การหย่าของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมาเป็นผลพวงจากการถูกยกเลิกวีซ่าเข้าประเทศอังกฤษโดยตรง, การหย่าเกิดหลังจากทราบข่าวร้ายเพียง 6 วันเท่านั้น โดยก่อนหน้านั้นเขาก็แสดงอาการปิดไม่มิดผ่านคำสัมภาษณ์รอยเตอร์
จะเป็นการหย่าการเมือง หย่าบังหน้า หย่าเพื่อสมบัติ หรือหย่าบนกระดาษ 'divorce on paper' อย่างที่ Ian MacKinnon ของเดอะการ์เดี้ยนรายงานก็ตาม แต่การหย่าที่เกิดขึ้นก็คือการถูกสถานการณ์บีบบังคับให้หาทางออกที่ดีที่สุดกับครอบครัว –จำต้องทำดีกว่าไม่ทำ !
การที่อังกฤษไม่ให้เข้าประเทศมีผลกระทบต่อแผนชีวิตของเขาอย่างใหญ่หลวง คนอย่างทักษิณเมื่อพลาดจากสิ่งหนึ่งจะต้องไขว่คว้าหาสิ่งที่ใหญ่กว่ามาชดเชย เมื่อไม่มีพื้นที่ในประเทศเขาก็ขวนขวายหาซื้อที่ยืนที่ใหญ่กว่าที่แมนซิตี้ ใช้เงินเพื่อยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศไปมากมายผ่านสื่อและเอเจนซี่ต่าง ๆ
อย่างที่บอกเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศผกผันมาล้อมตัวเอง แต่ดูเหมือนว่าเขายังจะรั้นสู้ต่อ ถึงกับลงประกาศหาผู้ร่วมงานในสื่อยักษ์ใหญ่ระดับโลกร่วม 10 คนด้วยค่าจ้างหลักล้านเพื่อเป็นทีมเข้าไปแก้ปัญหาความยากจนให้กับประเทศที่เอ่ยปากขอมา ยังดิ้นรนไปปรากฏตัวกลางสปอตไลท์หาซื้อการยอมรับจากสากลอยู่ต่อไป อย่างเช่นกำลังจะเดินทางไปรับเครื่องอิสริยาภรณ์ Order of Simon Bolivar ที่โบลิเวียกลางเดือนธันวาคมต่อ
ทุกอย่างมีค่าใช้จ่ายของมัน แม้กระทั่งความเป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์ของประเทศคาริบเบียนก็ต้องแลกมากับข้อตกลงเรื่องการลงทุนขั้นต่ำ พูดแบบไทย ๆ คือ BOI นั่นแหละ... โลกล้อมประเทศเลิกคิดได้แล้ว เหลือแต่ดิ้นรนหาพื้นที่การยอมรับให้มากขึ้น สลัดภาพอดีตผู้นำที่ถูกปฏิเสธกู้ศักดิ์ศรีให้ได้
พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เชื่อมั่นว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้นำโลกตั้งแต่การริเริ่มประชุม ACD ต่อด้วยเอเปค เขาเชื่อของเขาว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้นำเอเชียแถวหน้า เขาจึงตั้งราคาศักดิ์ศรีของเขาไว้แพงมาก...จึงได้ออกอาการอย่างชัดเจนหลังจากถูกอังกฤษปฏิเสธ
และนำมาสู่การไม่ยอมแพ้ด้วยการเดินหน้าหา (ซื้อ) ที่ยืนให้กับศักดิ์ศรีของตัวเองต่อ !!
หลายคนมองว่าไม่ยอมจำนน แต่ภาษาบ้านผมเรียกว่าจมไม่เป็น !
สิ่งที่ พ.ต.ท. ทักษิณ กำลังดำเนินการอยู่ บ่งบอกชัดเจนว่าเขากำลังตั้งลำเบนเข็มสู่เส้นทางการต่อสู้เต็มตัว
และเป็นการสู้ที่ไม่เหมือนกับปี 2549 ที่หวังทวงอำนาจ (และเงินที่ถูกอายัด) คืนเท่านั้น
แต่รอบนี้นอกจากอำนาจทรัพย์สินเงินทองแล้ว ยังต้องทวงอิสรภาพ และศักดิ์ศรีของเขาคืนด้วย
มองข่าวสารย้อนหลังนับจาก 19 กันยายน 2549 ครอบครัวชินวัตรออกข่าวต่อสาธารณชนเป็นระยะว่า ทักษิณวางมือแล้ว ๆ ๆ ไม่มีคนไม่เชื่อคำพูดทักษิณก็จริงอยู่ เพราะคน ๆ นี้พูดไม่ตรงกับความจริงอยู่บ่อย ๆ แต่สำหรับคำพูดของลูกนั้นน่าเชื่อพอสมควร อย่างโอ๊ค-พานทองแท้ ที่พยายามบอกว่าพ่อวางมือแล้วนั้นน่าเชื่อกว่า หมายถึงว่า ภายในครอบครัวชินวัตรพยายามจะจูงใจให้ทักษิณเลิกความพยายามกลับสู่อำนาจทางการเมือง มองแบบเป็นธรรมทักษิณเองคงจะไม่โกหกทุกคำพูดหรอกที่บอกว่าผมวางมือ แต่คงอยู่ในช่วงละล้าละลัง เบื่อๆอยาก ๆ ตัดสินใจไม่ได้
จนที่สุดเมื่อเหตุการณ์เดินมาถึงวันนี้ ความพยายามที่ครอบครัวที่ต้องการให้ทักษิณหยุดไม่เป็นผลอีกต่อไป - เขาตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว คำให้สัมภาษณ์รอยเตอร์ซึ่งเป็นช่วงที่เขากำลังผิดหวังรุนแรงทำให้แสดงสิ่งที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของจิตใจแบบไม่ปิดบัง
ทักษิณวันนี้ เต็มไปด้วยไฟ !!!
ทำให้นึกถึงสามก๊กตอนเล่าปี่ทราบข่าวกวนอูถูกตัดหัว เล่าปี่โกรธกังตั๋งมาก แรงโกรธบวกเป็นสองเท่าเพราะเตียวหุยคนเจ้าอารมณ์ขนาดที่ขงเบ้งไม่สามารถทัดทานได้
เล่าปี่ยกทัพหลายร้อยหมื่นจากเสฉวนมาด้วยแรงพยาบาท ที่สุดกองทัพเกรียงไกรก็ถูกเผาพินาศไป ถือเป็นช่วงหักเหสำคัญของประวัติศาสตร์การเมืองสามก๊ก
แท้จริงแล้วทัพเล่าปี่พินาศเพราะเพลิงในใจของเล่าปี่มาตั้งแต่เริ่มเดินทัพจากเสฉวน หาใช่เพลิงของกังตั๋งไม่ !!!
ลึก ๆ ก็อยากให้ทักษิณเป็นเหมือนเล่าปี่ตอนนั้นเพราะเรื่องได้จบ ๆ เสียที .. แต่ทักษิณก็คงไม่เหมือนเล่าปี่เสียทีเดียว ยังคงต้องให้ความใส่ใจกับขบวนทัพเสื้อแดงภายใต้เพลิงโกรธทักษิณอยู่พอสมควร
ทักษิณยังพยายามเดินหน้าสู้ หาพื้นที่ยืนในเวทีโลก แทนที่จะเป็นที่ยืนธรรมดาของคนปกติ เขายังไขว่คว้าหาการยอมรับในนามของนักการเมืองโลก พระเอกผู้อาสาแก้ความยากจนอยู่ต่อไป
ทักษิณ ยังพยายามทวงคืนอำนาจ ทรัพย์สิน และที่สำคัญเหนือกว่านั้นศึกครั้งนี้เขายังมีเป้าหมายทวงคืนอิสรภาพ ศักดิ์ศรี และยังแถมพ่วงด้วยการประกาศแก้แค้น
นี่ไม่ใช่การต่อสู้เพื่อชิงอำนาจทางการเมืองนะครับ แต่เป็นการแก้แค้น !
