xs
xsm
sm
md
lg

New China Insights&:การผ่อนปรนมาตรการป้องกันโควิด-19 กับความอลเวงในภาคประชาชนจีน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพถนนที่แทบไร้ผู้คนรถราสัญจรใจกลางกรุงปักกิ่ง นครหลวงจีน ใช้มาตรการควบคุมโควิดเข้มงวดมากขึ้นระหว่างการแพร่ระบาดใหญ่ เช่น ให้ประชาชนทำงานอยู่บ้าน ปิดสวนสาธารณะ พิพิธภัณฑ์ ภาพวันที่ 23 พ.ย.2022 (ภาพ เอพี)
โดย ร่มฉัตร จันทรานุกูล นักวิชาการอิสระ

เมื่อวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มงานการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ของจีน ได้ออกประกาศฉบับใหม่ว่าด้วยการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 โดยประกาศฉบับนี้แสดงสัญญาณสำคัญและการเปลี่ยนแปลงด้านมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ของจีนครั้งใหญ่ ด้วยมาตรการใหม่เพื่อป้องกันโรคระบาด 20 ประการ(防疫新二十条)

ทำไมประกาศฉบับนี้ถึงสำคัญ และคนจีนให้ความสนใจกันทั้งประเทศ? เพราะมาตรการใหม่ที่ประกาศออกมาล้วนเกี่ยวข้องกับการลดความเข้มงวดของมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ในประเทศจีน ผ่อนปรนมาตรการที่เข้มเกินกว่าเหตุจนสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน

ผู้เขียนขอหยิบประเด็นสำคัญมาคร่าวๆ ในประกาศมาตรการใหม่ฉบับนี้

- ผู้ที่เดินทางจากเมืองที่มีการระบาดหนักไปยังเมืองอื่น ตามมาตรการเก่าต้องกักตัว 7 วันในสถานที่กักตัวรวม เปลี่ยนเป็นกักตัวที่บ้านพักแทน

- กลุ่มผู้เดินทางจากต่างประเทศเข้ามายังจีนกักตัวลดลงเหลือ 5+3 (5 วันในสถานที่กักตัวรวม และ 3 วันกักตัวที่บ้าน) จากมาตรการเก่า 7+3 (7 วันกักตัวรวม และ 3 วันกักตัวที่บ้าน) และหลังจากที่กักตัวขาเข้าประเทศแล้วหนึ่งรอบ การเดินทางต่อไปยังมณฑลอื่นห้ามมีการกักตัวเพิ่มซ้ำซ้อน

- ยกเลิก ‘เขตเสี่ยงปานกลาง’ คงเหลือไว้แต่ ‘เขตเสี่ยงสูง’ และ ‘เขตเสี่ยงต่ำ’ เพื่อลดขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าที่ สำหรับ ‘เขตเสี่ยงสูง’ ให้ยกเลิกการปิดล็อกทั้งหมู่บ้านหรือทั้งเขต ให้ปิดเฉพาะส่วนที่ผู้ติดโควิดอาศัยอยู่เท่านั้น เพื่อลดผลกระทบต่อคนส่วนใหญ่ในพื้นที่ ทั้งนี้ ตามมาตรการควบคุมโควิดฉบับก่อนหน้า หากพบผู้ป่วยหนึ่งรายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง จะต้องปิดทั้งหมู่บ้านและทุกตึกอาคาร แต่ต่อไปนี้จะปิดเฉพาะตึกที่พบผู้ป่วยเท่านั้น

- ยกเลิกการลงโทษไฟลต์บินขาเข้าประเทศให้หยุดบินเมื่อพบผู้ที่ผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก หมายความว่าทุกไฟลตฺบินเข้าจีนจะบินเข้าออกได้อย่างเสรีไม่ถูกจำกัดอีกต่อไป

- ยกเลิกการตรวจ RT-PCR แบบปูพรมตรวจทุกคนทั้งเมือง ให้ตรวจเฉพาะกลุ่มที่จำเป็นและเสี่ยงสูงเท่านั้น

