โจว ต้าคุน ว่ายน้ำไม่เป็น ทั้งไม่เคยคิดจะเป็นวีรบุรุษ
ในวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา นับเป็นวันวิปโยคของชาวเมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนันทางตอนกลางของจีน ด้วยเป็นวันที่น้ำท่วมสูงเชี่ยวกรากไปทั่วเมืองหลังจากที่มหาพายุฝนกระหน่ำหนักสี่วันสี่คืน ชีวิตผู้คนนับร้อยดับลงใน ‘แม่น้ำกลางเมือง’ ทรัพย์สินนับไม่ถ้วนเสียหายวอดวาย
ในวันวิกฤตน้ำท่วมนั้น นาย โจว ต้าคุน ยืนหลบฝนอยู่ริมถนนหนงเคอซึ่งเพิ่งซ่อมแซมเสร็จในเขตจินสุ่ยใจกลางที่เจริญที่สุดของเมืองเจิ้งโจว จากช่วงเวลาราวบ่ายสองครึ่งไปถึงสี่โมงเย็น พายุฝนตกหนักอย่างไม่มีทีท่าหยุด น้ำท่วมขังทั่วเมืองมีความลึกกว่า 1.5 โดยบริเวณที่ลึกที่สุดถึง 2 เมตร กระแสน้ำท่วมเชี่ยวกรากซัดทุกอย่างที่ขวางหน้ารถยนต์ลอยเป็นแพ ประชาชนนับพันคนติดฝนอยู่ตามริมถนน ท้องถนนกลายเป็นเวิ้งน้ำกว้างใหญ่ สัญญาณโทรศัพท์มือถือขาดหายไป แม้แต่จะโทรเรียกตำรวจหรือหน่วยฉุกเฉินก็ไร้ประโยชน์
หลายคนที่พลัดตกน้ำต่างตะเกียกตะกายยกแขนขึ้นสูง แล้วก็ถูกกระแสน้ำพัดล้มลุกคลุกคลานเพื่อเอาชีวิตรอด นาย โจว ต้าคุน ร่างสูงราว 170 ซม. เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังจมน้ำก็โดดลงไปช่วยในทันทีโดยไม่คิดอะไร ในกระแสน้ำท่วมขังที่ลึกเกือบมิดศีรษะเขานั้น รถยนต์หลายคันลอยไปตามน้ำ ชิ้นส่วนโครงโลหะรถจักรยานที่มีตะปูแหลมลอยมาโดนขาของเขา ถึงกระนั้นเขายังกัดฟันทนเจ็บพาเด็กหญิงขึ้นมาจากน้ำจนสำเร็จ
ในช่วงเย็นกระแสน้ำยังไม่เชี่ยวกรากเท่าไหร่นัก บางคนพยายามที่จะข้าม ‘แม่น้ำ’ บางคนวิ่งไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตซื้อห่วงชูชีพ คิดจะว่ายน้ำกลับบ้าน เด็กสาวคนหนึ่งกระโดดลงไปในน้ำเพื่อหยั่งความลึกดู น้ำท่วมลึก 1.3-1.4 เมตร ท่วมถึงหน้าอกของเธอ เธอพยายามเดินลัดเลาะไปตามฝั่ง แต่ยิ่งเดินไปน้ำก็ยิ่งลึก ในที่สุดร่างของเธอก็จมไปในน้ำ บริเวณนั้นน้ำท่วมลึกมาก โจว ต้าคุน ผู้ซึ่งว่ายน้ำไม่เป็น แทบจะจมน้ำเช่นกัน เขาลุยเดินไปที่ฝั่งพลางร้องตระโกน “ห่วงชูชีพ! ห่วงชูชีพ!” เมื่อมีคนโยนห่วงชูชีพให้จึงพาเด็กสาวกลับขึ้นฝั่งได้ เด็กสาวร้องไห้ไม่หยุด ร่างสั่นเทาไปทั้งตัว