ไม่ได้เอามาจากไหนหรอก..ทักษิณบอกไว้อย่างนั้นด้วยตัวเขาเอง... เขาประกาศให้ชาวโลกรู้ล่วงหน้าผ่านรอยเตอร์ และก็น่าเชื่อตามนั้นเพราะนอกจากจะพูดออกมาจากจิตใต้สำนึกแล้ว อุปนิสัยส่วนตัวที่รับรู้กันมาหลายปีก่อนหน้ายืนยันชัดเจนว่าคน ๆ นี้เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น
ท่านเจ้าคุณพระพยอม กัลยาโณ ท่านคงไม่มีเวลามาอ่านบทความชิ้นนี้หรอก ผมเข้าใจท่าน..บรรพชิตอยู่เหนือความขัดแย้ง เปิดวัดให้คนเข้ามาพูด เข้ามาหาทางออก ท่านก็ยังบอกว่าจะเปิดให้อีกฝ่ายด้วย..จึงได้แต่นมัสการมาด้วยความประหวั่นใจ
โฟกัสการเมืองนับจากนี้จะอยู่วัดสวนแก้วครับท่านเจ้าคุณ !
ในเมื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แสดงท่าทีชัดเจนถึงขนาดนี้แล้ว เวทีความจริงวันนี้ก็คือการเตรียมทัพเพื่อแก้แค้น ถึงขนาดเตรียมประกาศชื่อผู้ที่อยู่เบื้องหลังทำให้เขาประสบชะตากรรม ซึ่งคงไม่ใช่ ตาสี ตาสา ยายมี ยายแม้น หรอกนะครับ
นมัสการท่านเจ้าคุณอีกครั้ง ผมประหวั่นว่าท่านทำบุญได้บาปขึ้นมาก็รอบนี้แหละ !
จะเป็นการหย่าการเมือง หย่าบังหน้า หย่าเพื่อสมบัติ หรือหย่าบนกระดาษ 'divorce on paper' อย่างที่ Ian MacKinnon ของเดอะการ์เดี้ยนรายงานก็ตาม แต่การหย่าที่เกิดขึ้นก็คือการถูกสถานการณ์บีบบังคับให้หาทางออกที่ดีที่สุดกับครอบครัว –จำต้องทำดีกว่าไม่ทำ !
การที่อังกฤษไม่ให้เข้าประเทศมีผลกระทบต่อแผนชีวิตของเขาอย่างใหญ่หลวง คนอย่างทักษิณเมื่อพลาดจากสิ่งหนึ่งจะต้องไขว่คว้าหาสิ่งที่ใหญ่กว่ามาชดเชย เมื่อไม่มีพื้นที่ในประเทศเขาก็ขวนขวายหาซื้อที่ยืนที่ใหญ่กว่าที่แมนซิตี้ ใช้เงินเพื่อยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศไปมากมายผ่านสื่อและเอเจนซี่ต่าง ๆ
อย่างที่บอกเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศผกผันมาล้อมตัวเอง แต่ดูเหมือนว่าเขายังจะรั้นสู้ต่อ ถึงกับลงประกาศหาผู้ร่วมงานในสื่อยักษ์ใหญ่ระดับโลกร่วม 10 คนด้วยค่าจ้างหลักล้านเพื่อเป็นทีมเข้าไปแก้ปัญหาความยากจนให้กับประเทศที่เอ่ยปากขอมา ยังดิ้นรนไปปรากฏตัวกลางสปอตไลท์หาซื้อการยอมรับจากสากลอยู่ต่อไป อย่างเช่นกำลังจะเดินทางไปรับเครื่องอิสริยาภรณ์ Order of Simon Bolivar ที่โบลิเวียกลางเดือนธันวาคมต่อ
