โดย ร่มฉัตร จันทรานุกูล
จีนเป็นประเทศหนึ่งในโลกที่มีการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างรวดเร็ว หากมองย้อนไปในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ไลฟ์สไตล์ของประชาชนจีนได้เปลี่ยนไปหลังจากการเกิดขึ้นของแพลตฟอร์มเถาเป่า (Taobao) การซื้อขายออนไลน์ค่อยๆ ได้รับความนิยมและได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคมากขึ้น จนถึงปัจจุบันการซื้อของออนไลน์ของชาวจีนกลายเป็นช่องทางหลักในการชอปปิ้งซื้อของกันไปแล้ว ร้านค้าออฟไลน์ที่ไม่ปรับตัวก็ปิดตัวกันลงไปมาก
ปัจจุบันร้านค้าส่วนใหญ่ในจีนไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร หรือร้านเสื้อผ้า นอกจากร้านค้าออฟไลน์ที่เปิดให้ลูกค้าเดินเข้ามารับบริการแล้วยังต้องปรับตัวไปสู่การขายออนไลน์ควบคู่กันไปด้วย หากผู้เขียนจะบอกว่าแพลตฟอร์มเถาเป่าเป็นจุดเปลี่ยนของไลฟ์สไตล์ของชีวิตชาวจีนมาจนถึงปัจจุบันก็ไม่ผิดนัก
หลังจากแพลตฟอร์มเถาเป่าเริ่มได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายทั้งจากผู้ค้าและผู้ซื้อ ทำให้แพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าและบริการออนไลน์ในจีนผุดขึ้นมาใหม่เป็นดอกเห็ด อีกประการหนึ่งคือ “สังคมไร้เงินสด” ของจีนมีการเปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมไร้เงินสดเปลี่ยนไปภายในระยะเวลาประมาณ 5-6 ปีเท่านั้น ปัจจุบันคนจีนยุคใหม่จำนวนมากไม่ใช้กระเป๋าสตางค์และไม่พกเงินสดกันแล้ว การเดินทางและใช้จ่ายในชีวิตประจำวันสามารถทำธุรกรรมผ่านมือถือได้ทั้งสิ้น
การพัฒนาของเศรษฐกิจดิจิทัลจีนก้าวกระโดดอย่างมากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และไม่ใช่แค่ภาคเอกชนจีนที่ใช้ประโยชน์จาก “อินเทอร์เน็ต+” ภาคราชการของจีนเองก็ได้นำประโยชน์ของดิจิทัลเข้ามาใช้กับการจัดการข้อมูลและให้บริการกับประชาชน ยกตัวอย่างเช่น ทุกวันนี้การฟ้องร้องทางกฎหมาย ยื่นเอกสารและการขึ้นศาลสามารถทำผ่านออนไลน์ได้ทั้งหมด การเดินเรื่องประกันสังคมประชาชนและหน่วยงานสามารถทำธุรกรรมผ่านอินเทอร์เน็ตได้แบบ “One stop service” จีนเป็นประเทศขนาดใหญ่ ประชากรมหาศาล ดังนั้น การจัดการข้อมูลในหลายด้านหากไม่มีดิจิทัลเข้ามาช่วยคงจะยุ่งยากและมีความท้าทายด้านการบริหารจัดการเป็นอย่างมาก
การเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลจีนก้าวกระโดดขนาดนี้แล้วปัจจุบันจีนอยู่ในระดับไหนของโลก? ในปี 2022 ขนาดเศรษฐกิจดิจิทัลจีนมีมูลค่าสูงถึง 50 ล้านล้านหยวน คิดเป็นสัดส่วน 40 เปอร์เซ็นต์ของ GDP การเติบโตของภาคดิจิทัลจีนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเฉลี่ยเติบโตปีละ 10 เปอร์เซ็นต์ (ถือเป็นอัตราการเติบโตที่สูงมาก)
การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลอาศัยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี 3 ด้านหลัก ได้แก่
1.เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลการคำนวณและการจัดเก็บข้อมูล รวมถึงเทคโนโลยีวงจรรวม (ชิป)
2.เทคโนโลยีการสื่อสารที่เกี่ยวข้องกับการส่งและการรับข้อมูล และเครือข่ายการสื่อสาร/อินเทอร์เน็ต
3.บิ๊กดาต้า (Big Data) ซึ่งประกอบด้วยการแปลงข้อมูลดิจิทัลและเทคโนโลยีการประมวลผลข้อมูลที่มีจำนวนมาก