“ตกน้ำอาจตายได้!” จากนั้น โจว ต้าคุน ก็เริ่มจัดระเบียบการสัญจร ห้ามฝูงชนลุยน้ำข้ามถนน เขาตระโกนร้องเตือนอยู่หลายรอบ จนมีคนเข้ามาช่วยเขา ในที่สุดก็ได้ทีม 6 คน โจวมีหน้าที่ช่วยคน เพื่อนๆและหนุ่มแปลกหน้าอีกสี่คน ช่วยกันดูแลระเบียบการสัญจรอยู่ริมถนน
อีกคนที่ โจว ต้าคุน ได้ช่วยชีวิตไว้ เป็นชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบห้าสิบปี คิดว่าตัวเองว่ายน้ำได้ก็ลงไปในน้ำ ขณะที่ฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว อุณหภูมิอากาศลดฮวบ ชายคนนั้นหนาวสะท้านไปทั้งตัว เรี่ยวแรงตกลงจนไม่สามารถก้าวขาเดินด้วยตัวเอง โจวใส่ห่วงชูชีพให้เขาและช่วยพาขึ้นฝั่ง พอว่ายน้ำมาได้ครึ่งทางก็มีร่างเด็กสาวคนหนึ่งถูกน้ำซัดเข้ามา เขาใช้มือหนึ่งจับเด็กสาวไว้ อีกมือก็จับอาเฮียพากันขึ้นฝั่งมาได้อย่างทุลักทุเล อาเฮียเข็ดไม่กล้าลุยน้ำอีกและพักค้างคืนที่โรงแรมในบริเวณนั้น
ราวหนึ่งทุ่ม ฟ้ามืดสนิท ไฟฟ้าก็ดับไปนานแล้ว ไม่มีไฟส่องถนน น้ำท่วมสูงเชี่ยวกรากแรงขึ้น มีคนชักชวนคนที่ติดอยู่บนถนนมาเข้ากลุ่มแกะแขนกันลุยน้ำข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามแต่พอเดินไปครึ่งทาง เด็กสาวร่างเตี้ยก็ตกลงไปในน้ำ โจวโกรธมาก ได้แต่สวมห่วงชูชีพออกไป ลากพวกเขาขึ้นฝั่งทีละคน
โจว ต้าคุน บรรยายสภาพน้ำในตอนกลางคืน “หนาวยังกับน้ำแข็งเสียดแทงเข้าไปในกระดูก คะเนดูแล้วน่าจะต่ำกว่า 5 องศาเซลเซียส ยังกับน้ำแข็งในช่องแข็งตู้เย็น”
โจวรู้สึกยืนไม่ติดจึงนั่งพักอยู่ที่ประตูโรงแรม ในใจคิดว่าไม่ช่วยใครอีกแล้ว แต่แล้วก็มีเด็กสาวอีกคนจมน้ำต่อหน้าต่อตา โจว ต้าคุน คว้าห่วงชูชีพโดดลงไปในน้ำ ตอนนั้นน้ำท่วมกลายเป็นน้ำวนไหลเชี่ยว เขาคว้าตัวเด็กสาวไว้ โจวบอกว่า “ตอนนั้นตาผมยังมองเห็น แต่หมดแรงแล้ว กล้ามเนื้อขาเจ็บปวดไปหมด กระแสน้ำวนแรงมาก ทั้งสองตะเกียกตะกายอยู่ในน้ำ 1-2 นาที โจวสวมห่วงยางว่ายน้ำให้เด็กสาว โอบเอวเธอไว้จากด้านหลัง เมื่อน้ำท่วมมิดตัว เขาก็พยายามถีบตัวขึ้นมาเหนือน้ำสูดอากาศ ปล่อยตัวไปตามน้ำจนกระทั่งมาถึงบริเวณน้ำตื้นจึงเดินขึ้นฝั่งได้
โจว ต้าคุน รู้สึกเรี่ยวแรงของตัวเองยิ่งลดลงๆ เหนื่อยมากขนาดสมองว่างเปล่าไม่รู้สึกถึงความกลัวหรืออันตรายใดๆ ไม่คิดที่จะช่วยใครอีกแล้ว แต่เขาก็ไม่อาจทนดูคนตกน้ำถูกพัดพาออกไป ตอนที่เขากำลังไปช่วยชายสูงวัย 60 ปี ก็มีชายแปลกหน้าอีกสามคนเข้ามาสมทบช่วยกันพาคนแก่ขึ้นฝั่งมาจนได้