ทุกอย่างมีค่าใช้จ่ายของมัน แม้กระทั่งความเป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์ของประเทศคาริบเบียนก็ต้องแลกมากับข้อตกลงเรื่องการลงทุนขั้นต่ำ พูดแบบไทย ๆ คือ BOI นั่นแหละ... โลกล้อมประเทศเลิกคิดได้แล้ว เหลือแต่ดิ้นรนหาพื้นที่การยอมรับให้มากขึ้น สลัดภาพอดีตผู้นำที่ถูกปฏิเสธกู้ศักดิ์ศรีให้ได้
พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เชื่อมั่นว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้นำโลกตั้งแต่การริเริ่มประชุม ACD ต่อด้วยเอเปค เขาเชื่อของเขาว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้นำเอเชียแถวหน้า เขาจึงตั้งราคาศักดิ์ศรีของเขาไว้แพงมาก...จึงได้ออกอาการอย่างชัดเจนหลังจากถูกอังกฤษปฏิเสธ
และนำมาสู่การไม่ยอมแพ้ด้วยการเดินหน้าหา (ซื้อ) ที่ยืนให้กับศักดิ์ศรีของตัวเองต่อ !!
หลายคนมองว่าไม่ยอมจำนน แต่ภาษาบ้านผมเรียกว่าจมไม่เป็น !
สิ่งที่ พ.ต.ท. ทักษิณ กำลังดำเนินการอยู่ บ่งบอกชัดเจนว่าเขากำลังตั้งลำเบนเข็มสู่เส้นทางการต่อสู้เต็มตัว
และเป็นการสู้ที่ไม่เหมือนกับปี 2549 ที่หวังทวงอำนาจ (และเงินที่ถูกอายัด) คืนเท่านั้น
แต่รอบนี้นอกจากอำนาจทรัพย์สินเงินทองแล้ว ยังต้องทวงอิสรภาพ และศักดิ์ศรีของเขาคืนด้วย
มองข่าวสารย้อนหลังนับจาก 19 กันยายน 2549 ครอบครัวชินวัตรออกข่าวต่อสาธารณชนเป็นระยะว่า ทักษิณวางมือแล้ว ๆ ๆ ไม่มีคนไม่เชื่อคำพูดทักษิณก็จริงอยู่ เพราะคน ๆ นี้พูดไม่ตรงกับความจริงอยู่บ่อย ๆ แต่สำหรับคำพูดของลูกนั้นน่าเชื่อพอสมควร อย่างโอ๊ค-พานทองแท้ ที่พยายามบอกว่าพ่อวางมือแล้วนั้นน่าเชื่อกว่า หมายถึงว่า ภายในครอบครัวชินวัตรพยายามจะจูงใจให้ทักษิณเลิกความพยายามกลับสู่อำนาจทางการเมือง มองแบบเป็นธรรมทักษิณเองคงจะไม่โกหกทุกคำพูดหรอกที่บอกว่าผมวางมือ แต่คงอยู่ในช่วงละล้าละลัง เบื่อๆอยาก ๆ ตัดสินใจไม่ได้
จนที่สุดเมื่อเหตุการณ์เดินมาถึงวันนี้ ความพยายามที่ครอบครัวที่ต้องการให้ทักษิณหยุดไม่เป็นผลอีกต่อไป - เขาตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว คำให้สัมภาษณ์รอยเตอร์ซึ่งเป็นช่วงที่เขากำลังผิดหวังรุนแรงทำให้แสดงสิ่งที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของจิตใจแบบไม่ปิดบัง
ทักษิณวันนี้ เต็มไปด้วยไฟ !!!
