MGR ONLINE/เอเจนซีส์ - ระหว่างการแถลงในพิธีเปิดการประชุมสมัชชาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน หรือสภานิติบัญญัติ (22 พ.ค.) นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ยืนยันว่าจีนไม่กำหนดเป้าหมายอัตราเติบโตเศรษฐกิจหรือจีดีพีสำหรับปีนี้ พร้อมประกาศเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านการทหาร 6.6% ซึ่งถือเป็นการเพิ่มที่ต่ำสุดในรอบ 20 ปี
“เราไม่กำหนดเป้าหมายจีดีพีที่เจาะจง เนื่องจากปัจจัยจากการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 และความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจและการค้า” นายกฯ หลี่ อ่านรายงานระหว่างแถลงในพิธีเปิดการประชุมสมัชชาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน หรือเอ็นพีซี
ผู้นำรัฐบาลจีนยังชี้อีกว่า “จีนกำลังเผชิญช่วงเวลาที่ไม่อาจคาดหมาย”
รัฐบาลจีนได้วางเป้าหมาย สร้างงานใหม่ ในเขตเมือง 9 ล้านตำแหน่ง เทียบกับเป้าหมาย 11 ล้านตำแหน่งเมื่อปีที่แล้ว ขณะที่ผลการสำรวจระบุอัตราว่างงานในเขตเมืองอยู่ที่ราว 6 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับอัตรา 5.5 เปอร์เซ็นต์เมื่อปีที่แล้ว
ด้านเป้าหมาย ดัชนีราคาผู้บริโภค หรือซีพีไอ (CPI) สำหรับปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 3.5 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับอัตรา 3 เปอร์เซ็นต์ของปีที่แล้ว
พร้อมกันนี้จีนได้กำหนดโควตาการออกพันธบัตรพิเศษท้องถิ่น ที่ 3.75 ล้านล้านหยวน (หรือราวประมาณ 527,000 ล้านเหรียญสหรัฐ) เทียบกับ 2.15 ล้านล้านหยวนเมื่อปีที่แล้ว
ในรายงานของรัฐบาลยังระบุว่า รัฐบาลต้องทุ่มเทอย่างหนักในการสร้างเสถียรภาพในด้านการจ้างงาน รักษามาตรฐานชีวิตความเป็นอยู่ ขจัดความยากจน ป้องกันและปลดชนวนความเสี่ยงต่างๆ เพื่อประคับประคองการเติบโตเศรษฐกิจ
“เราจะดำเนินการปฏิรูปและเปิดกว้างต่อไปเพื่อสร้างเสถียรภาพการจ้างงาน ประกันความเป็นอยู่ประชาชน กระตุ้นการบริโภค ช่วยสนับสนุนตลาด และผลักดันการเติบโตเศรษฐกิจที่มั่นคง นอกจากนี้จะมุ่งผลักดันการนำเข้าและส่งออกที่มีคุณภาพสูงขึ้น”
อนึ่ง ในการประชุมสภาเอ็นพีซีเมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลจีนได้กำหนดเป้าหมายการเติบโตที่ระหว่าง 6.0 และ 6.5 เปอร์เซ็นต์สำหรับปี 2019 และการขยายตัวภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง (Actual GDP growth) ก็ขยายตัวอยู่ภายในเป้าหมายอย่างเฉียดฉิว ที่ 6.1 เปอร์เซ็นต์
ด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ คาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจมังกรที่ 1.2 เปอร์เซ็นต์สำหรับปีนี้ สืบเนื่องจากผลกระทบเสียหายจากโควิด-19 ซึ่งจะเป็นการขยายตัวระดับต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์
ขยายงบฯ ทัพมังกร 6.6 เปอร์เซ็นต์
