การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลโดยพรรคประชาธิปัตย์ต่อรัฐบาลโดยเฉพาะนายสมัครนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะนายนพดล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ถือว่าเป็นการให้ข้อมูลที่เปิดโปงต่อความอัปยศ, การทรยศ, การขายชาติ, การนำอธิปไตยของชาติและของบรรพบุรุษไทยไปยกให้ต่างชาติอย่างน่าอดสู ไม่คิดว่าคนไทยอยู่ในแผ่นดินไทย พึ่งพระบรมสมภารจะบังอาจกระทำได้ถึงขั้นนี้
ข้อเท็จจริงนั้นมีว่า รัฐบาลตั้งแต่อดีตนายกทักษิณได้วางแผนที่จะมีถนนจากตราดไปสู่เกาะกงที่เขมร มาสำเร็จในรัฐบาลนายสมัคร ที่ใช้เวลารวดเร็วไม่ถึง 10 วัน อนุมัติงบประมาณจากภาษีอากรของคนไทยทั้งชาติ ทั้งช่วย ทั้งให้ดอกเบี้ยเอื้ออาทรกับเขมร จนสร้างถนนและสะพานสำเร็จ
ขณะที่ช่วงเวลานั้น เราทำคุณประโยชน์มหาศาล เขมรกำลังขอให้เขาพระวิหารขึ้นเป็นมรดกโลก ถามว่าทั้ง รมต.ต่างประเทศ นายสมัคร และอดีตนายกทักษิณ จะไม่สามารถเลยหรือในการล็อบบี้ นายกฯ ฮุนเซ็นให้ไทยร่วมเป็นผู้ขึ้นร่วมในมรดกร่วมกับเขมร ทั้งที่เรามีแต่ให้และมีไมตรีกันดี
หน่วยราชการไทยและกรรมการมรดกโลก ศ.อดุลย์ วิเชียรเจริญ ต่างก็เห็นว่า เรากับเขมร ควรร่วมกันเสนอเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกร่วมกัน จะไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งพื้นที่ทับซ้อน ฯลฯ
แต่ไม่มีการล็อบบี้ มีแต่ รมต.ต่างประเทศไล่อธิบดีเกี่ยวข้องด้านสนธิสัญญา ด้วยการย้ายเพราะเห็นด้วยว่าควรเสนอร่วมกันกับเขมรในเรื่องนี้
ทำไมรังแกกันถึงขั้นนี้
มันมีเหตุผลจากผลประโยชน์ครับ
ข้อมูลจากคุณอลงกรณ์ พลบุตร เปิดเผยว่า นายนพดล ปัทมะ ซึ่งไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่จริงและโฆษกรัฐบาลเขมรยืนยันว่า รมต.ต่างประเทศไทยไปขอให้เขมรพิจารณาควบรวมพื้นที่ทับซ้อนบนเขาพระวิหาร เข้ากับพื้นที่ทับซ้อนกับหลุมก๊าซในทะเลนอกชายฝั่งทะเลเขมร-ไทย!!
มูลค่านับแสนล้าน ซึ่งตกลงกันไม่ได้
ที่ตกลงกันได้ คืออดีตนายกฯ จะลงทุนบ่อนกาสิโน และศูนย์ความบันเทิงนับหลายร้อยล้านที่เกาะกง
คิดดูว่าเราจะลงทุนมหาศาล ยังไม่อาจขอให้เราเสนอร่วมกับเขมรในการเป็นเจ้าภาพร่วมในการขึ้นเป็นมรดกโลกเขาพระวิหาร
ใครๆ คิดอย่างไร ไม่ทราบ แต่ผมและเพื่อนๆ จำนวนมากเห็นว่า ฝ่ายไทยภาคเอกชนที่มีอดีตนายกเป็นโต้โผ ไม่ต้องการให้มีใครมายุ่งเกี่ยวกับการลงทุน “ส่วนตัว"”ในพื้นที่อุดมด้วยก๊าซและกาสิโน
ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าไทยนี่แหละที่น่าจะไปยุให้เขมรเสนอเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกโดยเขมรเสนอฝ่ายเดียว แลกกับการที่แขมรกีดดันไม่ให้ฝ่ายไทยคนอื่นเข้ามายุ่งกับพวกเขาที่จะมีการผูกขาดในผลประโยชน์ที่เกาะกง และบ่อก๊าซธรรมชาติ
พวกเขามีทนายที่ปรึกษาของเขมรเป็นฝรั่งมีบริษัทลูกในไทยใกล้ชิดกับ รมต.ต่างประเทศ เรียกว่าทำกันลับๆ อย่างไรก็ได้
ดังนั้น ความคิดเรื่องให้เขมรขึ้นทะเบียนมรดกโลกฝ่ายเดียว และกีดกันไทย น่าจะมาจากผู้ทรยศจากคนไทยพวกหนึ่ง ที่พร้อมจะขายอธิปไตย ขายชาติ แลกกับผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเอง
ผมและเพื่อนเชื่อว่า คิดแบบนี้น่าจะใกล้เคียงมากที่สุดเพราะเป็นไปไม่ได้ที่เราลงทุนให้เขมรมากมายแล้ว มีหรือที่เขาจะไม่เกรงใจเรา และถ้าเราร่วมเสนอเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก การพัฒนาเขาพระวิหารทำนุบำรุงมันทำได้ง่ายจากฝั่งไทย ไม่ว่าการขนถ่ายวัสดุ และกำลังบำรุง ผลประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวก็แบ่งกันโดยเขมรได้มากกว่า การค้าเขมรก็ได้มากกว่าอยู่แล้ว
ดังนั้น การที่มีการเอาแผนที่ปลอม การปิดบังข้อมูลและการบิดเบือนข้อมูล งุบงิบ แม้แต่การไปทำสัญญาโดยไม่ได้ผ่านสภา จึงบ่งบอกให้เห็นว่า ขบวนการขายอธิปไตยนี้ได้พยายามไม่แต่ ส.ส.ในสภา แต่ต้องการต้มหมูประชาชน
คิดว่าคนไทยโง่เขลาครับ
ดังนั้น การที่พันธมิตรประชาชนเคลื่อนไหวต่อเนื่องจึงเป็นแรงกดดันที่ถูกต้อง จนทำให้ต้องเปิดสภา และสภาสามารถเปิดโปงข้อเท็จจริงต่างๆ ออกมาจนได้
ไม่แปลกหรอกครับ ที่มีความพยายามดิสเครดิตทุกวิถีทาง ใช้ขบวนการสกปรกโสโครกป้ายสีและบิดเบือนการเคลื่อนไหวของพันธมิตร เพราะถ้าทำสำเร็จเท่ากับพวกเขาก็จะงุบงิบผลประโยชน์นับแสนล้านกันสบายๆ
เดชะบุญบารมีพระสยามเทวาธิราชไม่ให้คนชั่วลอยนวล
นับวันข้อมูลมันชัดขึ้น
ผมเชื่อว่าไม่กี่วันนี้มันจะชัดเจนครับว่าที่เราไม่สามารถเสนอร่วมกับเขมรเรื่องให้เขาพระวิหารเป็นมรดกร่วมได้นั้น
เป็นเพราะคนไทยพวกนี้นี่เอง ไม่ใช่ใครที่ไหน
มาอ้างว่าเขมรไม่ยอม ซึ่งเป็นไม่ได้ เพราะเราลงทุนเยอะแยะ เอางบประมาณไปให้ในการสร้างทางสะพานหลายร้อยล้านบาท
ขอแค่นี้มันต้องได้อยู่แล้ว และมันมีผลดี ไม่ใช่ผลเสียต่อการดูแลเขาพระวิหารระยะยาวด้วยนะ
ข้อเท็จจริงนั้นมีว่า รัฐบาลตั้งแต่อดีตนายกทักษิณได้วางแผนที่จะมีถนนจากตราดไปสู่เกาะกงที่เขมร มาสำเร็จในรัฐบาลนายสมัคร ที่ใช้เวลารวดเร็วไม่ถึง 10 วัน อนุมัติงบประมาณจากภาษีอากรของคนไทยทั้งชาติ ทั้งช่วย ทั้งให้ดอกเบี้ยเอื้ออาทรกับเขมร จนสร้างถนนและสะพานสำเร็จ
ขณะที่ช่วงเวลานั้น เราทำคุณประโยชน์มหาศาล เขมรกำลังขอให้เขาพระวิหารขึ้นเป็นมรดกโลก ถามว่าทั้ง รมต.ต่างประเทศ นายสมัคร และอดีตนายกทักษิณ จะไม่สามารถเลยหรือในการล็อบบี้ นายกฯ ฮุนเซ็นให้ไทยร่วมเป็นผู้ขึ้นร่วมในมรดกร่วมกับเขมร ทั้งที่เรามีแต่ให้และมีไมตรีกันดี
หน่วยราชการไทยและกรรมการมรดกโลก ศ.อดุลย์ วิเชียรเจริญ ต่างก็เห็นว่า เรากับเขมร ควรร่วมกันเสนอเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกร่วมกัน จะไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งพื้นที่ทับซ้อน ฯลฯ
แต่ไม่มีการล็อบบี้ มีแต่ รมต.ต่างประเทศไล่อธิบดีเกี่ยวข้องด้านสนธิสัญญา ด้วยการย้ายเพราะเห็นด้วยว่าควรเสนอร่วมกันกับเขมรในเรื่องนี้
ทำไมรังแกกันถึงขั้นนี้
มันมีเหตุผลจากผลประโยชน์ครับ
ข้อมูลจากคุณอลงกรณ์ พลบุตร เปิดเผยว่า นายนพดล ปัทมะ ซึ่งไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่จริงและโฆษกรัฐบาลเขมรยืนยันว่า รมต.ต่างประเทศไทยไปขอให้เขมรพิจารณาควบรวมพื้นที่ทับซ้อนบนเขาพระวิหาร เข้ากับพื้นที่ทับซ้อนกับหลุมก๊าซในทะเลนอกชายฝั่งทะเลเขมร-ไทย!!
