตรที่ว่า ‘ถ้าแพ้ก็ยกประเทศให้เขาไปเลย’ นั้นไม่ใช่เป็นคำกล่าวเอามันเพื่อปลุกปลอบหรือเพื่อประชดประชันเพียงอย่างเดียว

แต่ยังแฝงด้วยความเป็นจริงที่เจ็บปวดอย่างยิ่งด้วย !

กำหนดนัดระดมพลังรอบสุดท้าย 23 พฤศจิกายนนี้เป็นครั้งสุดท้ายจริง ๆ เพราะการจัดชุมนุมทางการเมืองขนาดใหญ่แบบปักหลักพักค้างไม่ได้ทำกันง่าย ๆ ถึงแม้จะมีเงินมหาศาลก็ตามเพราะต้องถึงพร้อมด้วยเงื่อนไขเหมาะสมหลายประการ

การชุมนุมมาราธอนกว่า 6 เดือนของพันธมิตรกำลังจะปิดฉากกลายเป็นประวัติศาสตร์ และจะเป็นสถิติโลกที่ยืนยงยาวนานไปอีกนับร้อยร้อยปี

จากเรื่องจริงเป็นประวัติศาสตร์..จากประวัติศาสตร์เป็นตำนาน !!

งานเลี้ยงมีวันเลิก การชุมนุมมีสิ้นสุด น่าระทึกอย่างยิ่งว่าบทจบจะออกมาเช่นไร ?

ตอนที่แกนนำแถลงข่าวถึงการรบครั้งสุดท้ายที่บ้านพระอาทิตย์เมื่อเที่ยง 20 พฤศจิกายน มีคำพูดและวลีหลายคำที่สมควรนำมาขยายความต่อโดยเฉพาะของคุณพิภพ ธงไชย ที่พูดถึงความรุนแรงในสังคมได้ลึกซึ้งมาก .. แต่ที่ประทับใจกว่ากลับเป็นสีหน้าแววตาของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง

6 เดือนที่ผ่านมาลุงจำลองของหลาน ๆ ส่งประกายตายิ้ม สงบ เป็นมิตรพร้อมถ้อยคำที่สุภาพอยู่ตลอดมาจนลืมไปเลยว่าชายวัย 73 คนนี้คือนายทหารที่ผ่านสมรภูมิมาแล้วอย่างโชกโชน

นัยน์ตาของ พล.ต.จำลอง หลังข่าวการสูญเสียพันธมิตรเจนกิจผู้บริสุทธิ์สองมือเปล่าที่ตกเหยื่อการสังหารด้วยวิธีการลอบกัดทำให้ต้องตัดสินใจประกาศศึกครั้งสุดท้าย..เป็นแววตาของนักรบตัวจริง

‘รอบนี้ม้วนเดียวจบ...ขอให้พี่น้องออกมามากที่สุด ถ้ามากจะชนะแน่นอน ถ้าไม่มากพอก็กลับบ้านใครบ้านมัน’

เป้าหมายของคำว่าชนะคือสามารถหยุดการใช้อำนาจของรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ สำเร็จ

ตรงกันข้าม-ถ้าหยุดไม่สำเร็จหมายถึงแพ้...ทำให้นึกถึงคำประชดประชันที่คุ้นหู ‘ถ้าแพ้ก็ยกประเทศให้เขาไปเลย’ ขึ้นมาทันที

การระดมพลังเคลื่อนพลครั้งสุดท้าย 23 พฤศจิกายนที่อาจจะกินเวลาต่อเนื่องอีก 2-3 วันเป็นห้วงเวลาสำคัญที่กำหนดโฉมหน้าการเมืองไทยในอนาคตอย่างแท้จริงว่าจะยกระดับให้เป็นสังคมประชาธิปไตยอารยะหรือจะถอยหลังกลับไปสู่ยุคก่อน 14 ตุลา

หลักการพื้นฐานของประชาธิปไตยมีหลายประการไม่เฉพาะแค่การเลือกตั้งเท่านั้น..หลักการดังกล่าวต้องปลูกฝังและสั่งสมมาทีละขั้นตอน เปรียบเสมือนตอกเสาเข็ม

หลักการเรื่องสิทธิเสรีภาพ หลักการเรื่องสิทธิมนุษยชน หลักการเรื่องธรรมาภิบาล หลักการเรื่องจริยธรรมและความรับผิดชอบทางการเมือง หลักการนิติรัฐ หลักตรวจสอบและถ่วงดุล หลักการมีส่วนร่วมและเหนี่ยวรั้งการใช้อำนาจ ฯลฯ หาได้จู่ ๆ ลอยลงมาจากตำราตะวันตกแล้วสถาปนาขึ้นมาในสังคมได้นะครับ

กว่าจะมีถึงขั้นนี้นองเลือดมาแล้วหลายหน

สมมติถ้าพันธมิตรแพ้ กลับบ้านใครบ้านมัน

ผลพวงที่เกิดอย่างแน่นอนคือการทยอยถอนเสาเข็มประชาธิปไตยหลักสำคัญ ๆ ออกไป


หลักว่าด้วยสิทธิเสรีภาพ – สังคมไทยต่อจากนี้จะไม่สามารถใช้สันติวิธีต่อการแสดงความเห็นต่างได้ต่อไป สังคมประชาธิปไตยนั้นเห็นต่างได้และก็โต้ด้วยวาจากันได้ แต่สังคมแบบใหม่เราอาจจะเห็นการยกพวกไปตีไปทำร้ายผู้ที่แสดงความเห็นต่างอย่างเปิดเผย

