เปิดโปงแก๊งสวมสิทธิ์ส่งชิ้นส่วนไก่ไปจีน เชื่อมี “บิ๊ก ขรก.กรมปศุสัตว์” เป็นแบ็ก แฉหลอกเรียกมัดจำชาวจีนกว่า 500 ล. เรื่องลามจนอาจกระทบการส่งออกสินค้าไปจีน จี้นายกฯเด้งพ้นหน่วยงานพร้อมสอบข้อเท็จจริง “ผู้เลี้ยงไก่งวง” โวยโดน ขรก.คุกคามหนัก จนทำมาหากินไม่ได้
ความคืบหน้ากรณีสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย และสำนักงานศุลกากร สาธารณรัฐประชาชนจีน (GACC) ตรวจพบความผิดปกติในส่วนของกำลังการผลิตของโรงงานที่ผ่านการรับรองให้เป็นผู้ประกอบการส่งออกเนื้อสัตว์ปีก และชิ้นส่วนสัตว์ปีกส่งออกไปยังประเทศจีน โดยกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจส่งออกไก่และชิ้นส่วนไก่ตั้งข้อสังเกตว่า อาจมีข้าราชการในกรมปศุสัตว์รู้เห็นกับขบวนการสวมสิทธิ์โควตาส่งออกชิ้นส่วนไก่ รวมทั้งมีกระแสข่าวว่า ข้าราชการระดับสูงทำธุรกิจด้านนี้ด้วยนั้น
วันนี้ (19 มี.ค.66) รายงานข่าวจากวงการธุรกิจส่งออกไก่และชิ้นส่วนไก่แจ้งเพิ่มเติมว่า ขณะนี้มีบริษัทสัญชาติจีนแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ในตลาดหลักทรัพย์จีนด้วย เป็นบริษัทบริการโอนเงินให้กับลูกค้าที่ซื้อสินค้าชิ้นส่วนไก่จากประเทศไทย ในช่วงกว่า 4 เดือนที่ผ่านมา มีการแจ้งกลุ่มลูกค้าในจีนว่า สามารถสั่งซื้อสินค้าจากประเทศไทยได้ทั้งหมด 12 โรงงาน โดยผ่านบริษัทไทยแห่งหนึ่ง ซึ่งอ้างว่า สามารถส่งชิ้นส่วนไก่ไปยังประเทศจีนได้ด้วยวิธีการสวมสิทธิ์ แต่ก็มีการตั้งสังเกตว่า วิธีการดังกล่าวสุ่มเสี่ยงที่จะผิดข้อตกลงระหว่างไทย-จีน แต่การที่บริษัทในตลาดหลักทรัพย์จีนกล้าโอนเงินจำนวนหลายร้อยล้านบาทให้กับบริษัทนี้ อาจจะเป็นเพราะว่ามีสายสัมพันธ์กับข้าราชการระดับสูงใน กรมปศุวัตว์ ที่เป็นหน่วยงานควบคุมการส่งออกไก่หรือไม่
รายงานข่าวแจ้งต่อว่า โดยรูปแบบการสวมสิทธิ์จะมีการแจ้งให้โรงงานบางแห่งหยุดการผลิต เนื่องจากไม่ได้มาตรฐาน และนำโควตาไปให้โรงงานอื่นผลิตแทน ก่อนจะมีการแก้ไขเลขที่ของโรงงานในเอกสารที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะทำได้ก็ต่อเมื่อมีผู้ทรงอิทธิพลในหน่วยงานนั้นให้การสนับสนุน เนื่องจากมีการตรวจสอบหลายขั้นตอน และหลังจากส่งสินค้าเสร็จก็จะมีการลบข้อมูลในฝั่งไทยทิ้ง แต่ทาง GACC ฝั่งจีนยังมีข้อมูลอยู่และสามารถตรวจสอบได้ หรือสามารถตรวจสอบได้ที่ด่านปศุสัตว์ตามท่าเรือต่างๆ แต่ระยะหลังข้อมูลก็เริ่มมีการสลับสับเปลี่ยนเช่นกัน
“การจะสวมสิทธิ์แบบนี้ คนทั่วไปคงไม่สามารถมีอภินิหารขนาดนั้นได้ จำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงช่วยแน่นอน เพราะต้องผ่านการตรวจสอบหลายด่าน และต้องมีข้อมูลพอสมควรแถมต้องมีไฟเขียวผ่านตลอด จึงทำได้” แหล่งข่าว ระบุ
