“ถึงเมืองไทยจะไม่มีหิมะ แต่คุณก็สามารถแกะสลักหิมะออกมาได้นะคะ” สุดากาญจน์ จาดแก้ว นักศึกษาวัย 18 ปี กล่าวกับสำนักข่าวซินหัวของจีนอย่างอารมณ์ดีเมื่อหวนนึกถึงช่วงเวลาอันน่าจดจำยามผู้เยี่ยมชมชาวจีนมาชมผลงานแกะสลักหิมะของทีมเธอ ระหว่างการแข่งขันแกะสลักหิมะของการแข่งขันประติมากรรมหิมะนานาชาติ ระดับนักศึกษา ครั้งที่ 16 ณ นครฮาร์บิน มณฑลเฮยหลงเจียงทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา
สุดากาญจน์ และเพื่อนร่วมชั้นทั้ง 3 คนของเธอคว้ารางวัลชนะเลิศในการแข่งขันประติมากรรมหิมะ ครั้งที่ 16 หลังจากหนีความร้อนอบอ้าวในกรุงเทพฯ ไปท้าทายความหนาวเย็นยะเยือกในฮาร์บิน
ทีมนักศึกษาไทยเป็น 1 ใน 57 ทีมจากหลายประเทศและภูมิภาคที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันประติมากรรมหิมะประจำปีนี้ ซึ่งจัดโดยมหาวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ฮาร์บิน และเทศกาลน้ำแข็งและหิมะนานาชาติฮาร์บิน ระหว่างวันที่ 4-7 ม.ค.ที่ผ่านมา
สุดากาญจน์เล่าว่าผลงานแกะสลักหิมะที่ได้รับรางวัลชนะเลิศมีชื่อว่า “ตุ๊ก ตุ๊ก ออน ทัวร์” (Tuk Tuk on Tour) ประกอบไปด้วยตัวรถสามล้ออันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งบรรทุกตัวละครต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมและประเพณีไทย และเป็นตัวแทนขององค์ประกอบจากภาคต่างๆ ของประเทศ ประดับอยู่ทั้งสี่ด้านของผลงานศิลปะชิ้นนี้
ทีมนักศึกษาไทยมีเวลาเตรียมตัวสำหรับเข้าร่วมการแข่งขันเพียง 3 สัปดาห์ ภายใต้การให้คำแนะนำของศรชัย ชนะสุข ผู้ฝึกสอนและอาจารย์ วัย 27 ปี จากวิทยาลัยอาชีวศึกษาเสาวภา โดยศรชัยกล่าวว่านี่เป็นครั้งแรกของการนำทีมนักศึกษาลุยเวทีระดับนานาชาติ ซึ่งมีสภาพอากาศเป็นปัจจัยที่ท้าทาย
“เราไม่ได้สวมเสื้อผ้าและถุงมือหนาๆ ตอนฝึกซ้อมในไทย แต่เราต้องสวมเมื่อเข้าแข่งขันในฮาร์บิน ซึ่งทำให้ใช้งานเครื่องมืออย่างมีประสิทธิภาพได้ยาก”
สุดากาญจน์ กล่าวว่าแม้ไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการแกะสลักหิมะมาก่อน แต่ทีมก็เอาชนะอุปสรรคดังกล่าวด้วยการฝึกผ่านการใช้ดินเหนียว ซีเมนต์ และน้ำแข็ง พวกเขาไม่ได้คาดหวังเรื่องชัยชนะ แต่ยังคงตั้งใจทุ่มเทสุดฝีมือเพื่อจะได้ไม่รู้สึกเสียใจภายหลัง
สุดากาญจน์เสริมว่าการเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ถือเป็นประสบการณ์สำหรับหาความรู้รอบตัว โดยทีมของเธอมีโอกาสพบปะและพูดคุยกับชาวจีน และสนุกกับการพูดคุยมาก ส่วนอาหารแตกต่างจากปกติที่เราคุ้นเคยในไทย แต่อร่อยมากเช่นกัน
ด้านอาระยา ฉายชูวงษ์ รองผู้อำนวยการของวิทยาลัยกล่าวว่า การส่งทีมนักศึกษาเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้เป็นความปรารถนาที่อยากจะมอบประสบการณ์ที่สร้างแรงบันดาลใจแก่เด็กๆ โดยการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมดังกล่าวไม่เพียงเป็นการลงทุนในการพัฒนานักศึกษาเท่านั้น แต่ยังเป็นความภาคภูมิใจสำหรับสถาบันและประเทศด้วย
ข่าวโดยสำนักข่าวซินหัว, 29 ม.ค.2024