จากสี่โมงเย็นถึงตีหนึ่งของวันรุ่งขึ้น โจว ต้าคุน ถือห่วงชูชีพออกไปช่วยชีวิตคนตกน้ำรวม 15 คน รวม 9 ชั่วโมง! เขาจำหน้าตาของคนที่เขาได้ช่วยชีวิตขึ้นมาไม่ได้หรอก แต่ก็พาพวกเขาไปส่งที่โรงแรมใกล้บริเวณนั้น
ตอน 6 โมงเช้าของวันที่ 21 ก.ค. น้ำได้ลดลง โจว ต้าคุนกลับบ้านอย่างหมดเรี่ยวหมดแรงไปทั้งตัว “ทั้งกล้ามเนื้อไหล่ แขน ขาสองข้างปวดระบมไปหมด” เขาล้มตัวลงนอนบนเตียงหลับไปถึงสองวัน
ทว่า พอฟื้นตัวกลับมามีแรงหน่อย เขาก็ไปเป็นอาสาสมัคร ช่วยคนที่จัตุรัสนานาชาติจินเฉิงซึ่งเป็นตึกสูงระฟ้าที่น้ำท่วมชั้นใต้ดินสามชั้น
- “ผมเป็นเด็กกำพร้า อาอี๋ได้อุปการะเลี้ยงดูผมมา”
โจว ต้าคุน เกิดเมื่อปี 1992 เป็นคนอำเภอหนิงหลิง กำพร้าพ่อแม่มาแต่เด็กได้แต่อาศัยอยู่กับปู่ย่า ตอนที่เขาอายุ 8-9 ขวบ บ้านยากจนมากต้องอดมื้อกินมื้อ จึงออกจากหมู่บ้านไปตายเอาดาบหน้าร่อนเร่ไปตามลำพังในเมือง ต้องขอทานอยู่ครึ่งค่อนปี กลางคืนนอนตามเกาะกลางถนนวงแหวน
เมื่อทางภาคเหนืออากาศหนาวเย็น และเขาได้ยินว่าที่กว่างโจวมีงานให้ทำเยอะและหาเงินคล่อง จึงเข้ากลุ่มกับเด็กวัยสิบห้าสิบหกขึ้นรถไฟเขียวแบบเก่าลงใต้ไปหางานทำที่กว่างโจว ครั้งแรกพวกเขาแย่งขึ้นรถไฟไม่ทันตกรถไฟ ครั้งต่อมาจึงสามารถแย่งขึ้นรถไฟสำเร็จ แต่โจวก็พลัดหลงกับเด็กคนอื่นๆ
บนรถไฟสีเขียวแบบเก่า ไม่มีที่นั่ง เขาใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ปูนอนคว่ำหน้าไปหนึ่งวันหนึ่งคืน จนถึงเมืองกว่างโจวเขาได้งานเป็นคนส่งอาหารให้กับร้านอาหารแห่งหนึ่ง ต่อมาก็เร่ไปหางานทำที่เมืองเซินเจิ้น และตงก่วน ซึ่งเป็นเมืองที่หางานทำได้ในทุกๆที่
ครั้งหนึ่งเขาไปรับจ้างเก็บสาหร่ายทะเลที่ตำบลหลีเต่า เมืองหรงเฉิง ออกทะเลแต่เช้าตรู่ก่อน 8 โมง พวกคนงานนั่งเรือเล็กออกไป ใช้มีดตัดสาหร่ายโยนลงในเรือกลับมาที่โรงงาน จากเช้ายันค่ำลอยล่องไปในทะเล ฟ้ามืดจึงกลับขึ้นฝั่ง แต่ละวันทำงานกันราว 12 ชั่วโมง
ตอนนั้น โจว ต้าคุน อายุ 11 ปีเต็ม เพิ่งเคยเห็นทะเลครั้งแรกในชีวิต ตื่นเต้นดีใจจนร้องตระโกนก้อง “ทะเลกว้างใหญ่อะไรเช่นนี้ น้ำลึกมาก!”
