วันที่ 9 เดือน 9 ที่มีผู้เชื่อว่าเป็นฤกษ์มงคล อาจจะเป็นจริงตามความเชื่อนั้น... 9 กันยายน 2551 เวลา 14.00 น. เป็นวันตัดสินทิศทางบ้านเมืองที่สำคัญอีกครั้งหนึ่ง ผ่านคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในคดีวินิจฉัยการสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรี กรณีการจัดรายการชิมไปบ่นไป และยกโขยง 6 โมงเช้า
นาย สมัคร ลงทุนยืนยันกลางศาลว่า ตนไม่เคยเรียกร้องเรื่องค่าจัดรายการ หรือได้รับเงินเดือนจากบริษัท เฟซ มีเดีย จำกัด เพียงแต่ได้รับค่าตอบแทนเป็นรายครั้งตามที่บันทึกเทป และไม่มีอำนาจบริหารจัดการในบริษัท ซึ่งถือเป็นการรับจ้างไม่ใช่เป็นลูกจ้างในบริษัทตามที่กฎหมายระบุห้าม
ผลคำวินิจฉัยเป็นเช่นไร ต้องแล้วแต่คณะตุลาการท่าน ส่วนเราท่านคงได้แต่เงี่ยหูรอฟังด้วยใจจดจ่อ !
แต่ที่แน่ ๆ การเมืองนับจากนี้ไปเห็นทีนายสมัคร สุนทรเวช คงจะไม่เป็นสุขนัก แม้จะลงทุนสาบานกลางศาลว่า ..
"ถ้าตนผิดจริง อย่าให้ตนไม่มีความเจริญ แต่ถ้าไม่ได้ทำผิด ก็ขอให้ตนได้รับความสุขความเจริญ"
มองไม่เห็นเลยว่า นายสมัคร สุนทรเวช จะได้รับความสุขความเจริญแบบไหน เพราะทอดตาออกไปเห็นแต่พงรกขวากหนาม รวมไปถึง มือเท้าส้นตีนที่รอง้างกระทืบอยู่
หากหลุดจากด่านนี้ไป ก็ยังมีคดีหมิ่นประมาทชั้นศาลอุทธรณ์ ที่พยายามดิ้นรนขอเลื่อนจากวันที่ 25 กันยายน ซึ่งก็ไม่แน่ว่าชะตาของนายสมัครจะยืนยาวยืดอายุต่อชีวิตไปอีกเฮือกตามที่หวังเอาไว้หรือไม่
ความพยายามดิ้นรนผ่าทางตันทางการเมืองของนายสมัคร นับจากต้นเดือนมาเป็นการแก้เกมหาทางรอดวันต่อวัน ตำข้าวสารกรอกหม้อแบบมื้อต่อมื้อ หมดมุกตำรวจ ก็หันไปหาทหาร ...ทหารไม่เล่นด้วย ก็หาทางป้องกันทหารด้วยการออกประกาศดึงอำนาจมาที่ตนเองเพื่อแก้เกม เผื่อเหลือเผื่อขาดจะสามารถใช้ประกาศโยกอำนาจจากผบ.ทบ.กลับมาที่มือตัวเองได้ทุกเมื่อ
พึ่งทหารไม่ได้แล้วก็กลับไปเชื่อคารมนักการเมืองเจ้าเล่ห์ข้างกาย ที่วางแผนให้ใช้เสียงประชามติโดยเข้าใจว่าจะสามารถถอดชนวนให้กับตนเองได้ เนื่องจากเข้าใจว่า เกมการหย่อนบัตรเลือกตั้งเป็นเกมที่นักเลือกตั้งพื้นที่ชำนาญที่สุด
สมัคร สุนทรเวช หารู้ไม่ว่า ข้อเสนอเปื้อนรอยยิ้มมีดาบซ่อนอยู่เบื้องหลัง
เขาเรียกว่าเกมบังคับให้ยืมจมูก ส.ส.หายใจ !
เจ็บปวดแค่ไหน ที่ต้องไปยืมจมูกเพื่อนทั้ง ๆ ที่จมูกตัวก็ผิดมนุษย์อยู่แล้ว
หากเดินเกมไปตามแนวนี้ได้จริง ๆ นับจากวินาทีนั้นไป สมัคร สุนทรเวช จะกลายเป็นลูกไล่ให้กับหัวหน้ามุ้งนักเลือกตั้งลูกพรรคของตัวเอง โดยเฉพาะก๊กเขมรตัวดี โดยไม่สามารถทิ้งไพ่สำคัญยุบสภาที่มัดคอส.ส.จำนวนหนึ่งเอาไว้ เพราะต้องรอผลการลงประชามติ หากดึงดันใช้สมัคร สุนทรเวช จะเสียสุนัขทางการเมือง และจะถูกพวกเดียวกันนั่นแหละรุมประณาม
หัวหน้ามุ้งทั้งหลาย จะเป็นผู้กุมชะตากรรมของนายสมัคร เป็นผู้กำหนดผลว่า จะให้ประชาชนภาคเหนือ-อีสาน กาช่องใดระหว่าง ยุบสภา กับ ให้สมัครลาออก !!