แหล่งข่าวเล่าต่อว่า ข้อมูลจากทาง GACC จีน สามารถตรวจสอบได้ทั้งหมดว่า โรงงานไหนส่งอะไรปริมาณเท่าไร ไปจนถึงเลขตู้สินค้า ขณะที่ข้อมูลในฝั่งไทยจะมีการสลับ หรือพยายามแก้ผิดให้ถูก หรือล้างเอกสารให้หาไม่พบ และเมืองไทยยังมีข้อมูลจากศุลกากร และสายเรืออีก โดยข้อมูลเหล่านี้ถูกส่งให้ทางตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แล้ว และได้ดำเนินการช่วยเหลือกลุ่มคนจีนที่ถูกหลอกให้วางเงินมัดจำเสียหายไปกว่า 500 ล้านบาท ปัจจุบันนี้กลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้ได้พยายามมาทวงเงินที่ประเทศไทย รวมทั้งมีการร้องขอตรวจสอบเส้นทางการเงินของบริษัทนี้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรื่องที่เกิดชึ้นส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมถึงภาพลักษณ์ในสายตานักลงทุนจีน จึงอยากเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจในการแก้ไขเพื่อรักษาความสัมพันธ์ และภาพลักษณ์ของประเทศ
“อยากให้ นายกฯประยุทธ์ ลงมาตรวจสอบข้อเท็จจริง และทางที่ดีคือเรียก บิ๊กข้าราชการ คนนี้ไปประจำที่สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อไม่ให้ยุ่งกับหลักฐานต่างๆ เพราะหากปล่อยไว้เช่นนี้ประเทศชาติจะเสียหายเป็นอย่างมาก หากทางจีนสั่งระงับการส่งออกจากไทยทั้งหมด ผู้รับกรรมคือผู้ประกอบเกษตรกผู้เลี้ยงไก่ ที่ย่อมได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง กระเทือนต่อธรุกิจการส่งออกเนื้อสัตว์ของประเทศ” แหล่งข่าว กล่าว
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวก็ได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มผู้เลี้ยงไก่งวงในพื้นที่ จ.ราชบุรีว่า ขณะนี้ผู้เลี้ยงไก่งวงเพื่อการส่งออกในพื้นที่หลายรายถูกข้าราชการสังกัดกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ข่มขู่คุกคามจนไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ โดยพฤติกรรมของข้าราชการรายนี้จะทำทีเข้าไปตรวจเยี่ยมฟาร์มไก่งวง เพื่อสอบถามข้อมูลถึงปริมาณ และราคาไก่งวงที่แช่แข็งไว้แล้ว หากจะติดต่อขอซื้อ ก่อนแจ้งว่าฟาร์มนั้นๆ ไม่ได้มาตรฐาน ไม่สามารถส่งออกได้ รวมถึงไม่อนุญาตให้เชือดไก่งวงที่โรงเชือดดังกล่าวด้วย อ้างว่า เกิดแัญฃปัญหาภายในของกรมปศุสัตว์ ซึ่งเมื่อสอบถามไปทางกรมปศุสัตว์ก็ไม่ได้รับคำชี้แจงใดๆ ทั้งที่อธิบดีกรมปศุสัตว์ ได้เคยมีคำสั่งลงวันที่ 16 ก.พ.66 ว่าจะอนุมัติโรงเชือดดังกล่าวสามารถเชือดไก่งวงได้
“ข้าราชการกรมปศุสัตว์ ที่เป็นนายสัตว์แพทย์คนนี้มาในลักษณะข่มขู่คุกคาม เพราะโรงงานที่ชาวบ้านส่งเชือด ไม่ใช่โรงงานของพรรคพวกตัวเอง รวมทั้งยังพยายามบีบให้ผู้เลี้ยงไก่งวงขายสินค้าที่มีอยู่ให้ในราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริง ซึ่งเขื่อว่า อาจจะมีการนำไปส่งออกในนามบริษัทอื่นแทน” ตัวแทนผู้เลี้ยงไก่งวง ระบุ
ตัวแทนผู้เลี้ยงไก่งวง กล่าวต่อว่า พฤติกรรมของนายสัตว์แพทย์คนนี้ถือว่าขัดต่อคำสั่ง อธิบดีกรมปศุสัตว์ ทำให้ชาวบ้านและเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่งวง ได้รับความเดือดร้อน ขาดรายได้จุนเจือครอบครัว อีกทั้งยังเป็นธุรกิจที่ช่วยสร้างรายได้ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้วย กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่งวง จึงขอเรียกร้องไปถึงนายกฯ และ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ลงมาตรวจสอบ และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น.