ส่วนพวกที่ประกาศว่าเป็นกลางหรือพวกนักวิชาการงักปุกคุ้งก็คือพวกที่สนับสนุนการถอนรากถอนโคนหลักการดังกล่าวโดยที่ตัวเองอาจจะไม่ (มีสมอง) ฉุกคิด ... โดยการแสดงการยอมรับโดยดีว่าหากมีใครกดดันประกาศจะพวกยกมาตีกลุ่มผู้ที่จะแสดงออกทางความเห็นต่างกับรัฐบาล..ก็ต้องไม่ไปข้องแวะ

เหมือนกับที่ผู้บริหารม.ช.บอกปฏิเสธไม่ให้พันธมิตรจัดเวทีเสวนาแบบปิดเพราะกลัวอีกฝ่ายไปไล่ทุบ โดยบอกว่านี่เป็นความถูกต้องนั่นแหละ

ต่อจากนี้ไปสังคมไทยจะไม่มีพื้นที่ให้ความเห็นต่างอีกต่อไป ด้วยพลังอันธพาลเสื้อแดงและแรงสนับสนุนของพวกเสื้อขาวงักปุกคุ้ง

สองแรงแข็งขันช่วยกันลากให้สังคมไทยลงนรกไว ๆ

เสาเข็มประชาธิปไตยต้นต่อไปที่จะถูกถอนคือธรรมาภิบาล-พลังทางศีลธรรมของสังคมไทยจะถูกไล่ขยี้ , เอาแค่โพลที่คนเชื่อว่าโกงไม่เป็นไรขอให้ทำงานเป็นสัญญาณที่น่าตระหนกมากของคนที่มีลูกหลาน

ต่อไปลูกหลานของเราจะต้องถูกบังคับให้อยู่ในสังคมแบบนี้จริง ๆ หรือ !!?

สังคมที่ปราศจากยางอาย ไม่มีความเกรงกลัวและละอายต่อบาป

ให้ลบคำว่า หิริโอตตัปปะ ธรรมะคุ้มครองโลกออกจากพจนานุกรมได้เลยเพราะสังคมไทยเห็นว่า การโกง การทุจริต การมีผลประโยชน์ทับซ้อนเป็นเรื่องยอมรับได้

ไหน ๆ จะแก้รัฐธรรมนูญแล้ว เขียนมาตราใหม่ไปเลยว่า ‘การเมืองคือช่องทางหากินงบประมาณแผ่นดินที่ถูกกฎหมาย’ !

เสาเข็มต้นใหญ่, หลักตรวจสอบถ่วงดุล ถูกทำลายพังทลายระหว่าง 2544-2549 จนประชาธิปไตยเดินหน้าไม่ได้ แม้เวลานี้มีพยายามสร้างขึ้นใหม่แต่ไม่แข็งแรงนักก็อย่าหวังว่าจะอยู่ต่อได้ ระบบตรวจสอบถ่วงดุลระหว่างอำนาจทั้งสามรวมไปถึงองค์กรอิสระซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่เข้ามาในปี 2540 จะกลับไปสู่การพังทลายเหมือนกับที่เคยเกิด

ที่สำคัญประชาชนจำนวนมากที่หนุนอำนาจรัฐไม่สนใจว่ามันจะมีหรือไม่ ? เขาคิดว่าหลักการไม่สำคัญเท่าความพึงใจในตัวบุคคล

เสาเข็มหรือรากฐานที่กล่าว หมายถึงบรรทัดฐานหรือวัฒนธรรมประชาธิปไตยที่เราสร้าง เราสะสั่งสมของเรามาและเติบโตอย่างรวดเร็วหลังปี 2535 , สังคมประชาธิปไตยที่แท้หาได้มาจากตัวรัฐธรรมนูญอย่างเดียวหรอกครับ แต่ต้องมาจากรากฐานวัฒนธรรมประชาธิปไตยที่ปลูกฝังอยู่ในสังคม รากฐานดังกล่าวพังแน่ถ้ายังคงระบอบนักโกงเมืองหน้าหนาบ้าอำนาจแบบที่เป็นอยู่

ระหว่าง 23-26 พฤศจิกายน,บวกลบ, เป็นวันบ่งชี้ว่าสังคมเราจะเดินไปทางไหน

ยังไม่อยากมองโลกในแง่ดีเกินไป – กลัวผิดหวังมาก

นึกถึงน้องโบว์ สารวัตรจ๊าบ คุณเจนกิจ และนึกถึงภาพลูกเล็กชาย-หญิงของคุณเจนกิจในทีวี.

นึกถึงเสียงใส ๆ ของลูกสาวตัวเองตอนที่เอ่ยขึ้นว่าโตขึ้นหนูอยากจะเป็นอะไร !

แล้วก็นึกถึงแววตานักรบของ พล.ต.จำลอง ตอนแถลงข่าว .. มามากม้วนเดียวจบ

‘ถ้ามาน้อย..เราแพ้ ก็กลับบ้านใครบ้านมัน’ !!!!
กำลังโหลดความคิดเห็น