- ในเมืองและหน่วยงานต่างๆ ห้ามดำเนินมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเข้มข้นตามอำเภอใจ เช่น การสั่งปิดเมืองปิดโรงงาน ห้ามเข้าออกเป็นเวลานาน การปิดกั้นสิทธิของประชาชนในการเดินทางข้ามมณฑลข้ามเมืองเพื่อกลับบ้าน หรือจำเป็นต้องเดินทางเพื่อการทำงาน

แม้กระทั่งรถยังถูกล็อกดาวน์ เจ้าหน้าที่กำลังติด “ป้ายล็อกดาวน์” รถขนของข้ามเมือง ทั้งคนขับก็ถูกล็อกดาวน์ในรถไม่สามาถลงจากรถแม้ไปเข้าห้องน้ำจนกว่าจะตรวจโควิดได้ผลบวก ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันโควิดที่สุดเข้มข้นของจีน (ภาพจากสื่อจีน)
ผู้เขียนเห็นว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มาตรการป้องกันโควิด-19 หน่วยปกครองท้องถิ่นต่างๆ ทั่วประเทศใช้มาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ที่เข้มข้นกว่าแนวทางปฏิบัติที่รัฐบาลกลางกำหนด คนจีนเรียกปรากฏการณ์ป้องกันโรคโควิด-19 ที่เข้มเกินไปนี้ว่า “层层加码” อ่านว่า เฉิงเฉิงจยาหม่า (ความหมายประมาณว่า ขั้นตอนหลายซับหลายซ้อนมากมายเกินเหตุ) เพราะผู้นำและผู้รับผิดชอบในพื้นที่กลัวที่จะต้องรับผิดชอบเพราะหากเกิดการระบาดหนักในวงกว้างขึ้น และที่ผ่านมา เมืองหรือพื้นที่ที่มีการป้องกันการระบาดโรคโควิด-19 ได้ไม่ดี ผู้นำและผู้รับผิดชอบมักจะต้องถูกลงโทษและให้ลงจากตำแหน่ง

จากการดำเนินมาตรการป้องกันโควิด-19 ที่เข้มเกินไปในหลายพื้นที่สร้างความไม่พอใจให้ประชาชนกลุ่มหนึ่ง ยกตัวอย่างกรณีเข้มงวดสุดๆ เช่น รถบรรทุกส่งของข้ามเมืองหรือข้ามมณฑล จะถูกติด “ป้ายล็อกดาวน์” ที่ประตูรถ หมายถึงว่าคนขับก็ถูกล็อกดาวน์ไว้ภายในรถจะออกจากรถไม่ได้จนกว่าจะได้ตรวจโควิดและรอรายงานผลตรวจที่เป็นบวกดังนั้น คนขับรถบรรทุกขนส่งของนาน 10 กว่าชั่วโมง ก็ไม่สามารถลงมาจากรถเพื่อเข้าห้องน้ำหรือทำอะไรได้เลย บางคนถูกห้ามเข้าเมืองจุดหมายปลายทางที่จะไปส่งของ ต้องรอตรวจโควิด-19 และรอผลการตรวจออกก่อนถึงจะเดินทางต่อไปได้ เป็นต้น

อีกตัวอย่างหนึ่งคือ การปิดล็อกหมู่บ้านอย่างเข้มงวดช่วงที่มีการระบาด และการเข้าโรงพยาบาลที่ยากลำบากหลายขั้นตอน แม้แต่ประชาชนที่มีเหตุป่วยไข้ต่างๆ ในขั้นวิกฤต ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จะเห็นในข่าวอยู่เสมอว่า ผู้ป่วยถูกนำส่งโรงพยาบาลไม่ทันและต้องเสียชีวิตเนื่องจากมาตรการป้องกันโควิด-19 ที่เข้มงวด ดังนั้น ประกาศมาตรการควบคุมโควิดฉบับใหม่จึงเน้นย้ำถึงความไม่ถูกต้อง และเปิดช่องทางให้ประชาชนสามารถร้องเรียนสายด่วนรัฐบาลได้

