หน่วยโฆษณาการประจำกรุงปักกิ่งแถลงในวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา นับจากพบการระบาดโควิด-19 ที่ตลาดซินฟาตี้เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. ยอดสะสมผู้ติดเชื้อฯในท้องถิ่นเท่ากับ 106 ราย ทำให้นครหลวงจีนซึ่งไม่พบผู้ติดเชื้อติดต่อกันมา 56 วัน และนักเรียนเริ่มทยอยกลับมายังห้องเรียน เกิดอาการเครียด เซ็งเป็ดไปตามๆกัน
กลุ่มผู้ติดเชื้อรายใหม่ส่วนใหญ่เชื่อมโยงกับตลาดซินฟาตี้ ตลาดค้าส่งสินค้าเกษตรและอาหารทะเลสดขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย ในแต่วันละมีผู้สัญจรเข้าออกตลาดมากกว่า 10,000 คน. อีกทั้งรถบรรทุกขนาดใหญ่กว่า 3,000 คันจากทั่วประเทศหลั่งไหลเข้าออกตลาดแห่งนี้
กรณีติดเชื้อรายใหม่ในปักกิ่งโดยผู้ติดเชื้อทั้งหมดไม่มีประวัติการเดินทางนอกเขตเมือง ได้จุดกระแสหวั่นวิตกและคำถามต่างๆมากมาย อาทิ จะเป็นสัญญาณการระบาดรอบสองหรือ? ก่อนหน้านี้การป้องกันการแพร่ระบาดมุ่งไปที่ “คน” ต่อจากไปนี้จะต้องป้องกันการแพร่ระบาดจาก “สิ่งของต่างๆ” ด้วยและจะป้องกันอย่างไร? ปักกิ่งจะจัดมาตรการป้องกันที่ “ตรงจุดและแม่นยำ” อย่างไร?
ผู้สื่อข่าวจีนค่าย ไชน่า นิวส์ ดอท คอม (中新社) ได้ไปสัมภาษณ์กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยา เพื่อทำความเข้าใจในสามประเด็นปัญหา ดังต่อไปนี้
กรณีติดเชื้อโควิด-19 อาจเพิ่มสูง “การระบาดรอบสอง” ยากที่จะสรุป
“ปักกิ่งได้เข้าสู่ช่วงเวลาวิกฤต ต้องทำงานแข่งกับเวลาในการกำจัดรากเหง้าสาแหรกของการแพร่ระบาดครั้งนี้ไปพร้อมๆกับสกัดการแพร่ระบาดขยายวงกว้างออกไป” สีว์ เหอเจี้ยน โฆษกประจำเทศบาลนครปักกิ่งกล่าวระหว่างการแถลงเมื่อวันอาทิตย์ (14 มิ.ย.)
จากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 ที่ปักกิ่งในช่วงไม่กี่วันมานี้ หวัง กุ้ยเฉียง หัวหน้าแผนกโรคติดต่อประจำโรงพยาบาลในสังกัดมหาวิทยาลัยปักกิ่ง วิเคราะห์ว่า มองจากสถานการณ์ ณ ตอนนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อฯอาจเพิ่มขึ้น. มีความเป็นไปได้ว่ามีคนที่ติดเชื้อกลุ่มหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ยังไม่เจอตัว ทำให้การแพร่ระบาดขยายวงไปเรื่อย นี่คือความเสี่ยงซึ่งต้องเฝ้าระวังระดับสูง และต้องค้นหาให้เจอโดยเร็วที่สุด
หวัง กุ้ยเฉียง กล่าวว่าปักกิ่งจะต้องใช้ประสบการณ์ที่สะสมมาในก่อนหน้า ดำเนินมาตรการควบคุมฯที่ “ตรงจุดและแม่นยำ” และช่วงนี้คือ “โอกาสอันมีค่ามาก” ที่จะต้องวิ่งแข่งกับเชื้อโรคระบาด และเอาชนะมันให้ได้
สำหรับประเด็น “การระบาดรอบสอง” ที่ชาวโลกกำลังวิตกกังวลกัน นาย เฉา เหว่ย รองผู้อำนวยการแผนกโรคติดต่อ โรงยาบาลเป่ยจิง ยูเนี่ยน เมดิคัล คอลเลจ (Peking Union Medical College Hospital) กล่าวว่า จากการแพร่ระบาดใหญ่ที่อู่ฮั่นเมื่อต้นปี จีนยังไม่บรรลุถึงสภาพการณ์ที่ “ตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่เป็นศูนย์อย่างต่อเนื่อง” อุบัติการณ์ระบาดที่ตลาดซินฟาตี้คราวนี้เป็นระฆังที่ดังเตือนภัยอีกครั้ง และต้องสืบสวนให้รู้แน่ชัดว่าผู้ติดเชื้อเหล่านี้รับเชื้อมาจาก “คน” หรือ “สิ่งของต่างๆ” ที่มาจากต่างประเทศ มันเป็น “กรณีติดเชื้อล้วนๆ”หรือไม่ มิฉะนั้นแล้วอาจเป็นไปได้ว่าภายในประเทศยังมีแหล่งแพร่เชื้อโรคระบาดในธรรมชาติหรือมีพาหะตัวกลางในแหล่งแพร่เชื้อธรรมชาติอยู่
