เอเจนซี--ขณะนี้จีนยังอยู่ในอาการตู๊มๆต้อมๆต่อสถานการณ์โรคระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 ในประเทศ แม้สามารถควบคุมการระบาดที่อู่ฮั่นเมืองเอกของมณฑลหูเป่ยซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดเชื้อโควิดได้อยู่หมัด และปลดล็อกมาตรการล็อกดาวน์อู่ฮั่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว(8 เม.ย.)ก็ตาม
องค์การอนามัย หรือ WHO แถลงว่าภัยคุกคามโรคระบาดจากโควิด-19 ที่ใหญ่ที่สุดในจีนคือ กรณีติดเชื้อนำเข้า โดย 90 เปอร์เซ็นต์ของกรณีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในจีนที่รายงานเมื่อวันจันทร์(13 เม.ย.) เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ
จีนได้ออกมาตรการเด็ดขาดสกัดกรณีติดเชื้อนำเข้าหรือผู้เดินทางจากต่างประเทศนับจากปลายเดือนมี.ค. ห้ามชาวต่างชาติทั้งหมดเดินทางเข้าประเทศโดยมีข้อยกเว้นไม่กี่ข้อ นอกจากนี้ปัญหาใหญ่ในการควบคุมการระบาดในจีนยังมาจากกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ หรือ “พาหะไร้อาการ” ทั้งสองกลุ่มนี้อาจจุดชนวนการระบาดรอบใหม่
รายงานสถิติกรณีติดเชื้อรายใหม่ในวันอาทิตย์(12 เม.ย.) ทำให้จีนยิ่งวิตกหนัก เนื่องจากพบผู้ติดเชื้อมากถึง 108 ราย ในจำนวนนี้ 98 รายเป็นกรณีติดเชื้อนำเข้า ถือว่าเป็นสถิติกรณีติดเชื้อฯรายวันที่สูงที่สุดในรอบเดือนเดือนกว่า (นับจากวันที่ 5 มี.ค.)
สำหรับรายงานสถิติฯที่นับถึงเที่ยงคืนวันจันทร์(13 เม.ย.) จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงมา เท่ากับ 89 ราย ในจำนวนนี้ 86 รายเป็นกรณีติดเชื้อนำเข้า
คลิป “จีนห้ามชาวต่างชาติทั้งหมดเข้ามายังจีนเพื่อสกัดกรณีติดเชื้อนำเข้า”
คุมเข้มชายแดนสุดฤทธิ์สุดเดช
จีนยกระดับมาตรการคุมเข้มชายแดนรัสเซียที่ติดกับมณฑลเฮยหลงเจียงแห่งภาคเหนือจีนซึ่งเป็นจุดที่พบกรณีติดเชื้อนำเข้ามากที่สุด
เจ้าหน้าที่จีนกล่าวว่าครึ่งหนึ่งของกรณีติดเชื้อนำเข้าที่พบเมื่อวันอาทิตย์ เป็นกลุ่มชาวจีนที่เดินทางมาจากเมืองวลาดิวอสต็อกในรัสเซีย ชาวจีนเหล่านี้เดินทางผ่านเมืองชายแดนสุยเฟินเหอซึ่งอยู่ในเขตมณฑลเฮยหลงเจียง
จากข้อมูลสถิตินับถึงวันที่ 12 เม.ย. จำนวน “กรณีติดเชื้อนำเข้า”สะสมในจีน เท่ากับ 1,378 ราย ในจำนวนนี้เป็นเคสที่พบในเมืองสุยเฟินเหอ 243 ราย ยังไม่นับรวมกลุ่มผู้ติดเชื้อไร้อาการ ที่เป็น “พาหะโรคเงียบ” อีก 103 ราย
จีนได้ปิดด่านชายแดนที่ติดกับแดนหมีขาวทั้งหมด และอนุญาตเที่ยวบินพาณิชย์ระหว่างสองประเทศเพียงหนึ่งเที่ยวต่อสัปดาห์
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์สุขภาพนครเซี่ยงไฮ้เผยเมื่อวานนี้(13 เม.ย.) ว่ามีผู้โดยสาร 9 คนที่เดินทางจากรัสเซียมายังเซี่ยงไฮ้ในวันศุกร์ที่ผ่านมาถูกตรวจสุขภาพแล้วผลออกมาเป็นค่าบวก และทำให้ผู้ติดเชื้อในเที่ยวบินดังกล่าวมีจำนวนมากถึง 60 ราย
ด้านเกทเวย์ทางภาคใต้จีน คือมณฑลกว่างตง (หรือกวางตุ้ง) ได้ออกมาตรการติดตามและกักตัวแบบครอบคลุมมาบังคับใช้กับผู้เดินทางจากประเทศที่มีความเสี่ยงทั้งหมด จนเกิดเรื่องขัดแย้งทางการทูตกับชาติแอฟริกาโดยกลุ่มเจ้าหน้าที่การทูตแอฟริกาและนักธุรกิจได้ออกมาโวยกล่าวหามาตรการสกัดเชื้อโควิดนำเข้าของกวางตุ้งว่าเป็นการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติและลัทธิเกลียดกลัวต่างชาติ
William Akuma ประธานชุมชนคาเมรูนในกว่างตงกล่าวในวันจันทร์(13 เม.ย.) ว่ามาตรการดังกล่าวกระทบต่อชุมชนแอฟริกาในมณฑล
“เพื่อนผมทุกคนในกว่างตงและฝอซันโดนกักตัวหมด นักธุรกิจบางคนก็โดนกักตัวเป็นรอบที่สอง รวมทั้งนักศึกษาด้วย พวกเขายังต้องจ่ายค่ากักตัวเอง ทำให้ชาวแอฟริกาในกว่างตงเดือดร้อนมาก”
ในวานนี้(13 เม.ย) กระทรวงต่างประเทศจีนได้ออกโรงมาปฏิเสธข้อกล่าวหาเลือกปฏิบัติต่อชาติแอฟริกา และว่าจะปรับปรุงมาตรการสกัดโควิด-19 ของกวางตุ้ง
ทั้งนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันสะสมในประเทศจีน เท่ากับ 82,249 ราย และมีผู้เสียชีวิต เท่ากับ 3,341 ราย โดยในวันที่ 13 เม.ย. ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต