โดย ร่มฉัตร จันทรานุกูล
ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วในไทยมีข่าวเด่นข่าวดังที่ประชาชนให้ความสนใจกันทั้งประเทศคือเรื่อง “กลุ่มทุนจีนสีเทา” ที่เข้ามาในประเทศไทยประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย มีการติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ กลุ่มจีนเทาพวกนี้เป็นกลุ่มคนจีนแผ่นดินใหญ่รุ่นใหม่ที่เข้ามาไทยเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ ไม่ใช่พวกกลุ่มจีนยุคเก่าที่เข้ามาไทยแบบเสื่อผืนหมอนใบ เข้ามาตั้งรกรากแบบประกอบอาชีพค้าขายทั่วไปในไทย
กลุ่มจีนเทารุ่นใหม่นี้พวกนี้ทำเรื่องอื้อฉาวต่างๆ มากมายที่ถูกเปิดโปง ทั้งตั้งบ่อนการพนัน ยาเสพติด ฟอกเงิน สวมบัตรประชาชนคนไทย ทำวีซ่าพำนักในไทยผิดประเภท เป็นต้น กลุ่มจีนเทาพวกนี้พำนักอยู่แบบผิดกฎหมายในไทย มิหนำซ้ำยังอยู่กันแบบชนชั้นอภิสิทธิ์เพราะเพียงแค่ “มีเงิน” คนจีนพวกนี้มองว่าที่ประเทศไทย “เงิน” สามารถแก้ปัญหาได้ทุกสิ่งทุกอย่าง เพียงเพราะมีเงินก็สามารถซื้ออำนาจ ซื้อพรรคพวกและเป็นอภิสิทธิ์ชนได้ ผู้เขียนมองว่าปัญหาดังกล่าวในไทยมีมานานและฝังรากลึกแล้ว ที่ผ่านมาไม่ได้รับการแก้ไขและกลุ่มคนมีอำนาจในไทยก็คงไม่ได้อยากจะแก้ปัญหาอย่างจริงจังเพราะบ้างก็มีผลประโยชน์ที่ทับซ้อนกันอยู่ ได้แต่อยู่กันแบบเอาหูไปนาเอาตาไปไร่
ทุกประเทศมีคนดีและไม่ดี สำหรับจีนมีประชากรมากถึง 1,400 ล้านคน หากมีกลุ่มคนจีนไม่ดีในอัตราส่วนแค่น้อยนิดก็ถือว่ามากโขแล้ว ปัญหากลุ่มจีนเทาไม่ใช่เป็นปัญหาแค่ในไทย แต่ยังเป็นปัญหาในประเทศเพื่อนบ้าน แม้แต่ในประเทศจีนเองก็เป็นปัญหา ในจีนมีตำรวจไซเบอร์ที่คอยปราบปรามกลุ่มมิจฉาชีพและออกประกาศเตือนประชาชนบ่อยๆ เพื่อนคนจีนเคยบอกกับผู้เขียนว่า กลุ่มแก็งคอลเซ็นเตอร์ และการโจรกรรมทางไซเบอร์ส่วนใหญ่มีฐานบัญชาการกระจายอยู่ในกลุ่มประเทศตะวันออกเฉียงใต้ กลุ่มจีนเทาพวกนี้ทางการจีนต้องปราบปรามและต้องการตัวให้มารับผิดอยู่เช่นกัน ในประเด็นที่ประเทศไทยกำลังกำจัดกลุ่มจีนเทา เพื่อนชาวจีนของผู้เขียนก็แสดงความเห็นว่าสนับสนุนให้ทางการไทยปราบปราม
ไม่เพียงแค่กลุ่มจีนเทาที่เข้ามาประกอบธุรกิจที่ผิดกฎหมายในไทย ยังมีจีนอีกกลุ่มหนึ่งที่โยกเงินมาลงทุนในไทย โดยที่มาของเงินอาจจะไม่สามารถเปิดเผยได้ ทำให้กลุ่มคนจีนพวกนี้กลัวการถูกตรวจสอบ เพราะเมื่อไม่นานมานี้ผู้เขียนได้ดูข่าวเกี่ยวกับกลุ่มคนจีนเข้ามาซื้อบ้านเดี่ยวในไทย ระดับราคา 20-30 ล้านขึ้นไปมีจำนวนมาก แต่เมื่อมีข่าวการปราบปรามจีนเทาในไทย ทำให้กลุ่มจีนที่จะมาซื้อบ้านเดี่ยวหรูพวกนี้ทิ้งเงินจองไปหลายราย เพราะอาจจะกลัวตกเป็นเป้า หรือถูกตรวจสอบจากทางการไทยและจีน ประเด็นนี้ผู้เขียนต้องขอเกริ่นเพิ่มเติมว่า ในปัจจุบันนโยบายการปราบปรามคอร์รัปชันของจีนยังคงดำเนินการตรวจสอบกันเข้มข้น และมีกลุ่มคนจีนที่พยายามนำเงินคอร์รัปชันโยกไปฟอกในต่างประเทศและทางการจีนกำลังตามจับและตามตัวกลับมารับโทษในประเทศกันอยู่
