บีบีซี (8 ก.ค.) ผู้อำนวยการเอฟบีไอ กล่าวว่าการกระทำของหน่วยสืบราชการลับและการโจรกรรมโดยรัฐบาลจีน ก่อ "ภัยคุกคามระยะยาวที่ยิ่งใหญ่ที่สุด" ต่ออนาคตของสหรัฐอเมริกา
คริสโตเฟอร์ เรย์ ผู้อำนวยการเอฟบีไอ กล่าวปราศัยที่สถาบันฮัดสันในวอชิงตันว่า "จีนมีความพยายามที่จะเป็นมหาอำนาจเดียวของโลก”
ในการพูดเกือบชั่วโมงในวันอังคาร ผู้อำนวยการเอฟบีไอระบุภาพรวมของการแทรกแซงจีน, การจารกรรมข้อมูลทางเศรษฐกิจ การโจรกรรมทางการเงินและกิจกรรมทางการเมืองที่ผิดกฎหมาย โดยใช้การติดสินบนและแบล็กเมล์เพื่อให้ส่งผลต่อนโยบายของสหรัฐ"
"ตอนนี้เรามาถึงจุดที่เอฟบีไอกำลังพบคดีข่าวกรองที่เกี่ยวข้องกับจีนใหม่ ๆ เกิดขึ้นทุก ๆ 10 ชั่วโมง" ผู้อำนวยการเอฟบีไอกล่าว และเสริมว่า "จากคดีข่าวกรองที่กำลังดำเนินอยู่ทั่วประเทศเกือบ 5,000 ราย พบว่าในจำนวนนี้ ครึ่งหนึ่งเกี่ยวข้องกับประเทศจีน"
ผู้อำนวยการเอฟบีไอ กล่าวว่ามีโครงการที่เรียกว่า "ล่าจิ้งจอก" (Fox Hunt) สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน ริเริ่มจัดตั้งโครงการนี้มุ่งเป้าไปที่ ชาวจีนที่อาศัยอยู่นอกจีนแผ่นดินใหญ่ว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐบาลจีน ซึ่งมีทั้งที่เป็นคู่แข่งทางการเมือง ผู้เห็นต่างทางการเมือง และผู้ที่ต้องการเปิดเผยการกระทำของรัฐบาลจีนที่คุกคามสิทธิมนุษยชน
รัฐบาลจีนต้องการเรียกให้คนกลุ่มนี้กลับประเทศ มีทั้งส่งสายลับไปยังครอบครัวของเป้าหมายที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ และเจรจาให้กลับไปจีน หรือจะฆ่าตัวตาย
ในการกล่าวคำปราศรัยของผู้อำนวยการเอฟบีไอ ได้ขอให้ชาวจีนที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ ติดต่อกับเอฟบีไอ หากเจ้าหน้าที่ของจีนพุ่งเป้าฯ บังคับให้พวกเขาเดินทางกลับแผ่นดินใหญ่
รายงานข่าวบีบีซี กล่าวว่า การเปิดเผยจากฝั่งสหรัฐฯ ครั้งนี้ อาจเป็นหนึ่งในความเคลื่อนไหวโจมตีความน่าเชื่อถือของรัฐบาลจีน เช่นเดียวกับการกล่าวหาเรื่องที่มาของไวรัสโคโรนา การผ่านกฎหมายความมั่นคงสำหรับฮ่องกง และล่าสุดการถอนตัวของสหรัฐฯ ออกจากการเป็นสมาชิกขององค์การอนามัยโลก
แน่นอนว่า การปราศัยครั้งนี้ ย่อมเพิ่มความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งมหาอำนาจมองว่าจีนคือคู่แข่งด้านการเป็นผู้นำโลกอย่างแท้จริง