เมื่อเรือเข้าฝั่ง โจว ต้าคุนจึงได้พักผ่อนเดินเที่ยวในเมืองและมักเดินผ่านสถาบันสอนศิลปะเมืองหรงเฉิง ยืนมองนักศึกษาวาดรูปด้วยเทคนิกหลากหลาย จากนั้นมาเขาก็สนใจศิลปะ
โจว ต้าคุน ทำงานที่หรงเฉิงราวครึ่งปี เมื่ออากาศหนาวเย็น หรงเฉิงปิดน่านน้ำพักทะเล เขาก็กลับมาที่เจิ้งโจวทำงานเป็นกรรมกรก่อสร้างโดยที่ไม่เคยลืมความสนใจเรื่องศิลปะ ในวันหยุดก็มักไปเดินเล่นที่ร้านขายเซรามิคของอาอี๋*แซ่เว่ย ต่อมาเขาก็ได้รู้จักกับเพื่อนของอาอี๋เว่ยอีกสามคน อาอี๋ทั้งสี่รักใคร่เอ็นโจวเหมือนลูกหลานแท้ๆ โจวได้เรียกขานพวกนางว่า“แม่ๆทั้งสี่” “แม่ๆทั้งสี่” ได้ช่วยเหลือโจวเข้าเรียนต่อชั้นประถม มัธยมจนสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ หลังจากที่เรียนจบมหาวิทยาลัย เขาเคยทำงานเป็นคนส่งของ เคยเปิดร้านค้า ปัจจุบันมีงานที่มั่นคง และซื้อรถยนต์ขับ
*(อาอี๋ หมายถึง น้าสาว หรือคำเรียกหญิงมีอายุ)
- ไม่ใช่ครั้งแรกที่สร้างความดีช่วยเหลือคน
ในปี 2019 โจว ต้าคุน ทำงานเป็นพนักงานส่งของ ได้ช่วยชีวิตเด็กน้อยที่ถูกรถชนบนถนน ในตอนนั้นเขาเห็นอาตี๋วัยสี่ห้าขวบ ถูกรถเก๋งชน เขาพุ่งตัวฝ่าขบวนรถยนต์ที่แล่นไปตามถนน ดึงเด็กน้อยออกจากใต้ท้องรถ ตอนนั้น ปาก จมูก คอ ใบหน้าของเด็กเต็มไปด้วยเลือด “หากช้าไปไม่กี่วินาที ล้อรถคงได้ทับศีรษะเด็ก”
หลังจากที่ช่วยชีวิตตี๋น้อย บริษัทได้ให้รางวัลแก่โจว เขาได้นำเงินรางวัลนั้นไปบริจาคให้แก่โรงเรียนประถมศึกษาในเขตหลังเขาที่ยากจนของแคว้นปกครองตัวเองชนชาติไทแห่งเต๋อหง ซึ่งเป็นเขตชายแดนจีน-พม่าในมณฑลยูนนาน
ตอนที่เป็นแรงงานในเซินเจิ้นเขามักเข้าร่วมกลุ่มจิตอาสาของรัฐบาล ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ อาทิ ภัยพิบัติหิมะถล่มในมณฑลหูหนัน แผ่นดินไหวที่มณฑลเสฉวน นอกจากนี้ยังให้ทุนนักศึกษายากจนสามคน
โจว ต้าคุน บอกว่า การที่เขาช่วยเหลือคน เป็นการส่งต่อความรักแบบหนึ่ง นอกจาก “แม่ๆทั้งสี่” ที่เจิ้งโจวแล้ว ครั้งหนึ่งเขาล้มป่วยในกว่างโจว ป้าของเพื่อนร่วมงานได้ให้เงินช่วยเหลือเขา 1,000 หยวน ตอนทำงานที่เจิ้งโจว อาเฮียในปักกิ่งคนหนึ่งได้ช่วยเหลือเงินเขารวมแล้วประมาณ 15,000 หยวน โจว ต้าคุน คิดว่า ตอนนี้ควรถึงตาของเขาแล้วที่จะส่งพลังแห่งความรักความเมตตาเหล่านี้ต่อไปยังผู้อื่น
โจว ต้าคุน กินอยู่อย่างประหยัดอดออม นอกจากค่าใช้จ่ายรายเดือน ได้แก่ ค่าอาหาร 1,000 กว่าหยวน ค่าเช่าบ้าน 1,000 กว่าหยวน เงินที่เหลือก็เก็บออมไว้ โดยแบ่งส่วนหนึ่งไปช่วยเหลือผู้อื่น จนถึงวันนี้เขาได้บริจาคเงินทั้งสิ้น 120,000 หยวน
โจว ต้าคุน บอกว่า “การช่วยชีวิตคนเป็นเหตุกะทันหันที่ไม่คาดคิด เขาไม่เคยคิดที่จะเป็นวีรบุรุษเลย”
กลุ่มคนที่โจว ต้าคุน ได้ช่วยชีวิตไว้ ต่อมาได้ติดต่อกัน ได้เห็นพวกเขากลับบ้านอย่างปลอดภัย ได้กินข้าวกับพ่อแม่ ลูก และภรรยา ใช้ชีวิตปกติ โจว ต้าคุน รู้สึกตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก เขาโพสต์ข้อความในกลุ่มเพื่อนบนโซเชียลมีเดียว่า “การมีชีวิตอยู่นั้นวิเศษจริงๆ การได้กลับบ้านนั้นวิเศษจริงๆ”