หลังจากการประกาศมาตรการใหม่ได้ไม่นาน ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมาก ทั้งกลุ่มที่ดีใจกับมาตรการผ่อนปรน และกลุ่มที่ยังกลัวและมองว่ายังไม่ควรผ่อนปรน มาตรการใหม่ที่ผ่อนปรนมาพร้อมกับการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ในเมืองกว่างโจว ของมณฑลกว่างตง และกรุงปักกิ่ง ชาวเน็ตบางคนบอกว่ามาตรการใหม่นี้ออกมาประกาศใช้ในเวลาที่อาจจะไม่สมควรนัก

ผู้อาศัยในกว่างโจวต่อแถวรอตรวจโควิด-19 ขณะที่โควิดระบาดหนักในกว่างโจว มณฑลกว่างตง ภาพวันที่ 17 พ.ย.2022 (ภาพ รอยเตอร์)
ควันหลงจากมาตรการป้องกันโควิด-19 ฉบับใหม่ ทำให้ประชาชนบางส่วนแตกตื่น มีการแย่งซื้อเครื่องช่วยหายใจมาเตรียมพร้อมไว้ที่บ้าน การแย่งกันซื้อยาจีนเหลียนฮวาสำหรับรักษาอาการโควิดจนยาขาดตลาด และต้องเพิ่มกำลังการผลิตเร่งด่วน ปรากฏการณ์แย่งซื้อเครื่องช่วยหายใจกลายเป็นประเด็นร้อนในโซเซียลมีเดียจีนด้วย คนส่วนใหญ่มองว่าแตกตื่นเกินกว่าเหตุ หรือไม่ก็ถากถางว่า “ทำไมไม่ไปแย่งซื้อโรงพยาบาลเสียเลย จะดีกว่าซื้อเครื่องช่วยหายใจมาไว้ที่บ้าน” เป็นต้น

ความอลเวงที่เกิดขึ้นเพราะมาตรการผ่อนปรนมาพร้อมกับการระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ ความหวาดกลัวของประชาชนเกิดจากความไม่คุ้นเคยกับการจะอยู่ร่วมกับโควิด-19 และการประกาศมาตรการใหม่แบบกะทันหัน ทำให้หลายเมืองยังปรับการบริหารจัดการกันไม่ทัน


ยกตัวอย่างเช่น เมืองสือจยาจวง เมืองเอกของมณฑลเหอเป่ย หลังจากการประกาศมาตรการป้องกันโควิด-19 ฉบับใหม่ออกมา ก็แถลงตามอย่างรวดเร็วว่าจะยกเลิกการตรวจโควิด-19 แบบปูพรม และจะยกเลิกการใช้ผลตรวจโควิดในพื้นที่สาธารณะต่างๆ ไม่กี่วันหลังจากนั้น มีรายงานผู้ติดเชื้อแตะระดับ 1,000 คน ทำให้วันที่ 20-21 พ.ย.ประกาศให้ประชาชนอยู่บ้าน 5 วัน หยุดกิจกรรมในสังคม และไม่แนะนำให้เดินทางออกจากเมือง เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความสับสนให้ผู้อาศัยในเมือง และประชาชนทั่วประเทศที่ได้อ่านข่าวนี้เป็นอย่างมาก

ชาวปักกิ่งต่อแถวรอตรวจโควิด หนึ่งในภารกิจที่จำเป็นต้องทำเพื่อรักษาโค้ดสุขภาพให้เป็นปกติ และสามารถเดินทางออกจากบ้านทำกิจกรรมต่างๆ ได้ (แฟ้มภาพ เอพี)
ที่ปักกิ่งตรวจพบประชาชนที่ผลตรวจโควิดเป็นบวก มีผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในเขตเฉาหยาง ซึ่งเป็นเขตที่ใหญ่ที่สุดในเมืองปักกิ่ง เกิดการระบาดในมหาวิทยาลัยหลายแห่ง มีประชาชนที่มีผลตรวจโควิดเป็นบวกหลายร้อยคนรายวัน โรงเรียนทั้งเมืองปักกิ่งประกาศเรียนออนไลน์ จนทำให้อาทิตย์สุดท้ายของเดือน พ.ย. เขตเฉาหยางออกประกาศให้ประชาชนทำงานอยู่บ้าน ไม่เดินทางข้ามเขต ห้าง ร้านค้า และฟิตเนสปิดทำการ ห้ามนั่งกินในร้านอาหาร จนกว่าสถานการณ์การระบาดจะดีขึ้น ส่วนการตรวจโควิด-19 แบบปูพรมในปักกิ่งยังดำเนินอยู่และต้องตรวจถี่มากขึ้นด้วย การระบาดโควิดในปักกิ่งระลอกนี้มีผู้สูงอายุเสียชีวิตไปแล้ว 3 รายด้วยกัน ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งที่มีความกังวลอยู่แล้วยิ่งกังวลขึ้นไปอีก อย่างเช่นมหาวิทยาลัยที่ผู้เขียนทำงานอยู่ก็ห้ามให้อาจารย์ที่พักอยู่ข้างนอกเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ส่วนนักศึกษาหากอยากจะออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อเดินทางกลับบ้านก็อนุญาตให้เดินทางกลับได้เลย ไม่ต้องรอให้สอบปลายภาคเสร็จก่อน (คาดว่าน่าจะให้เรียนออนไลน์และสอบออนไลน์จนจบเทอม)