สายเหนือนั้นไม่ต้องคิดมากแล้ว เพราะสายดังกล่าวได้เตรียมพรรคใหม่รองรับ ไม่แยแสการยุบสภาไปนานแล้ว อย่างมากจะใช้การลงประชามตินี้ข่มขู่ขูดรีดนายสมัครเป็นอาหารมื้อสุดท้าย
ส่วนสายเขมร ที่นอกจากจะใช้โอกาสนี้ถือไพ่เหนือผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯ บงการอำนาจรัฐได้เต็มที่ยังมีทางเลือกให้เล่นต่อ เห็นผิดท่าขึ้นมารวมหัวกับกลุ่มสายเหนือกำหนดผลประชามติให้สมัครลาออกเพียงประการเดียว ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นคะแนนให้สมัครลาออกจะท่วมประเทศไทยเพราะผลทางภาคใต้-ตะวันออก-กทม. มีแนวโน้มจะออกมาแบบนี้อยู่แล้ว .... แล้วจึงค่อยเจรจากับสายเหนือว่าจะให้ใครขึ้นมาแทนระหว่าง หมอเลี้ยบ หรือว่า สมชาย !!?
สมัคร วันนี้เสมือนลิงแก้แห เป็นคนใกล้จมน้ำใครโยนอะไรมาให้ก็คว้าไปหมด
บทที่คนแก่ดื้อขึ้นมา ดื้อและรั้นยิ่งกว่าทารกจริง ๆ
.....................
อ่านเนื้อข่าวอีกรอบไปสะดุดกับคำยืนยันของนายสมัคร สุนทรเวช ที่ยืนยันกลางศาลว่า
“ตนไม่เคยเรียกร้องเรื่องค่าจัดรายการ”
ไม่เคยเรียกร้อง มีความหมายที่ต้องตีความ
ไม่ได้เรียกร้องแต่เขาให้เอง (และก็รับไว้) !!?
หรือ ไม่เรียกร้อง จึงไม่ได้ผลตอบแทน !!?
คำกล่าวของนายสมัคร สุนทรเวช ต่อศาลในเรื่องนี้ทำให้นึกถึงเรื่องราวหนึ่งที่มีการพูดเล่าขานในวงการเมือง
เมื่อต้นปี 2551 หลังจากการเลือกตั้งใหญ่ผ่านพ้นไป พรรคพลังประชาชนได้รับชัยชนะ มีงานฉลองเล็ก ๆ ในหมู่มิตรสหายซึ่งล้วนแต่เป็นคนสำคัญขึ้นที่บ้านของน้องสาวอดีตชนชั้นนำคนหนึ่ง เป็นคฤหาสน์หลังใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จและเพิ่งย้ายมาอยู่ มีห้องใต้ดินเป็นส่วนตัว และงานเลี้ยงฉลองก็จัดขึ้นในห้องดังกล่าว
น้องสาวอดีตชนชั้นนำ ควงคู่กับนักธุรกิจการเงินที่เป็นคู่ครองคนล่าสุด มีน้องสาวญาติสนิทที่เขาขนานนามว่าเจ้าแม่ควงมากับสามีอดีตข้าราชการใหญ่ที่เป็นส่วนหนึ่งของพรรคใหม่ นอกจากญาติสนิทนามสกุลเดียวกันแล้วยังมีเพื่อนฝูง และนักการเมืองอีกหลายคน ในจำนวนนั้นมีอดีตนักร้องที่หันหน้าเข้าสู่การเมืองไปร่วมขับกล่อม บรรยากาศอบอุ่นครึกครื้นถึงขนาดที่เปิดฟลอร์เต้นรำกัน