เทคโนโลยีทั้ง 3 นี้เป็นเสาหลักในการกำหนดระดับของการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล
เศรษฐกิจดิจิทัลในปัจจุบันเป็นภาคที่เติบโตเร็วที่สุดในหลายประเทศ กลายเป็นปัจจัยการผลักดันการเติบโตที่ทรงพลังที่สุดในการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ ตามสถิติอย่างเป็นทางการของสหรัฐฯ ภาคเศรษฐกิจดิจิทัลของสหรัฐฯ ในปี 2021 มีมูลค่าเกิน 2.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นสุทธิมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐจาก 10 ปีที่แล้ว ภาคเศรษฐกิจดิจิทัลของสหรัฐฯ ได้แซงหน้าอุตสาหกรรมการเงินและประกันภัยไปแล้ว
และตามรายงานสมุดปกขาวของเศรษฐกิจดิจิทัลทั่วโลก (ปี 2022) ที่ออกโดยสถาบันสารสนเทศและการสื่อสารแห่งประเทศจีน ระบุว่าในปี 2021 ขนาดของเศรษฐกิจดิจิทัลของ 47 เศรษฐกิจหลักทั่วโลกมีขนาด 38.1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ขนาดของเศรษฐกิจดิจิทัลในสหรัฐอเมริกาใหญ่เป็นอันดับ 1 ของโลก จีนและเยอรมนีอยู่ในอันดับที่ 2 และ 3 ของโลก ตามลำดับ รายงานสมุดปกขาวของเศรษฐกิจดิจิทัลล่าสุดยังไม่ถูกประกาศออกมา แต่จากการประเมินในปัจจุบันขนาดเศรษฐกิจดิจิทัลของจีนยังคงเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐฯ
รายงานของการประชุมสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ว่าด้วยการค้าและการพัฒนาปี 2019 รายงานว่ามูลค่าของเศรษฐกิจดิจิทัลทั่วโลกคิดเป็น 15.5 เปอร์เซ็นต์ ของ GDP โลก ปริมาณการค้าดิจิทัลทั่วโลกเพิ่มขึ้นจาก 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2005 เป็น 2.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2019 โดยอัตราการเติบโตของการค้าดิจิทัลโลกเฉลี่ยเติบโตต่อปี 7 เปอร์เซ็นต์ ก็นับเป็นอัตราการเติบโตที่สูงเลยทีเดียว
สำหรับเป้าหมายการเติบโตเศรษฐกิจดิจิทัลของจีนในปี 2023 นี้และในอนาคตมีเป้าหมายที่ชัด อย่างการประชุม Boao Forum for Asia (BFA) 2023 ที่เพิ่งผ่านไป นายกรัฐมนตรี นายหลี่เฉียงได้เดินทางไปร่วมเป็นประธานการเปิดงาน โดยงานในครั้งนี้มีธีมว่า “ใช้แนวคิดชะตากรรมร่วมของมนุษยชาติเป็นหลัก เพื่อความมั่นคงที่จะนำพาสันติภาพและการพัฒนาของโลก” เนื้อหาการประชุมในครั้งนี้ยังมีการเน้นย้ำในเรื่องความสำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัล นักวิชาการด้านเศรษฐกิจจีนนายหลินกุ้ยจวิน ให้ความเห็นว่า “เศรษฐกิจดิจิทัลได้กลายเป็นพลังผลักดันการควบรวบทางเศรษฐกิจของประเทศในเอเชีย ตอนนี้การค้าดิจิทัลข้ามพรมแดนมีการเติบโตในระดับสูงอยู่ทุกๆ ปี” การร่วมมือระหว่างจีนและประเทศต่างๆ ในเอเชียด้านเศรษฐกิจดิจิทัลจะมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างเช่น เรื่องที่จีนโดดเด่นเทคโนโลยี 5G ปัจจุบันได้ออกไปช่วยสร้างโครงข่ายให้หลายประเทศ มีการแลกเปลี่ยนกันด้านเทคโนโลยี ช่วยกันเพิ่มการพัฒนา ได้ประโยชน์กันทุกฝ่าย
เศรษฐกิจดิจิทัลส่งผลกระทบในวงกว้างและกว้างไกล เปลี่ยนแปลงชีวิตและอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ผ่านมา เศรษฐกิจดิจิทัลของจีนประสบความสำเร็จที่ดึงดูดความสนใจจากทั่วโลก ความร่วมมือระหว่างประเทศด้านเศรษฐกิจดิจิทัลของจีนกับประเทศต่างๆ กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ด้านเศรษฐกิจดิจิทัลเป้าหมายของจีนในปีนี้และอนาคตมีประเด็นต่างๆ ดังต่อไปนี้