ในแถลงรายงานผลงานรัฐบาลต่อสภาเอ็นพีซี จีนได้ประกาศเพิ่มการใช้จ่ายด้านการทหารสำหรับปีนี้ เท่ากับ 6.6 เปอร์เซ็นต์จากปีที่แล้ว หรือ 1.27 ล้านล้านหยวน แม้ว่าเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปีนี้จะหดตัวลงโดยจีดีพีไตรมาสแรกของปีนี้หดตัวมาอยู่ที่ 6.8 เปอร์เซ็นต์ นับเป็นการหดตัวรายไตรมาสที่แรงสุดนับจากจีนเริ่มประกาศการเติบโตเศรษฐกิจเป็นรายไตรมาสเมื่อปี 1992 อัตราการขยายงบฯ ทหารปีนี้ถือว่าต่ำสุดในรอบ 20 ปี
แต่การเพิ่มการใช้จ่ายด้านการทหารปีนี้ก็แสดงถึงการขยายตัวในช่วงสองทวรรษของศตวรรษที่ 21 โดยสูงขึ้น 12 เท่า จาก 107,600 หยวนในปี 1999
ประเด็นฮ่องกง
สำหรับกิจการในจีนที่ชาวโลกให้ความสนใจอยู่ขณะนี้ ได้แก่ ความขัดแย้งในเขตบริหารพิเศษแห่งฮ่องกง นายกฯหลี่กล่าวระหว่างแถลงรายงานรัฐบาลว่าจะรักษาความมั่นคงในเขตบริหารพิเศษฮ่องกงและมาเก๊าโดยวางระบบกฎหมายและกลไกการบังคับใช้ที่มีประสิทธิภาพ
สำหรับฮ่องกง รัฐบาลกลางจะต้องบรรลุการปกครองภายใต้สูตร “หนึ่งประเทศ สองระบบ” อย่าง “ถูกต้อง” ตลอดจนหลักการที่สนับสนุนให้ “ชาวฮ่องกงปกครองฮ่องกง”
แต่ประธานสภาปรึกษาการเองประชาชนจีน นาย หวัง หยังที่กล่าวคำปราศรัยสำคัญในการเปิดประชุมสภาฯเมื่อวันพฤหัสบดี (21 พ.ค.) ไม่ได้กล่าวถึงหลักการที่สนับสนุนให้ “ชาวฮ่องกงปกครองฮ่องกง”
ทั้งนี้ กลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงออกมาเดินขบวนประท้วงกันต่อในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา และในวันเปิดประชุมสภาเอ็นพีซี (22 พ.ค.) กลุ่มประท้วงได้เป่านกหวีดรวมพลต่อต้านร่างกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ ซึ่งกลุ่มประท้วงมองว่าจะเป็น “จุดจบ” ของฮ่องกง
ประเด็นไต้หวัน
“จีนจะต่อต้านกลุ่มแบ่งแยกดินแดนและเคลื่อนไหวอิสรภาพไต้หวันอย่างเด็ดขาด และจะผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างช่องแคบไต้หวันให้ลึกซึ้งมากขึ้นจนนำไปสู่การรวมชาติอย่างสันติ” คำกล่าวของนายกฯ หลี่ระหว่างอ่านรายงานรัฐบาลต่อสภาเอ็นพีซี
ก่อนหน้าในวันพุธ (20 พ.ค.) ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ได้สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สอง
อนึ่ง รัฐบาลภายใต้การนำของผู้นำหญิงเหล็กไช่ สังกัดพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า หรือดีพีพี ซึ่งสนับสนุนอิสรภาพดินแดน ปฏิเสธอย่างแข็งกร้าวต่อการเสนอโมเดลการปกครองกึ่งปกครองตัวเอง “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ของรัฐบาลในปักกิ่ง และยังไม่ยอมรับ “ฉันทามติ 1992” ซึ่งระบุว่า “โลกนี้มีจีนเดียว”
สำหรับการประชุมสมัชชาใหญ่ผู้แทนประชาชนจีนที่ควบคู่กับการประชุมสภาที่ปรึกษาการเมืองแห่งประชาชนจีน ที่จีนเรียก “การประชุมสองสภา” เป็นการประชุมประจำปีที่จัดขึ้นช่วงต้นเดือน มี.ค.และกินเวลานานราวสองสัปดาห์ ถือเป็นอีเวนต์การเมืองใหญ่สุดของประเทศจีน แต่ปีนี้ต้องเลื่อนล่าช้ามาสองเดือนโดยเริ่มประชุมใน 21 พ.ค.เนื่องจากวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 และคาว่าการประชุมจะสิ้นสุดลงเร็วกว่าปกติ