นายสมัคร สุนทรเวช อาจจะไม่รู้ว่า คนในแวดวงดังกล่าวพูดคุยกันอย่างไรบ้าง
แต่ที่แน่ ๆ ถ้อยคำที่พูดคุยกันของคน “วงใน”วันนั้นแพร่กระจายไปทั่ว ทั้งในพรรคและนอกพรรค
เขาเล่าถึงความยากลำบากในระหว่างต่อสู้กับทหาร และการพยายามตั้งพรรคใหม่
แรกทีเดียว ได้มีผู้พยายามติดต่ออดีตบิ๊กทหารปากหวาน แต่เมื่อมีการเจรจาต่อรองกันในรายละเอียด ทั้งเรื่องทุน ค่าใช้จ่ายและการบริหารจัดการ กลับไม่ลงตัว
จิ้งจกใต้หลังคาแว่ว ๆ เสียงเลข 2 หมื่น !!! หากแต่หูจิ้งจกเล็กไปจึงไม่แน่ใจว่าเขาพูดกันเรื่องอะไร
ต่อจากนั้น วงสังสรรค์ก็พูดเรื่องสมาชิกใหม่ที่ติดต่อทาบทาม
มีคำ ๆ หนึ่งหลุดออกมา คนใหม่ที่ถูกทาบทามแจ้งกลับมาว่าในทำนองว่า
“แล้วแต่จะให้-ไม่เสนอข้อเรียกร้อง”
เรื่องนี้ได้ยินมานานแล้วคลับคล้ายคลับคลาอยู่ในลิ้นชักความจำจนกระทั่งมาได้อ่านข่าวที่ นายสมัคร ยืนยันต่อศาลนี่แหละครับว่า “ตนไม่เคยเรียกร้องเรื่องค่าจัดรายการ” จึงนึกอยากรื้อฟื้นเขียนถึงเรื่องนี้
จิ้งจกตัวดังกล่าวให้รายละเอียดอีกมาก เช่นพูดเรื่องตัวเลข 5 พัน!! ...5 พันอะไรก็ไม่รู้ได้โปรดอย่าถามตรงนี้เลย
ถ้าอยากรู้จริง ๆ ควรไปถามเต็นท์รถมือสองที่ถูกนักการเมืองอีสานเหนือแฉเมื่อหลายวันก่อน
อาจจะได้รายละเอียดมากกว่าจิ้งจกที่มัวแต่มองเศรษฐีเขาเต้นรำกัน
…………..
ก่อนจบ.. เปลี่ยนจากการเมืองมาเรื่องเบา ๆ ดีกว่า
ลิเกใกล้ลาโรง ตัวเอกบนเวทีเริ่มสอดส่ายสายตาหาคนถือกล่องตังค์เก็บค่าตั๋ว
ภาษิตลิเก เขาว่า ลิเกเล่นฟรี ไม่มีในโลก !
นาย สมัคร ลงทุนยืนยันกลางศาลว่า ตนไม่เคยเรียกร้องเรื่องค่าจัดรายการ หรือได้รับเงินเดือนจากบริษัท เฟซ มีเดีย จำกัด เพียงแต่ได้รับค่าตอบแทนเป็นรายครั้งตามที่บันทึกเทป และไม่มีอำนาจบริหารจัดการในบริษัท ซึ่งถือเป็นการรับจ้างไม่ใช่เป็นลูกจ้างในบริษัทตามที่กฎหมายระบุห้าม
ผลคำวินิจฉัยเป็นเช่นไร ต้องแล้วแต่คณะตุลาการท่าน ส่วนเราท่านคงได้แต่เงี่ยหูรอฟังด้วยใจจดจ่อ !
แต่ที่แน่ ๆ การเมืองนับจากนี้ไปเห็นทีนายสมัคร สุนทรเวช คงจะไม่เป็นสุขนัก แม้จะลงทุนสาบานกลางศาลว่า ..