มูลค่านับแสนล้าน ซึ่งตกลงกันไม่ได้
ที่ตกลงกันได้ คืออดีตนายกฯ จะลงทุนบ่อนกาสิโน และศูนย์ความบันเทิงนับหลายร้อยล้านที่เกาะกง
คิดดูว่าเราจะลงทุนมหาศาล ยังไม่อาจขอให้เราเสนอร่วมกับเขมรในการเป็นเจ้าภาพร่วมในการขึ้นเป็นมรดกโลกเขาพระวิหาร
ใครๆ คิดอย่างไร ไม่ทราบ แต่ผมและเพื่อนๆ จำนวนมากเห็นว่า ฝ่ายไทยภาคเอกชนที่มีอดีตนายกเป็นโต้โผ ไม่ต้องการให้มีใครมายุ่งเกี่ยวกับการลงทุน “ส่วนตัว"”ในพื้นที่อุดมด้วยก๊าซและกาสิโน
ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าไทยนี่แหละที่น่าจะไปยุให้เขมรเสนอเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกโดยเขมรเสนอฝ่ายเดียว แลกกับการที่แขมรกีดดันไม่ให้ฝ่ายไทยคนอื่นเข้ามายุ่งกับพวกเขาที่จะมีการผูกขาดในผลประโยชน์ที่เกาะกง และบ่อก๊าซธรรมชาติ
พวกเขามีทนายที่ปรึกษาของเขมรเป็นฝรั่งมีบริษัทลูกในไทยใกล้ชิดกับ รมต.ต่างประเทศ เรียกว่าทำกันลับๆ อย่างไรก็ได้
ดังนั้น ความคิดเรื่องให้เขมรขึ้นทะเบียนมรดกโลกฝ่ายเดียว และกีดกันไทย น่าจะมาจากผู้ทรยศจากคนไทยพวกหนึ่ง ที่พร้อมจะขายอธิปไตย ขายชาติ แลกกับผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเอง
ผมและเพื่อนเชื่อว่า คิดแบบนี้น่าจะใกล้เคียงมากที่สุดเพราะเป็นไปไม่ได้ที่เราลงทุนให้เขมรมากมายแล้ว มีหรือที่เขาจะไม่เกรงใจเรา และถ้าเราร่วมเสนอเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก การพัฒนาเขาพระวิหารทำนุบำรุงมันทำได้ง่ายจากฝั่งไทย ไม่ว่าการขนถ่ายวัสดุ และกำลังบำรุง ผลประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวก็แบ่งกันโดยเขมรได้มากกว่า การค้าเขมรก็ได้มากกว่าอยู่แล้ว
ดังนั้น การที่มีการเอาแผนที่ปลอม การปิดบังข้อมูลและการบิดเบือนข้อมูล งุบงิบ แม้แต่การไปทำสัญญาโดยไม่ได้ผ่านสภา จึงบ่งบอกให้เห็นว่า ขบวนการขายอธิปไตยนี้ได้พยายามไม่แต่ ส.ส.ในสภา แต่ต้องการต้มหมูประชาชน
คิดว่าคนไทยโง่เขลาครับ
ดังนั้น การที่พันธมิตรประชาชนเคลื่อนไหวต่อเนื่องจึงเป็นแรงกดดันที่ถูกต้อง จนทำให้ต้องเปิดสภา และสภาสามารถเปิดโปงข้อเท็จจริงต่างๆ ออกมาจนได้
ไม่แปลกหรอกครับ ที่มีความพยายามดิสเครดิตทุกวิถีทาง ใช้ขบวนการสกปรกโสโครกป้ายสีและบิดเบือนการเคลื่อนไหวของพันธมิตร เพราะถ้าทำสำเร็จเท่ากับพวกเขาก็จะงุบงิบผลประโยชน์นับแสนล้านกันสบายๆ
เดชะบุญบารมีพระสยามเทวาธิราชไม่ให้คนชั่วลอยนวล
นับวันข้อมูลมันชัดขึ้น
ผมเชื่อว่าไม่กี่วันนี้มันจะชัดเจนครับว่าที่เราไม่สามารถเสนอร่วมกับเขมรเรื่องให้เขาพระวิหารเป็นมรดกร่วมได้นั้น
เป็นเพราะคนไทยพวกนี้นี่เอง ไม่ใช่ใครที่ไหน
มาอ้างว่าเขมรไม่ยอม ซึ่งเป็นไม่ได้ เพราะเราลงทุนเยอะแยะ เอางบประมาณไปให้ในการสร้างทางสะพานหลายร้อยล้านบาท
ขอแค่นี้มันต้องได้อยู่แล้ว และมันมีผลดี ไม่ใช่ผลเสียต่อการดูแลเขาพระวิหารระยะยาวด้วยนะ