1.การสร้างนโยบายให้เข้มแข็ง เศรษฐกิจดิจิทัลของจีนในด้านโครงสร้างและนโยบายปัจจุบันยังมีจุดบกพร่องหลายประการ รัฐบาลจะรับฟังและเข้าถึงปัญหาของเอกชนมากยิ่งขึ้น
2.เร่งการขยายตัวของเครือข่าย 5G ปรับใช้ในเชิงพาณิชย์มากขึ้น เร่งการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานแบบดิจิทัลและชาญฉลาดมากขึ้น
3.การผลักดันการพัฒนานวัตกรรมอุตสาหกรรมดิจิทัลอย่างจริงจัง บ่มเพาะกลุ่มธุรกิจให้มีความสามารถในการแข่งขัน เร่งสร้างคลัสเตอร์อุตสาหกรรมดิจิทัลให้มีความสามารถในการแข่งขันระดับนานาชาติ และสนับสนุนธุรกิจแพลตฟอร์มให้มีความสามารถในการเป็นผู้นำในการพัฒนาและสร้างงาน
4.การเร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของอุตสาหกรรมให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เสริมสร้างความเข้มแข็งในทุกสาขาอุตสาหกรรม ยกระดับเทคโนโลยีสารสนเทศรุ่นใหม่และการพัฒนาแบบบูรณาการอุตสาหกรรม
5.ยกระดับการให้บริการสาธารณะแบบดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ปรับปรุงระดับการจัดหาดิจิทัลและบริการเครือข่ายของทรัพยากรบริการสาธารณะอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้ประชาชน
6.ความร่วมมือระหว่างประเทศด้านเศรษฐกิจดิจิทัลให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น นำเสนอ "ความคิดริเริ่มของจีน" เพิ่มการจัดการประชุมระดับโลก ผลักดันการเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจดิจิทัล สร้างสภาพแวดล้อมระหว่างประเทศที่ดียิ่งขึ้น
เป้าหมายของจีนกล่าวโดยสั้นๆ คือเพิ่มศักยภาพจากสิ่งที่มีอยู่และขยายการร่วมมือด้านดิจิทัลกับต่างประเทศมากขึ้น
ในช่วงนี้จีนยังมีสัญญาณสำคัญที่คนจีนและคนทั่วโลกให้ความสนใจคือ การกลับมาจีนของแจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา กรุ๊ป จากก่อนหน้านี้เขาได้หายหน้าหายตาไปและสื่อจีนรายงานว่าเขาได้ย้ายถิ่นฐานที่อยู่ไปต่างประเทศแล้ว การกลับมาของแจ็ค หม่าในครั้งนี้เกินความคาดหมายและได้รับการสนใจและตีข่าวจากสำนักข่าวต่างๆ ของรัฐบาลจีน ซึ่งตรงนี้เป็นตัวชี้วัดว่าการกลับมาของแจ็ค หม่าในคราวนี้ไม่ใช่การกลับมาส่วนตัวแบบเงียบๆ ธรรมดา แต่เป็นการกลับมาเพื่อจะออกมามีบทบาทอีกครั้งหนึ่ง แจ็ค หม่าเป็นนักธุรกิจและสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่ผ่านมามีอิทธิพลต่อสังคมเศรษฐกิจจีนเป็นอย่างมาก (แจ็ค หม่าเป็นตัวแทนนักธุรกิจด้านเศรษฐกิจดิจิทัล) การกลับมาของเขาอาจจะเป็นการกลับมาเพื่อสร้างความมั่นใจให้ภาคธุรกิจในประเทศและสร้างความมั่นใจให้จีนต่อสายตานานาชาติด้วย
สรุป จากสถานการณ์ปัจจุบันจะเห็นได้ว่า จีนพยายามสร้างความแข็งแกร่งให้ภาคดิจิทัลในประเทศ อีกทั้งการร่วมมือกับต่างประเทศก็มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ผ่านโครงการร่วมมือในรูปแบบต่างๆ จีนพยายามดึงและสร้างความมั่นใจให้นานาชาติด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ พยายามที่จะสื่อสารเรื่องการเปิดกว้างด้านเศรษฐกิจและการลงทุนมากขึ้น ผู้เขียนมองว่าหลังจากโควิด-19 นี้เศรษฐกิจจีนดูเหมือนว่ากำลังติดปีกและเร่งสปีดด้านการเติบโต