"ถ้าตนผิดจริง อย่าให้ตนไม่มีความเจริญ แต่ถ้าไม่ได้ทำผิด ก็ขอให้ตนได้รับความสุขความเจริญ"
มองไม่เห็นเลยว่า นายสมัคร สุนทรเวช จะได้รับความสุขความเจริญแบบไหน เพราะทอดตาออกไปเห็นแต่พงรกขวากหนาม รวมไปถึง มือเท้าส้นตีนที่รอง้างกระทืบอยู่
หากหลุดจากด่านนี้ไป ก็ยังมีคดีหมิ่นประมาทชั้นศาลอุทธรณ์ ที่พยายามดิ้นรนขอเลื่อนจากวันที่ 25 กันยายน ซึ่งก็ไม่แน่ว่าชะตาของนายสมัครจะยืนยาวยืดอายุต่อชีวิตไปอีกเฮือกตามที่หวังเอาไว้หรือไม่
ความพยายามดิ้นรนผ่าทางตันทางการเมืองของนายสมัคร นับจากต้นเดือนมาเป็นการแก้เกมหาทางรอดวันต่อวัน ตำข้าวสารกรอกหม้อแบบมื้อต่อมื้อ หมดมุกตำรวจ ก็หันไปหาทหาร ...ทหารไม่เล่นด้วย ก็หาทางป้องกันทหารด้วยการออกประกาศดึงอำนาจมาที่ตนเองเพื่อแก้เกม เผื่อเหลือเผื่อขาดจะสามารถใช้ประกาศโยกอำนาจจากผบ.ทบ.กลับมาที่มือตัวเองได้ทุกเมื่อ
พึ่งทหารไม่ได้แล้วก็กลับไปเชื่อคารมนักการเมืองเจ้าเล่ห์ข้างกาย ที่วางแผนให้ใช้เสียงประชามติโดยเข้าใจว่าจะสามารถถอดชนวนให้กับตนเองได้ เนื่องจากเข้าใจว่า เกมการหย่อนบัตรเลือกตั้งเป็นเกมที่นักเลือกตั้งพื้นที่ชำนาญที่สุด
สมัคร สุนทรเวช หารู้ไม่ว่า ข้อเสนอเปื้อนรอยยิ้มมีดาบซ่อนอยู่เบื้องหลัง
เขาเรียกว่าเกมบังคับให้ยืมจมูก ส.ส.หายใจ !
เจ็บปวดแค่ไหน ที่ต้องไปยืมจมูกเพื่อนทั้ง ๆ ที่จมูกตัวก็ผิดมนุษย์อยู่แล้ว
หากเดินเกมไปตามแนวนี้ได้จริง ๆ นับจากวินาทีนั้นไป สมัคร สุนทรเวช จะกลายเป็นลูกไล่ให้กับหัวหน้ามุ้งนักเลือกตั้งลูกพรรคของตัวเอง โดยเฉพาะก๊กเขมรตัวดี โดยไม่สามารถทิ้งไพ่สำคัญยุบสภาที่มัดคอส.ส.จำนวนหนึ่งเอาไว้ เพราะต้องรอผลการลงประชามติ หากดึงดันใช้สมัคร สุนทรเวช จะเสียสุนัขทางการเมือง และจะถูกพวกเดียวกันนั่นแหละรุมประณาม
หัวหน้ามุ้งทั้งหลาย จะเป็นผู้กุมชะตากรรมของนายสมัคร เป็นผู้กำหนดผลว่า จะให้ประชาชนภาคเหนือ-อีสาน กาช่องใดระหว่าง ยุบสภา กับ ให้สมัครลาออก !!
สายเหนือนั้นไม่ต้องคิดมากแล้ว เพราะสายดังกล่าวได้เตรียมพรรคใหม่รองรับ ไม่แยแสการยุบสภาไปนานแล้ว อย่างมากจะใช้การลงประชามตินี้ข่มขู่ขูดรีดนายสมัครเป็นอาหารมื้อสุดท้าย
ส่วนสายเขมร ที่นอกจากจะใช้โอกาสนี้ถือไพ่เหนือผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯ บงการอำนาจรัฐได้เต็มที่ยังมีทางเลือกให้เล่นต่อ เห็นผิดท่าขึ้นมารวมหัวกับกลุ่มสายเหนือกำหนดผลประชามติให้สมัครลาออกเพียงประการเดียว ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นคะแนนให้สมัครลาออกจะท่วมประเทศไทยเพราะผลทางภาคใต้-ตะวันออก-กทม. มีแนวโน้มจะออกมาแบบนี้อยู่แล้ว .... แล้วจึงค่อยเจรจากับสายเหนือว่าจะให้ใครขึ้นมาแทนระหว่าง หมอเลี้ยบ หรือว่า สมชาย !!?
สมัคร วันนี้เสมือนลิงแก้แห เป็นคนใกล้จมน้ำใครโยนอะไรมาให้ก็คว้าไปหมด
บทที่คนแก่ดื้อขึ้นมา ดื้อและรั้นยิ่งกว่าทารกจริง ๆ
.....................
อ่านเนื้อข่าวอีกรอบไปสะดุดกับคำยืนยันของนายสมัคร สุนทรเวช ที่ยืนยันกลางศาลว่า
“ตนไม่เคยเรียกร้องเรื่องค่าจัดรายการ”
ไม่เคยเรียกร้อง มีความหมายที่ต้องตีความ
ไม่ได้เรียกร้องแต่เขาให้เอง (และก็รับไว้) !!?