หญิงในเซี่ยงไฮ้กำลังสูดตัวยาวัคซีนประเภทอดิโนไวรัสเวคเตอร์ ซึ่งเป็นวัคซีนแบบสูดเข้าปอด (ภาพจาก เวยปั๋ว)
มาถึงเรื่องสุดท้ายคือ “วัคซีน” ที่จีนมีวัคซีนตัวใหม่ออกมาและเปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถนัดล่วงหน้าและไปรับบูสเตอร์ได้แล้ว โดยวัคซีนดังกล่าวผลิตโดยบริษัท แคนสิโน ไบโอโลจิกส์ เป็นวัคซีนประเภทอดิโนไวรัสเวคเตอร์แบบสูดดม วัคซีนดังกล่าวได้รับการยืนยันว่ามีประสิทธิภาพเทียบเท่าวิธีการใช้แบบเข็มฉีด เพียงแต่เปลี่ยนเป็นแบบสูดดมเพียงสูดหายใจครั้งเดียวเท่านั้น ตามข่าวที่รายงานในประเทศจีน วัคซีนตัวนี้ทยอยเปิดให้ประชาชนในเซี่ยงไฮ้ได้ไปรับกันแล้ว สำหรับในปักกิ่งเริ่มมีการเปิดจุดนัดให้ประชาชนไปรับวัคซีนได้ในจุดต่างๆ แต่จำนวนยังมีจำกัดอยู่

สรุปคือ มาตรการใหม่ป้องกันโรคระบาด 20 ประการที่มีการผ่อนปรนมากขึ้นคือสัญญาณก้าวใหม่และก้าวใหญ่ของจีน ที่อาจจะเพิ่มอัตราเร่งการเปิดประเทศให้เร็วขึ้น การคาดการณ์ในประเทศมีมากมาย บ้างก็บอกว่าเดือนนี้ลองเปิดเพื่อทดสอบเสียงประชาชนในช่วงก่อนสิ้นปีอาจจะมีการเปิดจริงๆ ก็เป็นได้ และหากเป็นแบบนั้นจริงเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจโลกอาจจะมีความหวังที่จะกลับมากระเตื้องขึ้นในปีหน้า รวมถึงการท่องเที่ยวของไทยด้วยที่จะคึกคักมากขึ้นหากนักท่องเที่ยวจีนไปเที่ยวไทยได้ แต่สิ่งที่รัฐบาลจีนออกมาย้ำตลอดคือ “นโยบายป้องกันโรคระบาดโควิดในปัจจุบัน ไม่ใช่การนิ่งเฉยไม่ทำอะไร (หรือที่ภาษาจีนใช้คำว่า 'นอนราบ') แต่เป็นการควบคุมอย่างตรงจุดและตามหลักวิทยาศาสตร์มากยิ่งขึ้นเท่านั้น” และจากสถานการณ์ปัจจุบัน อาจจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งที่ชาวจีนจะต้องปรับตัวให้คุ้นเคยและต้องอยู่ร่วมกับโควิด-19 มากขึ้นในแนวทางใหม่นี้


กำลังโหลดความคิดเห็น