กลุ่มสื่อต่างชาติรายงาน วันเสาร์ (5 มี.ค.) นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนกล่าวในระหว่างการประชุมสมัชชาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน หรือ NPC (National People's Congress) ประจำปีว่า จีนจะตั้งเป้าหมายการเติบโตของ GDP ที่ประมาณร้อยละ 5.5
รายงานระบุว่า เป้าหมายดังกล่าวเป็นอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำที่สุดในรอบ 3 ทศวรรษของจีน
"สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศบ่งชี้ว่า ความเสี่ยงและความท้าทายสำหรับการพัฒนาในปีนี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก เราต้องพยายามผลักดันต่อไปเพื่อเอาก้าวข้ามอุปสรรค" นายหลี่กล่าว
ในปี 2564 จีนซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกเติบโตร้อยละ 8.1 อย่างไรก็ดี อัตราการขยายตัวชะลอตัวลงอย่างมากในช่วงเดือนสุดท้ายของปี
ปัจจุบัน จีนกำลังเผชิญความท้าทายทั้งในด้านอสังหาริมทรัพย์ สถานการณ์โควิด-19 และผลกระทบจากวิกฤตในยูเครนซึ่งอาจผลักราคาสินค้าโภคภัณฑ์ให้สูงขึ้น
นาง Iris Pang หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Greater China ของบริษัทกองทุน ING วิเคราะห์ว่า จีนกำลังเผชิญความท้าทายหลายประการ เนื่องจากจีนยังคงใช้นโยบายปลอดโควิด ในขณะที่การบริโภคก็อ่อนแอ รวมถึงผลกระทบของนโยบายต่อภาคอสังหาริมทรัพย์และเทคโนโลยียังคงอยู่
“ความตึงเครียดทางการเมืองยังอยู่ในระดับสูง ในขณะที่ซัพพลายเชนหยุดชะงัก และการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ยังคงดำเนินต่อไป” Pang กล่าวเสริม
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์เห็นว่าจีนกำลังจะผ่อนคลายนโยบายปลอดโควิดในเร็วๆ นี้ หลังจากที่นายเจิ้ง กวง อดีตหัวหน้านักระบาดวิทยาของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งประเทศจีน เขียนในบัญชีเวยปั๋วว่า จีนเปลี่ยนนโยบายปลอดโควิดได้ในอนาคตอันใกล้นี้
“ในอนาคตอันใกล้ ในเวลาที่เหมาะสม ควรนำเสนอแผนงานสำหรับการอยู่ร่วมกับไวรัสแบบจีน” เจิ้งฯ ระบุ
ภาพบรรยากาศในพิธีเปิดการประชุมสมัชชาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน หรือ NPC (National People's Congress)ณ มหาศาลาประชาชนจีน กรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 5 มี.ค.2565(ภาพรอยเตอร์)