หรือ ไม่เรียกร้อง จึงไม่ได้ผลตอบแทน !!?
คำกล่าวของนายสมัคร สุนทรเวช ต่อศาลในเรื่องนี้ทำให้นึกถึงเรื่องราวหนึ่งที่มีการพูดเล่าขานในวงการเมือง
เมื่อต้นปี 2551 หลังจากการเลือกตั้งใหญ่ผ่านพ้นไป พรรคพลังประชาชนได้รับชัยชนะ มีงานฉลองเล็ก ๆ ในหมู่มิตรสหายซึ่งล้วนแต่เป็นคนสำคัญขึ้นที่บ้านของน้องสาวอดีตชนชั้นนำคนหนึ่ง เป็นคฤหาสน์หลังใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จและเพิ่งย้ายมาอยู่ มีห้องใต้ดินเป็นส่วนตัว และงานเลี้ยงฉลองก็จัดขึ้นในห้องดังกล่าว
น้องสาวอดีตชนชั้นนำ ควงคู่กับนักธุรกิจการเงินที่เป็นคู่ครองคนล่าสุด มีน้องสาวญาติสนิทที่เขาขนานนามว่าเจ้าแม่ควงมากับสามีอดีตข้าราชการใหญ่ที่เป็นส่วนหนึ่งของพรรคใหม่ นอกจากญาติสนิทนามสกุลเดียวกันแล้วยังมีเพื่อนฝูง และนักการเมืองอีกหลายคน ในจำนวนนั้นมีอดีตนักร้องที่หันหน้าเข้าสู่การเมืองไปร่วมขับกล่อม บรรยากาศอบอุ่นครึกครื้นถึงขนาดที่เปิดฟลอร์เต้นรำกัน
นายสมัคร สุนทรเวช อาจจะไม่รู้ว่า คนในแวดวงดังกล่าวพูดคุยกันอย่างไรบ้าง
แต่ที่แน่ ๆ ถ้อยคำที่พูดคุยกันของคน “วงใน”วันนั้นแพร่กระจายไปทั่ว ทั้งในพรรคและนอกพรรค
เขาเล่าถึงความยากลำบากในระหว่างต่อสู้กับทหาร และการพยายามตั้งพรรคใหม่
แรกทีเดียว ได้มีผู้พยายามติดต่ออดีตบิ๊กทหารปากหวาน แต่เมื่อมีการเจรจาต่อรองกันในรายละเอียด ทั้งเรื่องทุน ค่าใช้จ่ายและการบริหารจัดการ กลับไม่ลงตัว
จิ้งจกใต้หลังคาแว่ว ๆ เสียงเลข 2 หมื่น !!! หากแต่หูจิ้งจกเล็กไปจึงไม่แน่ใจว่าเขาพูดกันเรื่องอะไร
ต่อจากนั้น วงสังสรรค์ก็พูดเรื่องสมาชิกใหม่ที่ติดต่อทาบทาม
มีคำ ๆ หนึ่งหลุดออกมา คนใหม่ที่ถูกทาบทามแจ้งกลับมาว่าในทำนองว่า
“แล้วแต่จะให้-ไม่เสนอข้อเรียกร้อง”
เรื่องนี้ได้ยินมานานแล้วคลับคล้ายคลับคลาอยู่ในลิ้นชักความจำจนกระทั่งมาได้อ่านข่าวที่ นายสมัคร ยืนยันต่อศาลนี่แหละครับว่า “ตนไม่เคยเรียกร้องเรื่องค่าจัดรายการ” จึงนึกอยากรื้อฟื้นเขียนถึงเรื่องนี้
จิ้งจกตัวดังกล่าวให้รายละเอียดอีกมาก เช่นพูดเรื่องตัวเลข 5 พัน!! ...5 พันอะไรก็ไม่รู้ได้โปรดอย่าถามตรงนี้เลย
ถ้าอยากรู้จริง ๆ ควรไปถามเต็นท์รถมือสองที่ถูกนักการเมืองอีสานเหนือแฉเมื่อหลายวันก่อน
อาจจะได้รายละเอียดมากกว่าจิ้งจกที่มัวแต่มองเศรษฐีเขาเต้นรำกัน
…………..
ก่อนจบ.. เปลี่ยนจากการเมืองมาเรื่องเบา ๆ ดีกว่า
ลิเกใกล้ลาโรง ตัวเอกบนเวทีเริ่มสอดส่ายสายตาหาคนถือกล่องตังค์เก็บค่าตั๋ว
ภาษิตลิเก เขาว่า ลิเกเล่นฟรี ไม่มีในโลก !