ทำให้นึกถึงสามก๊กตอนเล่าปี่ทราบข่าวกวนอูถูกตัดหัว เล่าปี่โกรธกังตั๋งมาก แรงโกรธบวกเป็นสองเท่าเพราะเตียวหุยคนเจ้าอารมณ์ขนาดที่ขงเบ้งไม่สามารถทัดทานได้
เล่าปี่ยกทัพหลายร้อยหมื่นจากเสฉวนมาด้วยแรงพยาบาท ที่สุดกองทัพเกรียงไกรก็ถูกเผาพินาศไป ถือเป็นช่วงหักเหสำคัญของประวัติศาสตร์การเมืองสามก๊ก
แท้จริงแล้วทัพเล่าปี่พินาศเพราะเพลิงในใจของเล่าปี่มาตั้งแต่เริ่มเดินทัพจากเสฉวน หาใช่เพลิงของกังตั๋งไม่ !!!
ลึก ๆ ก็อยากให้ทักษิณเป็นเหมือนเล่าปี่ตอนนั้นเพราะเรื่องได้จบ ๆ เสียที .. แต่ทักษิณก็คงไม่เหมือนเล่าปี่เสียทีเดียว ยังคงต้องให้ความใส่ใจกับขบวนทัพเสื้อแดงภายใต้เพลิงโกรธทักษิณอยู่พอสมควร
ทักษิณยังพยายามเดินหน้าสู้ หาพื้นที่ยืนในเวทีโลก แทนที่จะเป็นที่ยืนธรรมดาของคนปกติ เขายังไขว่คว้าหาการยอมรับในนามของนักการเมืองโลก พระเอกผู้อาสาแก้ความยากจนอยู่ต่อไป
ทักษิณ ยังพยายามทวงคืนอำนาจ ทรัพย์สิน และที่สำคัญเหนือกว่านั้นศึกครั้งนี้เขายังมีเป้าหมายทวงคืนอิสรภาพ ศักดิ์ศรี และยังแถมพ่วงด้วยการประกาศแก้แค้น
นี่ไม่ใช่การต่อสู้เพื่อชิงอำนาจทางการเมืองนะครับ แต่เป็นการแก้แค้น !
ไม่ได้เอามาจากไหนหรอก..ทักษิณบอกไว้อย่างนั้นด้วยตัวเขาเอง... เขาประกาศให้ชาวโลกรู้ล่วงหน้าผ่านรอยเตอร์ และก็น่าเชื่อตามนั้นเพราะนอกจากจะพูดออกมาจากจิตใต้สำนึกแล้ว อุปนิสัยส่วนตัวที่รับรู้กันมาหลายปีก่อนหน้ายืนยันชัดเจนว่าคน ๆ นี้เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น
ท่านเจ้าคุณพระพยอม กัลยาโณ ท่านคงไม่มีเวลามาอ่านบทความชิ้นนี้หรอก ผมเข้าใจท่าน..บรรพชิตอยู่เหนือความขัดแย้ง เปิดวัดให้คนเข้ามาพูด เข้ามาหาทางออก ท่านก็ยังบอกว่าจะเปิดให้อีกฝ่ายด้วย..จึงได้แต่นมัสการมาด้วยความประหวั่นใจ
โฟกัสการเมืองนับจากนี้จะอยู่วัดสวนแก้วครับท่านเจ้าคุณ !
ในเมื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แสดงท่าทีชัดเจนถึงขนาดนี้แล้ว เวทีความจริงวันนี้ก็คือการเตรียมทัพเพื่อแก้แค้น ถึงขนาดเตรียมประกาศชื่อผู้ที่อยู่เบื้องหลังทำให้เขาประสบชะตากรรม ซึ่งคงไม่ใช่ ตาสี ตาสา ยายมี ยายแม้น หรอกนะครับ
นมัสการท่านเจ้าคุณอีกครั้ง ผมประหวั่นว่าท่านทำบุญได้บาปขึ้นมาก็รอบนี้แหละ !