“หากจะตัดสินว่าการระบาดที่ตลาดซินฟาตี้ เป็น “การระบาดรอบสอง”นั้นถือว่าเร็วเกินไปที่จะตัดสินแบบนั้น” เฉา เหว่ย กล่าว
ช่องทางแพร่เชื้อยังเป็นปริศนา ต้องปรับมาตรการป้องกันไปที่ “สิ่งของต่างๆ”ด้วย
การแพร่ระบาดฯ ที่ตลาดซินฟาตี้ และเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบเชื้อไวรัสบนเขียงแล่ปลาแซลมอนนำเข้า ทำให้ซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ในปักกิ่งพากันเก็บปลาแซลมอนลงจากชั้นจำหน่าย ผู้เชี่ยวชาญศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคระบาดแห่งกว่างซี จั๋ว จยาถง กล่าวว่า วิธีการแพร่เชื้อฯครั้งนี้ยังมีข้อสงสัยอยู่ โดยมีความเป็นไปได้สองอย่าง. หนึ่งคือแหล่งแพร่เชื้อมาจากสิ่งของต่างๆ อีกทางคือแหล่งแพร่เชื้อมาจากคน ไวรัสบนเขียงแล่เนื้อปลาอาจมาจากตัวปลาแซลมอน หรืออาจมาจากผู้ใช้ หรือมาจากการพูดคุยระหว่างคนเดินตลาดที่ผ่านมากับเจ้าของร้านขายปลา ซึ่งล้วนมีความเป็นไปได้
“บางทีผู้ที่แพร่เขื้อไวรัสครั้งนี้ อาจเป็นคนที่แวะมาเดินๆดูของในตลาดเดี๋ยวเดียวก็ออกไป บางทีที่จริงเชื้อไวรัสนี้อาจใกล้เคียงกับกรณีติดเชื้อในต่างแดนมากกว่า ซึ่งเป็นเรื่องยากมากที่จะระบุถึงเส้นทางความเชื่อมโยงใดกันแน่ที่นำไปสู่การติดเชื้อครั้งนี้” จั๋ว จยาถง กล่าว
“ช่องทางหรือวิธีการที่ไวรัสแพร่ระบาดจากตลาดซินฟาตี้ครั้งนี้ จะต้องสืบค้นให้รู้แน่ชัด ที่จริงมันเชื่อมโยงกับกรณีติดเชื้อนำเข้า และสำหรับครั้งนี้อาจจะมาจากผลิตภัณฑ์อาหารทะเล หรือไม่ก็อาหารแช่แข็งนำเข้า” หวัง กุ้ยเฉียงกล่าว
หวังกุ้ยเฉียง เตือนว่าที่ผ่านมาการป้องกันพุ่งเป้าไปที่ “คน” มาตลอด ตอนนี้จะต้องป้องกัน “สิ่งของต่างๆ” ที่นำเข้ามาทั้งหมด
ระดับความเสี่ยงอาจสูงขึ้นกับมาตรการควบคุม
ขณะนี้ 4 เขตและย่านถนน 10 แห่งในปักกิ่งที่มีความเสี่ยงสูงในการแพร่ระบาดฯ โดยตลาดซินฟาตี้มีความเสี่ยงการสูงที่สุด ปักกิ่งได้ประกาศให้ผู้ที่ไปยังตลาดและผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ค้าคนงานที่ร้านค้าในตลาดซินฟาตี้ไปรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19
นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญเฉา เหว่ยเตือนว่า ปริมาณผู้คนไหลเวียนที่ตลาดค้าส่งซินฟาตี้สูงมาก คนงานและสินค้าอาหารในตลาดสัมผัสใกล้ชิดกันมาก และแหล่งที่มาของคนและสินค้าที่เข้ามายังตลาดก็มาจากทั่วสารทิศทั้งจากแดนไกล ขณะเดียวกันผู้คนและสินค้าจากตลาดก็กระจายออกไปสู่พื้นที่กว้างขวาง ดังนั้นจึงต้องจัดมาตรการติดตามอย่างใกล้ชิด
“20-30 วันต่อจากนี้ไป เป็นช่วงที่สำคัญมากสำหรับปักกิ่ง” จั๋ว จยาถง กล่าว และว่าสำหรับผู้อาศัยในท้องถิ่น เพียงป้องกัน “มือและปากจมูก” สองช่องทางนี้ให้ดี อัตราการติดเชื้อก็จะไม่สูง ไม่มีอะไรน่ากลัว หากต้องสัมผัสสิ่งของนำเข้า ต้องล้างฆ่าเชื้อที่มืออย่างเคร่งครัด