สำนักข่าวซินหัวรายงานในวันพุธ (18 พ.ค.) สำนักบริหารการบินพลเรือนแห่งประเทศจีน เปิดเผยว่า ทีมสืบสวนของสหรัฐฯ ที่เข้าร่วมการสืบสวนกรณีเครื่องบินโดยสารของสายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MU5735 พุ่งตกในกว่างซี ยืนยันว่า “ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนเหตุดังกล่าวต่อสื่อมวลชน”
สำนักบริหารการบินพลเรือนระบุว่า ทีมสืบสวนของคณะกรรมการความปลอดภัยด้านการคมนาคมขนส่งแห่งชาติสหรัฐฯ ซึ่งให้ความช่วยเหลือในการสืบสวนกรณีข้างต้น กล่าวชัดเจนว่า พวกเขาได้ร่วมมือกับสำนักฯ ตามกรอบข้อกำหนดของภาคผนวก 13 แห่งอนุสัญญาว่าด้วยการบินพลเรือนระหว่างประเทศ
คำยืนยันดังกล่าวมีขึ้นเพื่อตอบโต้การรายงานข่าวของกลุ่มสื่อมวลชนต่างประเทศเกี่ยวกับสาเหตุของกรณีเครื่องบินโดยสารของสายการบินพุ่งตกเมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยทีมสืบสวนของสหรัฐฯ กล่าวว่า พวกเขาจะให้การสนับสนุนทางเทคนิคอย่างมืออาชีพต่อไปตามความจำเป็น
ปัจจุบันแผนกสืบสวนกำลังดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการระบุซาก การจำแนกประเภทและตรวจสอบ การวิเคราะห์ข้อมูลการบิน และการตรวจสอบแบบทดลองตามขั้นตอนการสืบสวน รวมถึงเชิญคณะกรรมการมาเป็นฝ่ายสืบสวนด้านลักษณะการออกแบบและการผลิตเครื่องบินลำดังกล่าว ซึ่งเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในอนุสัญญา
สำนักบริหารการบินพลเรือนแห่งประเทศจีนระบุว่า จะติดต่อสื่อสารกับฝ่ายต่างๆ ที่ให้ความช่วยเหลือในการสอบสวนข้างต้นอย่างต่อเนื่อง ดำเนินงานที่เกี่ยวข้องในทางวิทยาศาสตร์ และเปิดเผยความคืบหน้าและให้ข้อมูลที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสม โดยยึดตามอนุสัญญา และกลไกการเปิดเผยข้อมูลของรัฐบาล
ทั้งนี้ กลุ่มสื่อเทศได้อ้างรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล ที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (17 พ.ค.) เกี่ยวกับการสืบสวนสาเหตุเครื่องบินโดยสารของไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ในกว่างซี เมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา ในรายงานชิ้นนี้ได้อ้างอิงแหล่งข่าวที่รู้ข้อมูลการประเมินเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เผยว่า ข้อมูลการบินจากกล่องดำของเครื่องโบอิ้ง 737-800 บ่งชี้ว่า “อาจมีบางคนในห้องนักบินทำให้เครื่องบินตกโดยเจตนา เนื่องจากไม่พบหลักฐานการขัดข้องทางเทคนิค”