รัฐบาลจีนพยายามกอบกู้ตลาดหุ้นแดนมังกรที่ดิ่งหนัก โดยหลังจากได้ทยอยประกาศมาตรการใหม่ๆ เพื่อพยุงตลาดในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาแล้วนั้น ล่าสุดเมื่อวันพุธ (7 ก.พ.) คณะรัฐมนตรียังมีมติเปลี่ยนตัวประธานคณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) โดยแต่งตั้งนายอู๋ ชิง ผู้มีประสบการณ์เชี่ยวชาญด้านตลาดเงินและตลาดทุนเข้ามาทำหน้าที่
จากรายงานของซีเอ็นบีซี นายอู๋ ผู้นี้มีฉายาว่า “คนหั่นชำแหละเนื้อโบรกเกอร์” (Broker Butcher) จากผลงานการปราบปรามพวกเทรดเดอร์ที่ละเมิดกฎในตลาดที่ผ่านมา โดยเขามารับหน้าที่แทนนายอี้ ฮุ่ยหมั่น ซึ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อปี พ.ศ.2562 และได้รับมอบหมายให้ดำเนินการปฏิรูปตลาดทุนเป็นภารกิจหลัก
การแต่งตั้งประธาน ก.ล.ต. จีนคนใหม่มีขึ้นในขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ของจีนกำลังเผชิญภาวะตกต่ำรุนแรงจากการเทขายไม่หยุดหย่อนของนักลงทุนต่างชาติ โดยเมื่อต้นสัปดาห์ก่อนหน้าการประกาศแต่งตั้งนายอู๋ ไม่นาน CSRC เพิ่งออกมาให้คำมั่นว่าจะไม่อ่อนข้อให้อย่างเด็ดขาดกับพวกที่ฝ่าฝืนคำสั่งห้ามการขายชอร์ตหุ้น (short selling) ซึ่งเป็นการขายเพื่อเก็งกำไรของนักลงทุนที่คาดหวังว่าหุ้นบางตัวราคาจะตกลง โดยมีการขอยืมหุ้นจากโบรกเกอร์มาขายออกไปก่อน CSRC ยังเตือนผู้มีแนวโน้มจะฝ่าฝืนว่า “จะหมดเนื้อหมดตัวและติดคุกหัวโต” ตามรายงานของรอยเตอร์
ทั้งนี้ ความผันผวนในภาคอสังหาริมทรัพย์และการมองแนวโน้มเศรษฐกิจจีนในแง่ลบของนักลงทุนส่งผลให้มีการเทขายหุ้น โดยดัชนี CSI300 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นบลูชิปของจีนร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปีเมื่อวันที่ 31 ม.ค. หลังจากภาคการผลิตแดนมังกรหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4
ในขณะที่นักลงทุนต่างหวาดกลัวกันมากขึ้นทุกทีว่าภาวะเงินฝืดจะยิ่งกัดกร่อนการเติบโตที่เชื่องช้าเกินคาดของเศรษฐกิจจีน และยังคงรอคอยการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่จากรัฐบาลจีน นอกเหนือจากการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานาธิบดี สี จิ้นผิงเมื่อเดือน ม.ค. ซึ่งเน้นหนักไปในเรื่องการยกย่องข้อดีของการพัฒนาทางการเงินอย่างมีคุณภาพสูง การนำหลักนิติธรรมและคุณธรรมมาใช้ร่วมกันและการกระตุ้นวัฒนธรรมด้านการเงินตามลักษณะเฉพาะแบบจีน หรือการออกมาเคลื่อนไหวของนายกรัฐมนตรี หลี่ เฉียงเมื่อปลายเดือน ม.ค. ที่ทำเพียงการเรียกร้องมาตรการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อสร้างความมั่นใจและเสถียรภาพของตลาด ด้านสำนักข่าวบลูมเบิร์กยังอ้างแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีสี จะมีการหารือปัญหาภาวะตลาดหุ้นกับผู้คุมกฎด้านการเงินอีกด้วย
สำหรับประวัติของนายอู๋นั้น เขาเกิดเมื่อปี พ.ศ.2508 เคยเป็นประธานตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ และรักษาการรองนายกเทศมนตรีนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางการเงินสำคัญของจีน ตลอดจนตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหารเขตพัฒนาอุตสาหกรรมไฮเทคจางเจียงในช่วงระหว่างเดือน พ.ค. ปี พ.ศ.2559-เดือน ก.พ. ปี พ.ศ.2565 ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นรองเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์สาขาเซี่ยงไฮ้ในเดือน ก.ค. ปี พ.ศ.2566
ก่อนหน้าเข้ารับตำแหน่งหน้าที่ในนครเซี่ยงไฮ้นั้น นายอู๋เคยทำงานในแผนกต่างๆ ของ CSRC รวมถึงแผนกที่ดูแลสถาบันการเงิน การบริหารความเสี่ยงของบริษัทหลักทรัพย์ และกองทุน โดยเขาขึ้นชื่อในเรื่องการจัดการกับบริษัทหลักทรัพย์ที่ละเมิดกฎระเบียบ และการปราบปรามบริษัทกองทุนรวม ซึ่งมีพฤติกรรมการปั่นหุ้นอย่างเฉียบขาด
ในปี พ.ศ. ฝ2552 นายอู๋ เคยเขียนไว้ในวารสารอุตสาหกรรมฉบับหนึ่งว่า วัตถุประสงค์พื้นฐานของการกำกับดูแลทางการเงินคือการปกป้องสิทธิที่ชอบด้วยกฎหมายและผลประโยชน์ของลูกค้า ขณะเดียวกัน ให้การปกป้องความปลอดภัยของระบบการเงินด้วย
ที่มา : ไชน่าเดลี / ซีเอ็นบีซี