เพราะการเข้ามาอยู่ไทยได้ง่าย ต้นทุนการดำรงชีพไม่สูง (ขอแค่มีเงินก็ช่วยเปิดทางสะดวกโยธินแทบทุกด่านทุกประตู) ทำให้ชาวจีนแผ่นดินใหญ่จำนวนมากรุกคืบเข้ามาตั้งรกราก หาโอกาสเข้ามาตั้งบริษัททำธุรกิจในไทย จนเกิดธุรกิจผูกขาดของกลุ่มคนจีนในไทย เช่น ทัวร์ศูนย์เหรียญที่เป็นปัญหาของไทยตั้งแต่ก่อนโควิด-19 ระบาด ที่คนจีนเข้ามาทำธุรกิจทัวร์ท่องเที่ยวแบบครบวงจร ทั้งผูกขาดร้านอาหาร โรงแรม ร้านของฝาก ดังนั้น ทัวร์จากจีนเข้ามาเที่ยวไทยก็จริง แต่เงินที่นักท่องเที่ยวจีนใช้จ่ายไม่ถึงธุรกิจไทย การจ้างนอมินีทำธุรกิจในไทยเป็นช่องทางที่คนจีนใช้กันมาก ผู้เขียนเคยลองค้นหาในเว็บจีนเกี่ยวกับการเปิดร้านอาหารในไทย ปรากฏว่ามีข้อมูลและคลิปแนะนำแบบชี้โพรงให้กระรอกมากมาย แถมยังมีโฆษณาบริการรับจ้างเปิดร้านอาหารในไทยอีกด้วย
“มณฑลไท่กั๋ว” แปลว่าไทยเป็นมณฑลหนึ่งของจีน เป็นตลกร้ายของคนไทยที่ไม่ควรมองข้าม การรุกคืบของทุนจีนใหม่ที่เข้ามาแบบ “ล้นทะลักและไร้ทิศทาง ไร้การควบคุมที่ดี” จะสร้างปัญหาต่อเศรษฐกิจและสังคมไทยในอนาคตอย่างแน่นอน การรุกคืบเข้ามาแบบไร้การควบคุมจะทำให้คนไทยส่วนใหญ่เสียประโยชน์ โดนกินรวบและโดนเอาเปรียบได้ง่าย
นอกเหนือจากการท่องเที่ยว คนจีนแผ่นดินใหญ่มองไทยอย่างไร? ผู้เขียนไปอ่านในบล็อกเกอร์ของคนจีนบางคนที่ใช้ชีวิตในไทยบอกว่า “ในไทยหาเงินง่าย ทำธุรกิจง่าย ใช้ชีวิตได้แบบสบายๆ เพื่อนจีนหลายคนเพิ่งมาอยู่ไทยได้ไม่นานก็ตั้งตัวได้ ร่ำรวยอู้ฟู่ นั่งรถหรูอยู่บ้านแพงได้” บางคนคอมเมนต์ว่า “เดี๋ยวรอขอวีซ่าแล้วจะเดินทางไปไทยหาช่องทางทำเงินบ้าง”
เหตุผลสำคัญที่คนจีนส่วนหนึ่งเลือกย้ายมาอยู่ที่ประเทศไทยเพราะค่าครองชีพต่ำ การซื้อและเช่าบ้านราคาถูกกว่า สภาพแวดล้อมดี ที่เที่ยวเยอะ อาหารอร่อย การบริการทางการแพทย์ดีและมีโรงเรียนนานาชาติหลายแห่งที่คุณภาพดีค่าเทอมไม่แพง จนมีกลุ่มคนจีนยุคใหม่ที่เห็นโอกาสและย้ายถิ่นฐานมาอยู่ไทย กลุ่มคนจีนพวกนี้กระจุกตัวทำธุรกิจในไทยตามประเภท ต่อไปนี้
- ภาคธุรกิจทัวร์และบริการ เพื่อรับนักท่องเที่ยวจากจีน โดยเฉพาะในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้ คนจีนเข้ามาไทยเพื่อทำธุรกิจนี้จำนวนมาก พวกที่เข้ามาทำก่อนตอนนี้โกยเงินทำกำไรกันได้เป็นกอบเป็นกำ เช่น “นายตู้ห่าว” ก็รวยขึ้นมาได้จากธุรกิจท่องเที่ยวในไทย
- ภาคธุรกิจยางพารา เพราะไทยเป็นฐานการผลิตยางพาราที่สำคัญของโลกและผลผลิตจากยางพาราไทย 90% เพื่อการส่งออก คนจีนที่เห็นโอกาสเมื่อช่วง 5-6 ปีที่ก่อนหน้าได้เริ่มลงทุนโรงงานแปรรูปยางพาราแล้ว และใช้ไทยเป็นฐานผลิตแปรรูปเพื่อส่งออกไปประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะส่งมาขายที่จีน หมอนยางพาราก็เป็นที่นิยมในหมู่ชาวจีนมากมาจนถึงปัจจุบัน
- ภาคธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม เพราะทำได้ง่ายไม่ต้องมีทักษะเฉพาะด้านที่สูงมาก เปิดบริษัทและลงทุนร้านอาหารในนามบริษัทก็สามารถทำได้แล้ว มีบริษัทคนกลางมากมายรับให้คำปรึกษาและให้บริการชี้แนะการเปิดร้านอาหารในไทย ร้านอาหารที่คนจีนเข้ามาเปิดมีอยู่มากตั้งแต่ก่อนเกิดการระบาดโควิด-19 และมีไม่น้อยที่เปิดเพื่อเจาะกลุ่มคนจีน ร้านอาหารจีนหลายร้านในไทยประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี มีลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวจีน
- สตาร์ทอัปจีนในไทย โดยเฉพาะกลุ่มคนจีนรุ่นใหม่อายุ 25-35 ปี เข้ามาอยู่ไทยในตอนแรกอาจจะแค่เรียนภาษาไทย เที่ยวและแสวงหาโอกาสทำธุรกิจ จนเปิดบริษัทสตาร์ทอัป กลุ่มคนจีนรุ่นใหม่กลุ่มนี้มีความเชี่ยวชาญในการใช้โซเชียลมีเดีย ใช้ประโยชน์จากคลิปสั้น เช่น ในติ๊กต็อก สร้างคอนเทนต์จนมีแฟนคลับติดตามจำนวนมากและใช้โอกาสนี้เป็นโอกาสทำธุรกิจอื่นๆ ต่อยอดที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการไทย
และยังมีภาคธุรกิจอีกมากมายในไทยที่จีนได้รุกคืบเข้ามาทำแล้ว เช่น บริการทางการแพทย์ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับทางศาสนาและความเชื่อ ทำล้งทุเรียน เป็นต้น อีกประเด็นสำคัญที่คนจีนเลือกมาตั้งรกรากที่ไทยเพราะคนไทยเป็นมิตรและไม่ต่อต้านคนจีน ในจีนมีกระแสที่เชื่อว่าขอแค่โปรยเงินลงมาคนไทยอ้าแขนรับหมด คนจีนส่วนใหญ่ยังมองไทยว่าล้าหลังกว่า ในโซเชียลผู้เขียนเคยเห็นคอมเมนต์ที่คนจีนรายหนึ่งเขียนถึงประเทศไทยว่า “คนไทยขี้เกียจและยากจน ก็สมควรแล้ว” คอมเมนต์นี้ทำให้ผู้เขียนอ่านแล้วก็จุกจนพูดไม่ออกอยู่เหมือนกัน
สรุปคือ คนจีนยุคใหม่ที่เข้ามาตั้งรกราก ทำมาหากินในไทยมีช่องทางมากมาย โอกาสทางธุรกิจส่วนใหญ่เป็นการบอกต่อปากต่อปาก บางคนมีเพื่อนคนไทยและเห็นโอกาสทำมาหากินร่วมกัน วิธีการหาทางลัดในการทำธุรกิจในไทยมีกลุ่มคนที่คอยชี้นำให้อยู่ คนจีนที่ใช้ชีวิตในไทยมีการจับกลุ่มสร้างเครือข่ายกันอย่างเข้มแข็ง ข้อมูลต่างๆ ส่งถึงกันได้รวดเร็ว
สำหรับไทยเรามีกฎหมายที่เข้มแข็งอยู่แล้ว แต่คนที่มีอำนาจบังคับใช้กฎหมายนั้นอ่อนปวกเปียกไปบ้าง เอาหูไปนาเอาตาไปไร่บ้าง จึงเป็นช่องว่างให้ “อำนาจเงิน” เข้ามาชักนำอยู่เหนือความถูกต้องและประโยชน์โดยรวมของชาติ ผู้เขียนอยากขอให้คนไทยเริ่มตั้งการ์ดกับกระแสทุนจีนที่กำลังจะเข้ามาระลอกใหม่หลังจากที่จีนเปิดประเทศในช่วงต้นปีนี้ คนไทยทุกคนควรต้องเอาผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเป็นหลัก คนไทยคือผู้ควรได้รับประโยชน์แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยจากการเข้ามาเที่ยว และจากการลงทุนของต่างชาติ